พรหมลิขิตบันดาลชักพา (40%)

2272 คำ
ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน มัลลิกา เรืองวัฒนา กับคุณครูมารีญา ฮัดดิงตัน ซึ่งเป็นญาติห่างๆ ทางฝั่งแม่ของเธอ กำลังนั่งกระวนกระวายใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งสองต้องมายังโรงพยาบาลแห่งนี้ในเวลาพลบค่ำ เนื่องจากมีคนลอบเข้าไปทำร้ายเด็กชายแดนไทย เรืองวัฒนา ลูกชายวัยสิบขวบของมัลลิกา เด็กน้อยไหวตัวทัน วิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ แต่ดันไปสะดุดเข้ากับก้อนหินจนล้มหัวคะมำอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ทำให้หัวเข่าถลอกและเท้ามีแผลเหวอะหวะเลือดสีแดงฉานไหลริน จนแดนไทยร้องไห้จ้า ส่วนคนเป็นแม่อย่างมัลลิกาก็ได้แต่น้ำตาไหลด้วยความสงสารลูกชายตัวน้อยจับใจ แต่ก็ยังถือว่าเคราะห์ดีที่ตำรวจมาช่วยชีวิตสองแม่ลูกไว้ได้ทันท่วงที ถึงแม้ว่าจะจับผู้ร้ายไม่ได้ก็ตาม แอ๊ด!!! “ใครเป็นญาติของคนไข้ครับ?” หลังจากมีเสียงเปิดประตู หมอวัยกลางคนรูปร่างสันทัดก็ปลดผ้าปิดจมูกออกแล้วเอ่ยขึ้นทันที “ดิฉันเองค่ะ” มัลลิการีบผุดลุกขึ้น แล้วถลาเข้าไปยืนตรงหน้าคุณหมอ ใบหน้างามพริ้งมีแววกังวลใจฉายชัดออกมาทั่วทุกอณู “งั้นเชิญทางนี้ครับ” หมอกล่าวเชิญญาติคนไข้ด้วยท่าทางสุภาพพร้อมเดินนำหน้า หญิงสาวหันไปบีบมือคุณครูมารีญาเพื่อฝากฝังลูกชาย เมื่อได้รับการพยักหน้าจากอีกฝ่าย เจ้าของร่างเพรียวระหงก็ไม่รอช้าที่จะสาวเท้าก้าวยาวๆ ตามแผ่นหลังหนาของคุณหมอไป เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องตรวจที่ไม่ไกลจากห้องฉุกเฉิน หมอก็ผายมือเชิญให้มัลลิกานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตน และไม่รอช้าที่จะพูดถึงอาการของคนไข้ตัวน้อยที่เพิ่งเข้าไปรักษา “คุณเป็นแม่ของคนไข้ใช่ไหมครับ” “ใช่ค่ะ ลูกชายของดิฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณหมอ” ชั่วอึดใจที่รอฟังคำตอบจากคุณหมอยู่นั้น หัวอกของคนเป็นแม่แทบมอดไหม้ มือเรียวที่วางอยู่บนตักบีบเข้าหากันจบแทบแหลกละเอียด “ลูกชายของคุณเป็นเบาหวาน และถ้าดูจากผลเลือด มันก็บ่งชี้ได้ว่าเด็กเป็นเบาหวานมาได้สักระยะแล้วครับ” หมอเอ่ยกับหญิงสาวด้วยท่าทางสุขุม หลังจากที่เปิดดูรายงานผลเลือดจากห้องปฏิบัติการที่เพิ่งให้พยาบาลเจาะเลือดคนไข้อย่างเร่งด่วน ปรากฏว่ามันระบุถึงระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินขนาด “มันจะเป็นไปได้อย่างไรคะ ในเมื่อน้องแดนไม่มีอะไรผิดปกติเลย” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากค้านอย่างไม่เต็มเสียงนัก “อาการในเด็กจะไม่เหมือนในผู้ใหญ่ครับ บางทีก็อาจจะมีอาการแต่เด็กไม่ได้บอกคุณแม่เฉยๆ” หมออธิบายให้ญาติคนไข้ฟังตามหลักวิชาการ และจากประสบการณ์ที่ได้พบจากคนไข้มาหลายรูปแบบ “แต่คนเป็นเบาหวานมักจะอ้วนไม่ใช่หรือคะ?” มัลลิกายังคงไม่เลิกกังขา เพราะเท่าที่รู้มาคนเป็นเบาหวานจะต้องตัวอ้วน ไม่ใช่หุ่นเพรียวสมส่วนเหมือนลูกชายของเธอ “ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอกครับ เพราะจากสถิติทางการแพทย์เด็กที่เป็นโรคนี้มักจะผอม ส่วนคนที่อ้วนก็มักจะเป็นโรคอ้วนมาก่อนแล้วค่อยมาเป็นโรคเบาหวานในภายหลัง” “อย่างนั้นหรือคะ?” น้ำเสียงหวิวไหวรับคำคุณหมอราวกับคนละเมอ ใบหน้างามซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด หัวตาร้อนผ่าวด้วยความสะเทือนใจ ‘นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของแดนไทยกันหนอ ตัวกระเปี๊ยกแค่นี้ ถึงได้มีแต่เรื่องเลวร้ายประดังประเดเข้ามาไม่รู้จักจบจักสิ้น’ คุณแม่ยังสาวรำพึงรำพันกับตัวเองในใจด้วยความรวดร้าว หยาดน้ำตาใสๆ คลอเบ้าเจียนจะไหลรินอยู่รอมร่อ “และอีกอย่างก็คือ หมอคงต้องให้น้องแดนไทยนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักระยะ เพื่อรอดูว่าแผลที่นิ้วเท้าจะแห้งสนิทดีหรือไม่” หมอเกริ่นออกมาด้วยท่าทางสุขุม “แล้วถ้ามันไม่แห้งสนิทจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายดิฉันคะคุณหมอ” น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามอีกฝ่าย หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ สีหน้าดูเป็นกังวลอย่างมากมายมหาศาล  “เราอาจจะต้องตัดนิ้วเท้าของน้องแดนไทยออก เพื่อไม่ให้แผลลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง” หมอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเครียดเขม็ง เพราะอดที่จะสงสารคนไข้ตัวน้อยไม่ได้ “แล้วไม่มีทางอื่นที่จะรักษาได้เลยหรือคะคุณหมอ” เสียงเครือเอ่ยถามด้วยความสะเทือนใจ ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะรู้สึกทุกข์ทรมานใจได้มากขนาดนี้อีกแล้ว  “มีครับ ทางการแพทย์สามารถรักษาคนไข้ในเคสนี้ได้ด้วยการให้กินยาอิมมูโนไคน์หรือดับเบิ้ลยูเอฟสิบ แต่ค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง” “ยานี้แพทย์ใช้รักษาคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็งไม่ใช่หรือคะ” มัลลิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะทราบมาว่าคุณย่าของคุณครูมารีญาก็ใช้ยาตัวนี้บำบัดโรคมะเร็งอยู่ “ใช่ครับ แต่ในปัจจุบันสามารถนำยาตัวนี้มาใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีแผลตามอวัยวะได้ โดยฤทธิ์ของยาจะไปกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง และสามารถเข้าทำลายเชื้อโรคบริเวณบาดแผล พร้อมทั้งสร้างเนื้อที่ตายไปแล้วให้งอกขึ้นมาใหม่ ทำให้แผลของผู้ป่วยหายภายในระยะเวลาสั้นๆ” หมออธิบายให้ญาติของคนไข้ฟังอย่างละเอียดตามหลักวิชาการที่สามารถพิสูจน์ได้ “แพงแค่ไหนก็ไม่ว่าค่ะ ขอเพียงให้แดนไทยไม่ต้องตัดนิ้วเท้า ได้โปรดเถอะค่ะ คุณหมอ ได้โปรดรักษาลูกชายดิฉันด้วยยาตัวนี้” วิงวอนทั้งน้ำตา แม้จะไม่มีเงินเก็บหลงเหลืออยู่เลย มัลลิกาก็พร้อมที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกชายมีอวัยวะครบถ้วนเหมือนอย่างคนอื่นเขา “เรื่องนั้นหมอไม่ขัดข้องอยู่แล้วครับ หากมันเป็นประสงค์ของคุณแม่ แต่การรักษาต้องประเมินจากปัจจัยหลายอย่าง อย่างไรก็ต้องรอดูอาการแดนไทยไปก่อน”  “แล้วเราจะรู้ตอนไหนว่าน้องแดนจะได้กินยาอิมมูโนไคน์ ดิฉันจะได้เตรียมเงินไว้ถูก” มัลลิกาต้องการวางแผนในเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดเธอก็จะหาเงินมารักษาแดนไทยให้ได้ “หลังจากที่ดูอาการสักสองอาทิตย์ครับ หากไม่ดีขึ้นก็ต้องทำการรักษาด้วยวิธีนี้” หมอต้องดูก่อนว่าแผลของคนไข้จะลุกลามหรือไม่ หากแผลแห้งสนิทการรักษาด้วยวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต่อคนไข้ “สองอาทิตย์” เสียงหวานครางเบาๆ ทวนคำของคุณหมอราวคนละเมอ ใบหน้างามซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือด ร่องรอยแห่งความกังวลใจฉายชัดไปทั่วทุกอณู “ครับ ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้ว หมอจะนัดมาตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะ เพื่อจะได้ให้ฉีดอินซูลินในปริมาณที่เหมาะสม” หมอเจ้าของไข้แจ้งหญิงสาวไว้ล่วงหน้า “ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ” มัลลิกากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ก่อนจะเดินจากมาด้วยท่าทางเลื่อนลอยไร้สติ หลังจากที่คุณหมอยืนยันว่า แดนไทยยังมีเปอร์เซ็นต์ที่จะไม่ต้องกินยาอิมมูโนไคน์ มัลลิกาก็ได้แต่เฝ้าภาวนาและอ้อนวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายทั้งปวงในสากลโลกให้แดนไทยแคล้วคลาดปลอดภัย และไม่ต้องเสียนิ้วเท้าไป คืนนี้แอรอน มอร์แกน ออกมาเที่ยวโดยที่ข้างกายไร้เงาสตรีสาวสวย จึงมีเหล่าผีเสื้อราตรีร่อนเข้ามาทักทายเพื่อหวังหว่านเสน่ห์ หากแต่เขากลับไม่ชายตาแล วันนี้พ่อหนุ่มเพลย์บอยที่เคยควงผู้หญิงทีเดียวหลายๆ คนรู้สึกเบื่อหน่าย กลิ่นหอมละมุนของแม่สาวเอเชียที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อสามปีที่แล้วยังคอยตามมาหลอกหลอน สามปีที่ผ่านมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอรอนเฝ้าคิดถึงแต่หน้าหวานๆ ของแม่กวางน้อย แต่ครั้นจะไปสืบหาก็ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของสาวเจ้า  อีกทั้งยังรู้สึกเซ็งจัดกับคำสั่งประกาศิตราวสายฟ้าฟาดที่ผู้เป็นย่าเพิ่งจะเอื้อนเอ่ยออกมาเมื่อสามวันก่อนหน้านี้ บวกกับเฟ้นหาคนจะมาเป็นเมียกำมะลอยังไม่ได้ ครั้นโทร.ไปหามาร์โบโล คอฟอร์ด กะว่าจะชวนไอ้เพื่อนยากออกมานั่งดื่มและปรับทุกข์สักหน่อย ฝ่ายนั้นก็ปฏิเสธทันควัน พ่อผู้นำครอบครัวดีเด่นให้เหตุผลว่าจะต้องเล่านิทานกล่อมลูกนอน จนเขาอดแซวไม่ได้ว่าจะกล่อมเมียหรือกล่อมลูกกันแน่ เพื่อนรักก็ตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ซึ่งชายหนุ่มก็รู้เท่าทันในคำตอบได้เป็นอย่างดี จึงไม่อยากจะคะยั้นคะยอคนรักและหลงเมีย ขณะที่แอรอนกำลังนั่งทำท่าเซ็งอยู่นั้น นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก็เหลือบไปเห็นแม่สาวเสิร์ฟเอวบางร่างน้อยนางหนึ่ง หรี่ตาลงมองและครุ่นคิดว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน แต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออกจึงเรียกให้ผู้จัดการผับมาพบ คุยกันสักพักผู้จัดการหนุ่มก็จากไปพร้อมรอยยิ้มเริ่มมาเยือนใบหน้าหล่อกระชากใจของเจ้าพ่อหนุ่ม มัลลิกามาทำงานที่ผับหรูแห่งนี้ได้หนึ่งอาทิตย์เต็มแล้ว เธอสลัดคราบสาวหวานมาเป็นสาวเปรี้ยว เพราะไม่อยากให้คนรู้จักในละแวกบ้านซึ่งอาจบังเอิญมาเจอเธอที่นี่เอาไปพูดให้แดนไทยได้ยินว่าแม่ของเขาทำงานกลางคืน จึงจำเป็นต้องปกปิดใบหน้าอันแท้จริงของตัวเอง ด้วยการขอร้องให้พี่ๆ ที่ทำงานด้วยกันเปลี่ยนลุคให้โดยใช้เทคนิคเมคอัพเข้าช่วย ครั้นพอถึงเวลาจะกลับบ้านไปหาลูกชาย เธอก็จะล้างหน้าล้างตาออกให้หมด แล้วหันมาแต่งตัวดังเดิม ถึงแม้จะรู้ว่าช่วงเวลานั้นแดนไทยหลับปุ๋ยไปแล้วก็ตาม ทุกคืนมัลลิกาจะมีหน้าที่เพียงแค่เอาเครื่องดื่มไปเสิร์ฟตามออเดอร์ที่ลูกค้าในแต่ละโต๊ะสั่งมา แต่วันนี้ไอ้ฝรั่งหน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตรที่หล่นมาจากสรวงสวรรค์ซึ่งเธอกำลังนั่งรินเหล้าให้อยู่นั้น กลับเรียกให้มาบริการเขาถึงโซนวีไอพีบนชั้นสองของผับแห่งนี้ ด้วยความที่ขัดใจลูกค้าไม่ได้ หญิงสาวจึงต้องข่มกลั้นความไม่พอใจเอาไว้ในก้นบึ้ง แล้วยกเครื่องดื่มมาบริการตามที่เขาต้องการ ‘จะว่าไปแล้ว หุ่นเขาก็คุ้นๆ เหมือนกันนะ ส่วนกลิ่นตัวสะอาดสะอ้านแบบนี้ก็ใกล้เคียงมาก แต่คงไม่ใช่มิสเตอร์แบล็กแมนของเธอหรอกมั้ง’ ไม่วายกระหวัดคิดไปถึงพ่อฮีโร่ในดวงใจที่เธอไม่เคยเห็นหน้า จะจำได้ก็แต่เพียงกลิ่นกายและหุ่นกำยำล่ำสัน ความคิดในหัวสมองน้อยตีกันให้วุ่น ก่อนจะหลุดออกจากภวังค์พร้อมสะดุ้งนิดๆ เพราะเสียงกระแอมของคนที่เธอกำลังแอบเหล่อยู่เงียบๆ “ว่าไงสาวน้อย ไม่คิดจะทักทายกันบ้างเลยเหรอ” เสียงเซ็กซี่เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนจะใช้สายตาคมกริบอ้อยอิ่งสำรวจเครื่องหน้าสวยเฉี่ยว ดูๆ ไปแล้วเธอก็มีเค้าโครงหน้าคล้ายกับแม่กวางน้อยของเขาอยู่เหมือนกัน ‘อยากจะบอกเขานักว่าเธอไม่ใช่สาวน้อย แต่อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะคิดยังไงมันก็เรื่องของเขา ทำไมเธอต้องไปแคร์กับคนแปลกหน้า’ มัลลิกาปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง แล้วทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แอรอนทำเพียงยักไหล่ทรงพลังอย่างไม่แยแส “เธอเป็นคนเอเชียหรือสาวน้อย” คนที่ฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังซึมเข้าสู่กระแสเลือด เอ่ยถามสาวน้อยแสนสวยที่ก้มหน้าก้มตาบริการตามหน้าที่โดยไม่ปริปากพูดสักคำ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเธอเป็นคนเอเชีย แถมยังไม่ค่อยอยากจะเสวนากับเขา แต่เขาก็ยังนึกอยากหาเรื่องคุยโดยไม่ทราบสาเหตุ ก่อนจะฉวยปอยผมยาวและนิ่มสลวยขึ้นมาจรดจมูกโด่ง แล้วสูดดมแรงๆ เพราะอดใจกับกลิ่นหอมๆ ที่ลอยละล่องมาในอากาศไม่ได้ ‘ทำไมกลิ่นมันคุ้นจังวะ ถ้าไม่มีกลิ่นน้ำหอมชวนเวียนหัวมาแกมน่ะใช่เลย’ ขบคิดพลางขมวดคิ้วมุ่น เพราะกลิ่นเฉพาะตัวของสาวเจ้าช่างใกล้เคียงกับกลิ่นกายของแม่กวางน้อยเสียเหลือเกิน มัลลิกาเผลอชักสีหน้าใส่คนที่กำลังยุ่มย่ามกับร่างกายเธอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าอย่างระงับอารมณ์ แล้วค่อยๆ ดึงปอยผมออกจากมือใหญ่ จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป “ว่าไงสาวน้อย ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง เธอมาจากประเทศไหนในแถบเอเชีย” ยิ่งเห็นท่าทางเอาเรื่อง แอรอนก็ยิ่งนึกสนุก อยากจะยั่วให้คนที่กำลังกลั้นอารมณ์เกิดอาการปรี๊ดแตกขึ้นมา จึงแกล้งขยับเรือนกายทรงพลังเข้าใกล้ร่างอรชร แล้วก้มลงกระซิบชิดพวงแก้มสุกปลั่ง พร้อมปรายตาพราวระยับมองปลีน่องขาวผ่องที่โผล่พ้นชายกระโปรงสั้นจู๋ ใบหน้างามร้อนวูบวาบราวกับมีไฟลน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้าง ความใกล้ชิดแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนไม่ประสาเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม