EP.5 LOVE HURTS รักเจ็บลึก
ตอน เธอมันตัวซวย
"สภาพดูไม่ได้เลย"เขาพูดและเมินสายตาหนีไปทางอื่นแทน พี่ลูคัสมองไปรอบๆสักพัก สายตาคู่นั้นมองไปรอบๆอย่างละเอียด และจู่ๆคนตัวสูงตรงหน้าก็ชักปืนที่เหน็บอยู่ข้างๆเอวของเขาออกมา และนั้นทำเอาฉัน
"..ปืน!!"ช๊อคจนพูดไม่ออกและทำอะไรไม่ถูกเลยเมื่อเห็นพี่ลูคัสหยิบปืนสีดำกระบอกสั้นๆออกมา
พี่ลูคัสมองสอดส่องไปรอบๆพร้อมกับปืนของเขา
และเพราะปืนนั้นทำเอาฉัน ตกใจกลัวจนมือไม้สั่นและพยายามจะขยับตัวถอยห่างจากเขาช้าๆ ตามสัญชาตญาณของตัวเองล้วนๆ
เสียงขยับตัวของฉันทำให้คนที่ถือปืนหันกลับมามองทางฉันและขมวดคิ้วเล็กน้อย
"อย่าขยับ! ถ้ากระดูกหักก็บรรลัยหนักกว่าเดิมอีก!"เขาพูดกระแทกกระทั่นออกมาเสียงดังอย่างใส่อารมณ์
"ยัยโง่!"และนั้นคือคำพูดสบถใส่ฉันที่ยังคงนอนกองอยู่ที่พื้น
"มีคนสติดีที่ไหน วิ่งออกถนนใหญ่ไม่ดูรถ"เขาหันมามองฉันไม่พอแต่ชี้หน้าฉันด้วยปืนนี้สิ
ทำเอาฉันหลับตาปี๋ๆอย่างหวาดเสียวสุดใจ
"เก็บปืนก่อนได้มั้ย?"ฉันพูดไปอย่างเสียงสั่น และไม่กล้ามองปืนตรงหน้า ด้วยความกลัวเพราะคงไม่มีคนดีๆที่ไหนเอาปืนมาจ่อหน้าคนอื่นเวลาคุยกัน
“ฉันไม่ได้จะยิงเธอหรอกน่า อย่าขี้ขลาดตาขาวไปหน่อยเลย”เขาด่ากระทบกลับมา ก่อนจะยอมลดปืนลง
แต่ก็ยังมองไปรอบๆกวาดสายตาไปทั่ว แต่เพียงไม่นาน
วี วอ วี วอ วี วอร์....เสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น พร้อมๆกับไฟสีแดงน้ำเงินๆ รถพยาบาลวิ่งนำทางมาแต่ไกล
และเสียงของรถตำรวจที่ขับไล่ตามหลังมาติดๆ
ลูคัสเก็บปืนเหน็บไว้ที่เอวตามเดิม เขากอดอกยืนรอจนรถพยาบาลมาถึง
“ฉันไม่ไปโรงพยาบาลนะคะ”ฉันพยายามเอ่ยบอกคนตัวสูงไป
แต่เขาก้มลงมองอย่างไม่ได้สนใจในคำพูดของฉัน
“ฉันไม่ไปนะ”ฉันพยายามร้องบอกไปอีกครั้ง
“หุบปากไปเถอะน่า”เขาพูดข่มๆกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
ฉันสะลึมสะลือมาตลอดทาง มันมึนๆเหมือนร่างกายมันชาๆอย่างบอกไม่ถูก
@โรงพยาบาล
“โชคดีนะครับ ที่สแกนดูแล้วไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง”หมอพูดขึ้นหลังจากที่ทำแผลถลอกตามตัวของฉันให้จนหมดแล้ว
“แต่ยังไงขออยู่รอดูอาการสักคืนนะครับ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอะไร”
“พรุ่งนี้ก็สามารถกลับบ้านได้”หมอพูดกับฉันที่ยังคงนอนแน่นิ่งไปเพราะช้ำไปทั้งตัวจนไม่อยากจะขยับไปไหน
“ยังไงหมอขอตัวก่อนนะครับ”หลังจากที่หมอพูดออกมาแบบนั้นและเขาก็เดินออกจากห้องพักคนเจ็บที่ดูหรูหราราวกับโรงแรมห้องนี้
“บอกแล้วไง ว่าไม่มาโรงพยาบาลอะ”ฉันพูดออกไปอย่างเจ็บระบมช้ำไปทั้งตัว
และมองไปรอบๆก็ไม่เจอกับคู่กรณีของฉันซะแล้ว
“โถ้เอ้ย!!”ฉันมองไปรอบๆห้องที่เรียบหรูนี้อย่างคิดไม่ตกว่า จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่าย
“ฮึก. อื้ออ.”ฉันพยายามประคองตัวเองขึ้นมานั่ง ก่อนจะรวบรวมแรงเท่าที่มี ยกมือที่สั่นๆของตัวเองกระชากสายน้ำเกลือออกจากข้อมือทันที
ก่อนจะก้าวลงจากเตียง ทั้งที่เจ็บร้าวไปถึงกระดูก
ฉันเดินไปหยิบเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่อย่างทุลักทุเลเพราะมันเจ็บแผลฟกช้ำเอามากๆ แต่ก็ต้องกัดฟันทน
เพราะถ้าฉันอยู่ถึงพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าจะมีเงินที่ไหนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเลยจริงๆ
ฉันกัดฟันเดินเกาะกำแพงไปเรื่อยๆ เพื่อเปิดประตูออกไปจากห้องนี้
แอ๊ด!! ทันทีที่คว้าลูกบิดเปิดประตูออกมา
“นี่เธอ...”
“จะไปไหน?”คนตัวสูงตรงหน้ามองจ้องเขม่นตรงมาที่ฉัน
“กลับบ้านค่ะ”ฉันตอบไปอย่างเสียงแหบๆ
“สภาพนี้เนี้ยนะ?”เขามองดูสภาพที่ย่ำแย่ของฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ค่ะ”ฉันตอบไปอย่างพยายามไม่มีพิรุธอะไร
ฟุ๊บ! คนตรงหน้าคว้าแขนของฉันเอาไว้
“อะ.โอ้ย!”ฉันร้องขึ้นอย่างตกใจเพราะเขาบีบลงตรงแผลที่เจาะน้ำเกลือจนเลือดซึมๆออกมาด้วย
“เธอนี้ประสาทดีนะ ทำฉันเดือดร้อนและคิดจะหนีง่ายๆ”เขาพูดขึ้นอย่างรู้ทันว่าฉันกำลังจะหนีออกจากโรงพยาบาล
“ฉันไม่ได้จะหนีพี่ลูคัสนะคะ แต่ว่าฉันนอนโรงพยาบาลต่อไม่ได้จริงๆ”ฉันพยายามจะอธิบายไปพร้อมๆกับดึงข้อมือของตัวเองคืนจากเขา
แต่คนตรงหน้าก็บีบข้อมือของฉันแรงขึ้นจนฉันแทบจะร้องออกมา แต่ก็ต้องเมมปากกลั้นเอาไว้เพราะกลัวว่าพยาบาลหรือหมอคนอื่นจะผ่านมาได้ยิน
“ฉันเจ็บนะคะ”ฉันพูดออกไปอย่างเบาๆ
“ถ้าฉันเบรคไม่ทันจริงๆ เธอก็คงได้ไปเกิดใหม่แล้วจริงๆ”คนตัวสูงพูดอย่างแดกดันใส่หน้าฉัน
“เธอทำเสียเวลาซ่อมรถ และยังเสียโอกาสที่จะได้..”เขากัดริมฝีปากและกำหมัดแน่นก่อนจะข่มอารมณ์และมองไปทางอื่นแทน
…..
……
“เธอนี่แม่ง..ตัวซวย”เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“ฉันขอโทษจริงๆนะคะ”ฉันยกมือไหว้ขอโทษเขาไปตามตรง แม้ว่าแขนจะแทบจะยกไม่ขึ้นเลยก็ตาม
มันคือความผิดของฉันจริงๆที่วิ่งออกไปไม่ดูอะไรเลย ถ้าเป็นรถคันอื่นฉันก็อาจจะไม่โชคดีแบบนี้
“เหอะ”เขากรอกตามองบนและถอนหายใจใส่
“ที่ฉันวิ่งออกไปแบบนั้น เพราะว่าฉันถูกพี่ขะ.../นั้นมันเรื่องของเธอ ไม่ต้องอธิบายเพราะฉันไม่ได้อยากจะรู้”ยังไม่ทันที่ฉันจะอธิบายอะไรออกไปเขาก็พูดสวนขึ้นมาทันที
“ค่ะ”ฉันตอบไปเบาๆอย่างหน้าเสียเล็กน้อย
“ยังไงก็บอกตำรวจตามจริงด้วยแล้วกัน”
“ว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดของเธอ”
“ไม่ใช่ฉัน”พี่ลูคัสพูดด้วยใบหน้าที่จริงจังและน้ำเสียงแข็งกร้าว
ฉันพยักหน้ารับอย่างยอมรับผิดจริงๆ
“ส่วนนี้ค่ารักษาของเธอ.. จ่ายด้วยละ!”เขายื่นให้ฉันและพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“สามหมื่นแปด!”ฉันพูดขึ้นด้วยความตกใจมองดูบิลค่าใช้จ่ายนั้นด้วยมือที่สั่นๆ
“ทำไมถึงแพงขนาดนี้กันละ..”ฉันมองไปอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองและพูดออกมาเบาๆกับตัวเอง
“ฉันไม่ได้เป็นคนประมาทและขับชน แต่เธอวิ่งมาหารถเอง”เขาเงยจากโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว
“ฉันไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของเธอ”
“เพราะฉะนั้น เธอต้องจ่ายเองทั้งหมด”คนตรงหน้าพูดต่ออย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“คือฉัน..”ฉันถึงกับกุมขมับทันที มันรู้สึกวูบคล้ายจะเป็นลมหนักกว่าเดิมอีก
“ทำไมละ? จะโกงแม้กระทั่งหมอและพยาบาลที่รักษาตัวเธอเหรอ?”เขาพูดอย่างแสยะยิ้มมองเหยียด
“ฉันไม่ได้จะโกงนะคะ แต่ฉันไม่มีจริง”ฉันพูดออกไปอย่างจนมุม
“จริงๆแล้วพี่ลูคัสไม่น่าพาฉันมาที่นี้ ฉันไม่มีเงินค่ารักษามากมายขนาดนี้หรอกนะคะ”ฉันพูดไปอย่างตัดพ้ออยู่หน่อยๆ
“พี่ก็น่าจะรู้”ฉันเซไปพิงกับขอบประตูอย่างรู้สึกเจ็บๆตามเนื้อตัวและแผลมันเร่ิมตึงๆ
“โทษทีนะ ฉันไม่ได้สนใจเรื่องของเธอนะ”เขาตอบกลับมาอย่างหน้านิ่งๆ
เขาปล่อยมือจากตัวของฉัน ก่อนจะเหยียดยิ้มอีกครั้ง
และเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเตรียมจะหันหลังเดินจากไป
ฟุ๊บ!
“แต่พี่ค่ะ..”ฉันเอื้อมมือไปจับที่ชายเสื้อของเขาอย่างตกใจเพื่อรั้งไม่ให้เขาเดินไป
พี่ลูคัสหันกลับมาและมองที่มือของฉันที่จับชายเสื้อของเขา สายตาดุดันของเขาทำให้ฉันรีบปล่อยชายเสื้อทันที
“ฉันไม่เงินจ่ายจริงๆ พี่จะกรุณาจ่ายค่ารักษาให้ฉันก่อนได้มั้ยคะ?”ฉันเอ่ยขอไปตรงๆเพราะหมดทางเลือกแล้วจริงๆ
เขารับฟังคำพูดของฉันด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย และยากที่จะคาดเดาความคิดในแววตาคู่นั้นของเขา
“ฉันสัญญาว่าจะหามาคืนแน่ๆ”ฉันพล่ามออกไปอย่างหน้าไม่อายจริงๆ
“นี่เธอกำลังขอยืมเงินฉัน งั้นเหรอ?”พี่ลูคัสกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อยและเอียงคอฟังในสิ่งที่ฉันพูดออกไปจนจบ
ฉันพยักหน้ารับไปอย่างไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ
“หรือว่าพี่จะให้ฉันทำงานอะไรแลกมาก็ได้นะคะ”ฉันยกมือไหว้ขอความเมตตาจากพี่ชายของเพื่อนตัวเองไปเพื่อนขอร้องและวิงวอนต่อเขา
“ตอนนี้ฉันไม่มีเงินจริงๆค่ะ”ฉันพูดไปทั้งๆที่แทบจะยืนไม่ไหว
“เธอมาของานฉัน ทั้งๆที่งานครั้งที่แล้ว"
"เธอทำพังพินาศไม่เป็นท่า”
“ฉันควรให้งานอะไรเธอทำอีกนะเหรอ?”เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ๆและพูดกับฉันอย่างเน้นย้ำ
"ได้โปรดเถอะค่ะพี่"ฉันพยายามเอ่ยขอร้องต่อคนที่แสนจะเย็นชาอย่างเขา
"ฉันยินดีทำงานทุกอย่าง.."