“ฉันมาจากประเทศไทยค่ะ” เมื่อตั้งสติได้มัลลิกาก็รีบเขยิบกายออกห่าง พร้อมแข็งใจกัดฟันตอบคำถามด้วยท่าทางสุภาพ แต่ไม่วายมีน้ำเสียงกระด้างเจือออกมา
‘หากไม่เกรงว่าจะโดนเจ้าของผับไล่ออก แม่จะซัดให้ตาเขียวเลยเชียว โทษฐานที่บังอาจมาทำกะลิ้มกะเหลี่ย และมองขาอ่อนของเธอตาเป็นมัน’ หญิงสาวได้แต่แอบเข่นเขี้ยวในใจ
“อือฮึ…พูดภาษาสวีเดนได้ชัดแจ๋วเลย เธอมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือ” เจ้าของใบหน้าหล่อระเบิดลูบปลายคางเบาๆ พร้อมพยักหน้าหงึกหงักคล้ายพอใจ ก่อนจะเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้ ทั้งที่เพิ่งเห็นหน้าแต่เขากลับนึกอยากรู้จักเธอให้มากขึ้นอย่างน่าประหลาด
“เรื่องส่วนตัวของฉัน มันเกี่ยวกับการให้บริการในผับนี้ด้วยหรือคะ” แม่สาวร่างเล็กเอ่ยรวนด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ซึ่งแอรอนก็ไม่ได้ออกอาการโวยวาย หากแต่ทำเพียงยักไหล่ทรงพลังอย่างไม่นึกแยแสเท่าที่ควรจะเป็น
“อืม…แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ” น้ำเสียงเอื่อยๆ ยังคงทอดออกมาจากปากหยัก มือกระด้างของพ่อหนุ่มกะล่อนคลึงแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันเบาๆ แล้วมองใบหน้าสวยบาดใจด้วยตาปรือฉ่ำ
“ฉันจำเป็นต้องบอกชื่อเสียงเรียงนามให้คุณได้รับรู้ด้วยหรือคะ” คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปตามหน้าที่หยุดชะงัก แล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยพอใจ
“โอเค ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ว่าแต่คืนนี้เธอสนใจจะไปต่อกับฉันไหมสาวน้อย” พ่อหนุ่มเพลย์บอยไหวไหล่กว้างอย่างไม่ยี่หระกับคำตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ เขาเองก็ไม่ได้อยากรู้จักชื่อของแม่สาวเปรี้ยวเข็ดฟันตรงหน้าสักเท่าไรหรอก แต่อยากได้เสียมากกว่า
บอกตามตรงว่าแอรอนรู้สึกพอใจเจ้าของร่างอรชรอ้อนแอ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นอยู่ไกลๆ จนต้องให้ผู้จัดการผับเรียกเธอมาบริการถึงที่ ทั้งที่ตั้งใจว่าคืนนี้จะดื่มคนเดียวเงียบๆ และยิ่งได้มาเห็นท่าทางไร้เดียงสาของสาวเจ้า เขาก็ยิ่งเกิดความอยากได้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ อยากจะพิสูจน์เหลือเกินว่าภายใต้ท่าทางใสซื่อที่แม่คุณแสดงออกนั้น มันมีแม่เสือสาวแอบซ่อนอยู่หรือไม่ ทั้งที่เพลย์บอยตัวฉกาจอย่างแอรอน มอร์แกน ไม่คิดจะขึ้นสังเวียนรักกับสาวไม่เป็นงาน แต่ครั้งนี้เขากลับนึกอยากจะลองสอนชั้นเชิงรักให้แม่สาวน้อยหน้าประถมนมมหาลัยดูสักตั้ง
“คะ?” คิ้วโก่งผูกเป็นปมด้วยความสงสัยในคำพูดของเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องใบหน้าหล่อบาดใจเขม็ง วินาทีที่แอรอนเผลอสบเข้ากับนัยน์ตาชวนฝัน เขาก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมปล่อยเธอให้หลุดมือไปแน่
‘เธอนี่แหละ ที่จะมารับบทเมียกำมะลอของเขา’ หนุ่มหล่อได้แต่หมายมาดอยู่ในใจ ในเมื่อหาผู้หญิงมาทำเมียมันยากนัก เขาก็ขอเลือกคนที่เข้าตาและถูกใจก็แล้วกัน
“ฉันถามว่า คืนนี้เธอสนใจไป…นอนกับฉันไหม ยาหยี” เมื่อเห็นว่าแม่คุณทำหน้างงในคำพูดของเขา พ่อหนุ่มกะล่อนจึงขยายความให้มันโจ่งแจ้งและง่ายต่อการเข้าใจ โดยเน้นในบางประโยค จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาสาธยายให้เธอฟังหลายรอบ
‘ไอ้เลวเอ๊ย!’ แม่สาวสวยตะเบ็งเสียงก่นด่าในใจ ทั้งที่มือเรียวยังสาละวนผสมเครื่องดื่มให้เขาตามหน้าที่ ไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา มัลลิกาพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ และท่องเอาไว้ว่าที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพื่อลูก เพราะถ้าหากไม่นึกถึงแดนไทย ป่านนี้หมัดน้อยๆ ของเธอคงได้ลอยไปกระแทกใบหน้ายียวนเข้าแล้ว
“ว่าไงทูนหัว เปลี่ยนมาเป็นเด็กป๋าไหม เดี๋ยวป๋าคนนี้จะเลี้ยงเอง อยากได้อะไรก็ขอให้บอก เดี๋ยวป๋าจัดให้” ยิ่งเธอไม่ตอบแอรอนก็ยิ่งรุกหนัก เพราะชักนึกสนุกขึ้นมา เห็นท่าทางพยศอยู่ลึกๆ แล้วพ่อหนุ่มกะล่อนก็เกิดความคึกคะนองอย่างห้ามใจไม่อยู่
คราวนี้มัลลิกาถึงกับเลือดขึ้นหน้าให้คนที่ไม่เลิกตอแยกับเธอเสียที ฟันซี่เล็กขบเข้าหากันแน่นอย่างระงับโทสะ แต่เมื่อฝ่ามือสากถือวิสาสะลูบไล้ปลีน่องนวลเนียนสติที่มีก็พลันขาดผึง ปัดมือเขาออกด้วยท่าทางรังเกียจเร็วจี๋ แล้วขยับกายระหงถอยห่างออกมาอีกนิด
“ไม่ค่ะ ฉันมาทำงาน ไม่ได้มาขายตัว” ความอดทนอันมีขีดจำกัดของมัลลิกาลดลงไปมาก เสียงที่ย้อนกลับจึงห้วนจัดจนเกือบเป็นกระชาก ใจจริงเธออยากจะข่วนหน้าไอ้คนปากพล่อยเสียด้วยซ้ำไป
“อย่ามาทำเป็นปฏิเสธไปหน่อยเลยน่า อาชีพแบบเธอมันก็หาลำไพ่พิเศษกันทั้งนั้นแหละ” แอรอนหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด แล้วส่ายหน้าไม่เชื่อถือในคำพูดของแม่สาวน้อย
“คนอื่นจะเป็นอย่างไรฉันไม่รู้ ฉันรู้แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกำลังกล่าวหาก็แล้วกัน” มัลลิกากำหมัดแน่นพร้อมขึ้นเสียงปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยความโกรธจนควันแทบออกหู อยากจะก่นด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงกว่านี้ให้สาแก่ใจยิ่งนัก
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า อยากได้เท่าไรก็บอกมา คนอย่างฉันมีปัญญาจ่ายให้เธออยู่แล้ว” แอรอนลูบไล้หลังมือไปตามกรอบหน้าสวยอย่างถือวิสาสะ ครั้นมัลลิกาปัดมือเขาออก พ่อคนมือไวก็ฉวยมือเรียวไว้ในอุ้งมือใหญ่ แล้วจรดจมูกคมสันลงมาจุมพิตหนักๆ บนหลังมือนุ่มละมุนหนึ่งที ก่อนจะยักคิ้วยวนยั่วอย่างสบายอารมณ์
“อย่ามาฉวยโอกาสทำรุ่มร่ามกับฉันนะ ฉันบอกคุณแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คุณกล่าวหา” เสียงแหลมแว้ดใส่อย่างเหลืออด แล้วรีบสะบัดมือของตัวเองออกจากพันธนาการแกร่ง ก่อนจะกระถดร่างน้อยไปเกยกับโซฟาอีกฝั่งอย่างตื่นตระหนกสุดขีด ท่าทางราวกับกวางน้อยระวังภัยยิ่งปลุกสัญชาตญาณนักล่าในกายแอรอน มอร์แกน ให้ฮึกเหิมขึ้นจนยากจะห้ามใจ
“นี่แม่คุณทูนหัว แม่หางเครื่อง แม่โป๊งชึ่ง เธอจะเล่นตัวไปทำไมกัน หากคืนนี้เธอทำให้ฉันติดใจ ฉันอาจจะยกตำแหน่งเมียให้เธอก็ได้นะ” ในเมื่อเธอหวงชื่อของตัวเองยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เขาก็จัดการตั้งชื่อเฉพาะให้แม่คุณซะเลย สองชื่อนี้แหละเหมาะกับการแต่งตัวของเธอมากที่สุด ชุดสาวเสิร์ฟที่นี่ก็แปลกประหลาดนักเชียว กระโปรงสั้นจู๋มองเห็นต้นขาขาวๆ ก็เพลินตาดีอยู่หรอก แต่ไอ้ชายกระโปรงนี่สิ มีขนนกติดอย่างกับชุดของหางเครื่องจากคณะคาบาเร่
“เฮอะ…แล้วใครว่าฉันอยากจะได้ตำแหน่งนั้นกันล่ะ” ทำเสียงเยาะขึ้นจมูก ไม่ได้รู้สึกยินดีกับตำแหน่งที่เขากำลังคะยั้นคะยอปนขู่เข็ญเลยสักนิด
“นี่แม่โป๊งชึ่ง เธอไม่รู้อะไรเสียแล้วว่ากำลังพูดกับใครอยู่ ฉันแอรอน มอร์แกน มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อที่ผู้หญิงทั่วทั้งสวีเดนต่างอยากจะได้ไปเป็นพ่อของลูก” ถึงแม้เขาจะเป็นเทพบุตรขี้เล่นแห่งยุค แต่ก็สามารถกวนประสาทได้อย่างน่าโมโห เหมือนที่กำลังปั่นหัวมัลลิกาอยู่ในขณะนี้
“เว้นฉันไว้คนหนึ่งเถอะย่ะ พ่อคนหลงตัวเอง!” มัลลิกาผุดลุกขึ้น แล้วตอกกลับเสียงแข็ง ไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับความร่ำรวยที่เขาบรรจงสาธยายออกมาแม้แต่น้อย หากแต่รู้สึกสมเพชเสียมากกว่าที่อีกฝ่ายกล้ามาป่าวประกาศถึงสิ่งที่มีและเป็นอยู่
‘เดี๋ยวนี้พวกมหาเศรษฐีเขาทำกันอย่างนี้เหรอ เวลาที่อยากได้ผู้หญิงสักคนไปนอนด้วย มีเงินมากมายขนาดนั้นทำไมไม่ไปหาซื้อเอาคนที่เขาสมัครใจ มาคุกคามคนที่ไม่เต็มใจอย่างเธอทำไมกัน’
“นั่นเธอจะไปไหน กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” แอรอนตะโกนไล่หลังคนที่เดินสะบัดหน้าจากไปอย่างไม่แยแส ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนปฏิเสธและเดินจากไปโดยที่เขายังไม่อนุญาต
‘แม่ตัวแสบ เธอมันวอนโดนดีเสียแล้ว!’ คำรามกระหึ่มในใจ ทนไม่ไหว ชายหนุ่มก็วิ่งตามมากระชากร่างบอบบางเข้าไปกกกอดเต็มอ้อมแขน
“ปล่อยฉันนะ ฉันไม่เต็มใจให้บริการคนจิตเสื่อมอย่างคุณ” มัลลิกาขืนกายพร้อมตะเบ็งเสียงประณาม ส่วนกำปั้นน้อยก็ระดมทุบตีที่แผ่นอกหนั่นแน่นอย่างบ้าคลั่ง
“เธอกล้าด่าว่าฉันจิตเสื่อมเหรอ แม่โป๊งชึ่ง” วาจาไม่เข้าหูทำให้เจ้าของอ้อมแขนแข็งแรงขึ้นเสียงตะคอกอย่างเดือดดาล แล้วลดใบหน้าหล่อเหลาลงมาให้ลมหายใจฟืดฟาดรินรดใบหน้าเฉี่ยวสวยไม่ขาดสาย
“ใช่ มากกว่านี้ฉันก็จะด่า ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้ลามก ไอ้หื่นกาม ไอ้…”
แอรอนกระแทกริมฝีปากกระด้างเข้ากับปากช่างด่า แล้วลงทัณฑ์ในความปากกล้าของเธอด้วยจุมพิตดุดันระคนดิบเถื่อน ตาหวานเบิกโพลง และช็อกไปชั่วขณะ เขาจึงถือโอกาสบดเคล้ากลีบปากอิ่ม ตักตวงเอาความหอมหวานจนแทบชอกช้ำ
ฉากจูบอันแสนร้อนแรงถึงใจของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่กับสาวเสิร์ฟคนสวย ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันฮือฮา บ้างก็อ้าปากค้าง
“เป็นไง เคลิ้มกับรสจูบของฉันจนพูดไม่ออกเลยเหรอสาวน้อย” กระซิบเสียงเย็นชิดริมฝีปากบวมเป่งของคนที่ยืนตะลึงงันซบอยู่กับอกกว้าง ท่าทางไร้เดียงสากับรสจูบหวานๆ ที่เพิ่งได้รับจากกลีบปากสีกุหลาบทำให้เขาไม่อยากจะละปากออกมาแม้แต่เสี้ยววินาที เอ็นดูคนในอ้อมแขนจนต้องอมยิ้ม
“ว่าไงจ๊ะ ทูนหัว ไปต่อกับฉันเถอะนะ ฉันรู้ว่าร่างกายเธอกำลังร่ำร้องต้องการฉัน” พ่อคนหลงตัวเองหว่านล้อมเสียงแหบพร่าตามแรงอารมณ์บางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้น พลางลูบไล้ฝ่ามือผ่าวระอุไปตามลำแขนเรียวเสลาเบาๆ สัมผัสรุกเร้าทำให้คนเพิ่งเสียจูบแรกได้สติ
“ไม่ เชิญคุณไปคนเดียวเถอะ กรุณาปล่อยแขนฉันด้วย” มัลลิกาอยากจะชกหน้าไอ้คนปากพล่อยนัก ทว่าได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ ไม่ให้มันสำแดงฤทธิ์ออกมา ก่อนจะปฏิเสธอย่างห้วนๆ พร้อมกับสะบัดแขนเรียวให้หลุดพ้นจากพันธนาการของฝ่ามือแข็งกระด้าง
“ถ้าฉันไม่ปล่อย เธอจะทำอะไรฉัน คนสวย” แทนที่จะปล่อยตามคำร้องขอของสาวเจ้า แอรอนกลับออกแรงกระตุกข้อมือกลมกลึงเบาๆ จนร่างบางเซถลาเข้ามาซบอกกำยำ แล้วใช้ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนขึ้นมาสบตา ยิ่งได้ใกล้ชิดร่างระหง แอรอนยิ่งคุ้นเหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แล้วไหนจะกลิ่นกายเย้ายวนป่วนอารมณ์นี่อีกล่ะ
‘เข้าใกล้แม่ตัวดีแล้ว เขาคึกคักเป็นบ้า’
“ก็ทำอย่างนี้อย่างไรล่ะ” เมื่อความอดทนเดินทางมาถึงขีดสุด มัลลิกาก็ลอยหน้าโต้กลับด้วยน้ำเสียงหวานหยดทว่าเคลือบยาพิษ ขาดคำร่างบางก็ดิ้นรนสุดกำลังจนสามารถหลุดพ้นจากการคุกคาม แล้วง้างฝ่ามือน้อยใส่ซีกหน้าคมสุดแรงเกิด
“ไปตายซะไป๊!” เสียงกระด้างสวดส่งเจ้าของใบหน้ายียวนกวนประสาท ก่อนจะตวัดฝ่ามือประเคนลูกตบเข้าใส่แก้มสากอย่างอาจหาญอีกครั้ง
เผียะ!!!
คนที่โดนสาวเจ้าตบติดๆ กันถึงสองครั้งสองคราถึงกับยืนอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้สติเพราะเสียงแหลมปรี๊ดของใครบางคน
“ว้าย…ตายแล้ว!” เสียงกรีดร้องด้วยความแตกตื่นของสาวสวยนางหนึ่ง ทำให้มัลลิกาและแอรอนตกเป็นจุดสนใจในชั่วพริบตา
“เกิดอะไรขึ้นครับ” ผู้จัดการผับแจ้นมายังจุดเกิดเหตุและถามไถ่เร็วจี๋ เมื่อเห็นว่าคนที่มีปัญหากับเด็กเสิร์ฟหน้าใหม่คือลูกค้าวีไอพีอย่างแอรอน มอร์แกน
“นังเด็กเสิร์ฟคนนี้มันตบคุณแอรอนน่ะสิยะ” ยังไม่ทันที่คู่กรณีจะได้เอ่ยปากตอบว่ากระไร แม่สาวใจกล้าคนเดิมก็โพล่งขึ้นเสียก่อน และไม่วายส่งสายตาเชิญชวนไปให้พ่อหนุ่มเพลย์บอย
“ผมต้องขอโทษคุณแอรอนด้วยนะครับ ที่เด็กของทางร้านแสดงกิริยาไม่สุภาพ” ผู้จัดการผับรีบค้อมหัวและละล่ำละลักขอโทษลูกค้าวีไอพี เพราะเกรงว่าถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่พอใจขึ้นมา ผับที่เขาทำงานอยู่คงมีอันต้องปิดตัวลงในวันรุ่งขึ้นเป็นแน่แท้
“ไม่เป็นไรหรอก เราแค่มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” กล่าวกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ คำตอบที่หลุดออกมาจากปากเจ้าพ่อหนุ่ม ทำให้ผู้จัดการผับถึงกับลอบผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“มัลลิกา ไปพบฉันที่ห้องทำงานด่วน!” หลังจากเคลียร์กับผู้ทรงอิทธิพลเสร็จ ผู้จัดการผับก็ปรายตามามองหญิงสาวอย่างเครียดเขม็ง แล้วออกคำสั่งเสียงเรียบติดจะดุ
“ค่ะ” รับคำเสร็จร่างสวยสมส่วนก็เดินก้มหน้าตามผู้จัดการผับไป ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของนักเที่ยวกลางคืนทั้งหลาย ทิ้งให้พ่อหนุ่มหล่อลากไส้ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือทั้งห้ายืนยิ้มกริ่ม แอรอนแสนจะพอใจที่ได้รู้ว่าแม่ตัวแสบชื่ออะไร
‘มัลลิกา แม่โป๊งชึ่ง เจอกันคราวหน้าฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่’ นั่นคือความคิดสุดท้ายที่กระเด็นออกมาจากหัวสมองอันฉียบแหลมของพ่อสุดหล่อ ก่อนที่ร่างทระนงองอาจจะก้าวออกไปจากสถานบันเทิงแห่งนั้นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปริ๊นๆๆ…
เสียงแตรที่ดังออกมาจากรถยนต์คันหรูราคาหลายสิบล้านทำให้คนที่กำลังเดินร้องไห้อยู่ริมฟุตบาทผงกหัวขึ้นมามอง มัลลิกาไม่ได้ล้างหน้าล้างตาออกเช่นทุกวัน ทำให้แอรอนจำได้ว่าเป็นแม่โป๊งชึ่งของเขา แล้วหญิงสาวก็ต้องทำหน้าแปลกใจที่รถคันดังกล่าวเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ตามหลังเธอมาติดๆ ความหวาดกลัวเริ่มเกาะกินในใจทำให้เจ้าของร่างบางซอยเท้าไปข้างหน้าไม่ลดละ แต่เสียงบีบแตรก็ยังดังไล่หลังอยู่ไม่หยุดหย่อน
“ให้ฉันไปส่งไหม แม่โป๊งชึ่ง” ชายหนุ่มลดกระจกลงแล้วส่งเสียงห้าวตะโกนไปถามไถ่ ไม่ต้องหันมามองเธอก็รู้ว่าเป็นใคร มัลลิกาเดินลิ่วๆ โดยไม่คิดจะเหลียวหลังเพื่อจะไปให้ถึงสถานีรถไฟให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเสวนากับคนที่ทำให้เธอโดนไล่ออกจากงาน
กิริยาไม่แยแสที่หญิงสาวกำลังแสดงออกทำให้แอรอนทนไม่ได้ จนต้องจอดรถแล้วก้าวขาเพรียวลงมา ก่อนจะกระชากร่างระหงเข้าไว้ในวงแขน
“ฉันบอกว่าฉันจะไปส่ง เธอไม่ได้ยินหรือไง” เสียงกร้าวกระซิบถาม พร้อมล็อกเอวบางไว้แนบลำตัว เมื่อเธอออกอาการพยศโดยการดิ้นรนขัดขืนเขาก็คำรามฮึ่มฮั่ม
“ได้ยิน แต่ฉันไม่อยากให้คุณไปส่ง ได้ยินไหม ไอ้คนบ้า!” เมื่อโดนบีบคั้นมากๆ ก็ทำให้คนที่กำลังอัดอั้นตันใจปล่อยโฮออกมาเสียงดังลั่น
“มัลลิกา…” เห็นหยาดน้ำตาที่รินไหลออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแอรอนก็ครางแผ่วเบา อยู่ๆ เธอก็ร้องไห้โฮ พลอยให้เขาทำอะไรไม่ถูก
‘ให้ตายสิ เขาเกลียดน้ำตาเธอชะมัด มองแล้วทำไมมันรู้สึกทรมานใจ และร้อนรุ่มราวกับจะทุรนทุรายอย่างนี้นะ’ ชายหนุ่มแอบสบถด้วยความหงุดหงิด
“อย่ามายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป” หญิงสาวเค้นเสียงจากลำคอน้อยตวาดลั่น พร้อมทั้งดิ้นรนฟึดฟัดให้หลุดพ้นจากพันธนาการแข็งแกร่ง แต่เมื่อทำไม่ได้อย่างใจคิด เจ้าของร่างบางก็ยืนร้องไห้กระซิกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง
“โอ๋ๆๆ ใครทำอะไรเธอ บอกฉันซิ คนดี ฉันจะไปจัดการมันให้” เสียงปลอบประโลมนุ่มละมุนจากคนตัวโตทำให้คนที่กำลังร้องไห้หยุดชะงัก คนที่ไม่เคยปลอบใครลูบแผ่นหลังสะท้านอย่างเก้ๆ กังๆ ก่อนจะกดศีรษะหอมกรุ่นกลิ่นแชมพูมาซบอกอุ่น
“ถ้าฉันบอก คุณจะจัดการกับคนคนนั้นยังไง” ถามทั้งที่ยังสะอึกสะอื้น หูน้อยเงี่ยฟังและภาวนาว่าคำตอบที่ได้รับจะเป็นดั่งที่เธอคาดหวัง
“ฉันจะไปชกมันให้หน้าหงายสักทีดีไหม” แล้วก็เป็นไปตามคาด มัลลิกาแอบพอใจจนอยากจะตะโกนออกมาดังๆ แต่ก็กลัวเสียแผนที่ตนวางไว้
“ดีค่ะ เอาให้มันลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยนะคะ” ป้ายน้ำตาออกพร้อมพยักหน้ารับ แอบยิ้มมาดร้ายที่มุมปากชมพูระเรื่อ ก่อนที่หญิงสาวจะยกมือขึ้นลูบไล้แก้มสากอย่างอ้อนๆ
“จัดการไอ้วายร้าย ให้ฉันด้วยนะคะ”
“ได้สิ ยาหยี ถ้ามันเป็นความต้องการของเธอ” เสียงหวานๆ ที่เจ้าตัวจงใจเขย่งปลายเท้าขึ้นไปกระซิบข้างกกหู ทำให้เพลย์บอยหนุ่มถึงกับเคลิ้ม แย้มริมฝีปากได้รูปตอบรับคำขอของอีกฝ่ายราวกับถูกสะกดจิต
“แท็กซี่” ร้องเรียกพลางกวักมือไหวๆ เมื่อเห็นว่าเท็กซี่คันดังกล่าวจอดห่างออกไปด้านหน้า มัลลิกาก็ซอยเท้าวิ่งไปหาทันที ตัดสินใจขึ้นแท็กซี่ไปลงตรงสถานีรถไฟหน้า เพราะถ้าอยู่อย่างนี้ เขาต้องรังควานเธอไม่เลิกแน่
“นั่นเธอจะไปไหน เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยนะว่าใครทำให้เธอร้องไห้” เสียงห้าวตะโกนไล่หลังพร้อมวิ่งตามมา เจ้าของร่างใหญ่ทันได้ดึงประตูที่หญิงสาวกำลังจะปิดลงพอดี ตั้งใจจะรั้งร่างบางลงมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่เมื่อตาเหลือบไปเห็นสัญญาณไฟจราจรที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวก็ต้องถอนหายใจเฮือก
“ถ้าอยากรู้ว่ามันเป็นใคร คุณก็ไปส่องกระจกดูซะ แล้วฝากชกมันให้หน้าหงายด้วยล่ะ” พูดจบก็กระแทกประตูรถใส่หน้าเขาแล้วหัวเราะคิกคัก
“ฮึ่ย…แม่โป๊งชึ่ง เธอกล้าหลอกด่าฉันเหรอ เจอกันคราวหน้าเธอไม่รอดแน่” ยืนคิดอยู่นานถึงได้รู้ว่าคำพูดของเธอมันหมายความว่าอย่างไร ไอ้คนที่เธอบอกให้ไปชกก็คือตัวเขานั่นเอง แม่คุณช่างฉลาดจริงที่สามารถหลอกล่อให้เขาหลงกล ยิ่งเธอท้าทายอย่างนี้เขายิ่งอยากได้มาครอบครอง
“อีกไม่นานเธอจะต้องเป็นของฉัน มัลลิกา แม่หางเครื่อง แม่โป๊งชึ่งของฉัน” ร่างสูงสง่ายืนพึมพำเบาๆ อยู่คนเดียวด้วยรอยยิ้มมาดร้ายบาดลึก ก่อนจะเปิดประตูรถคันโก้มากด้วยสมรรถนะหลายแรงม้า เคลื่อนร่างทรงพลังเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ แล้วฮัมเพลงกลับไปนอนที่เพนต์เฮาส์อย่างสบายอารมณ์ พรุ่งนี้เขาจะให้ลูกน้องไปสืบประวัติของมัลลิกามาให้ หลังจากนั้นก็จะรีบหาทางทำให้เธอมาเป็นเมียกำมะลอโดยเร็วที่สุดก่อนที่คุณย่าจะมัดมือเขาชก