1
[ภาขวัญ]
วันจบการศึกษา
'แกร๊ก'
หลังจากใส่กระสุนเสร็จมือเรียวก็ดันแม็กเข้าด้ามปืน แล้วยื่นมาให้ฉัน
"ใส่ไว้ที่ปอกเก็บปืนข้างขาลูก"
"มาม๊าคะ หนูรับปริญญานะ อีกอย่างคนมอบก็คุณตา ไลออนดรากอนเกลื่อนมหาลัย ไม่มีใครทำอะไรหนูได้หรอกค่ะ"
"ไม่ได้ ลูกต้องพกปืนติดตัวไว้ตลอด เราไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น"
ฉันกลอกตามองบน
"แต่มหาลัยเป็นของตระกูลเรานะคะมาม๊า บอดี้การ์ดคุณตาเป็นร้อยๆ บอดี้การ์ดปะป๊าก็แทบจะล้นมหาลัย"
"มาม๊ารู้เชื่อมาม๊าเถอะภาขวัญ อย่าดื้อให้มาก"
มาม๊าว่าจบก็เดินมาถกกระโปรงนักศึกษาฉันขึ้น ก่อนจะดันปืนใส่ในซองและดึงสายรัดขาไว้ ทายาทมาเฟียที่มีศัตรูระดับชาติเป็นผู้ก่อการร้าย ไปไหนมาไหนลำบากแสนเข็ญ
ไม่ต้องถามว่าใช้ชีวิตยังไง ไม่เหมือนคนทั่วไปแน่นอน โดยเฉพาะหลานสาวหัวแก้วหัวแหวนที่คุณตารักปะป๊าหวงอย่างฉัน และยิ่งเป็นลูกสาวมาเฟียสองตระกูลทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย ฉันยิ่งถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาจากสองฝ่าย บอกเลยค่ะ...บอดี้การ์ดเยอะแทบจะเป็นขบวนเสด็จอยู่แล้ว
ไลออน ตระกูลมาม๊า
ดรากอน ตระกูลปะป๊า
ความแข็งแกร่งตอนนี้ใครก็ยากจะล้มล้าง เว้นแต่พวกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ยังเป็นศัตรูของเราอยู่
"ปะป๊าล่ะคะ"
"ปะป๊ากับพี่ภาคิณไปรอที่มหาลัยแล้ว ภาขวัญไปกับพี่พายุนะลูก พี่รอด้านล่าง"
"ค่ะ" แล้วมาม๊าก็เดินมาจับไหล่มองฉันผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ท่านลูบผมยาวสีน้ำตาลอ่อนฉันช้าๆ ก่อนจะจัดแจงชุดครุยสีครามแล้วยิ้มให้กับฉัน
"โตเป็นสาว เรียนจบแล้วลูกมาม๊า"
"หนูเก่งไหมคะ"
"เก่งมาก มาม๊าภูมิใจในตัวภาขวัญที่สุด ไปกันเถอะ ไปรับปริญญาให้เสร็จๆจะได้กลับมาฉลองกัน"
ฉันพยักหน้าตอบมาม๊ายิ้มๆ ก่อนจะเดินไปหยิบหมวกแล้วออกมาจากห้องเตรียมไปมหาลัย ที่บันไดมีบอดี้การ์ดยืนสองฝั่ง ทันทีที่ฉันก้าวลงไปเหยียบพื้นชั้นล่างพวกเขาทั้งหมดก็ก้มคำนับอย่างพร้อมเพรียง
แต่พี่ชายฉันที่นั่งไขว่ห้างบนโซฟามองมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
"ชักช้า" ฉันทำหน้ายู่
"พายุน้องเป็นผู้หญิง แต่งตัวแต่งหน้าช้าเป็นธรรมดา" พี่พายุยืนขึ้นแล้วสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินมาหาฉัน
"ไปได้ยัง สายแล้ว"
"เดี๋ยวก่อนนนนน หนูสวยไหมคะพี่พายุ" พี่ชายฉันขมวดคิ้วมอง
"อืมสวย ไปได้แล้ว"
ฉันกับมาม๊าเดินตามหลังพี่พายุ พ่วงด้วยบอดี้การ์ดนับสิบล้อมหน้าล้อมหลัง หน้าบ้านมีรถโรลส์รอยซ์คันหรูจอดเรียงเป็นแถวยาว อีกทั้งยังมีบอดี้การ์ดยืนเรียงแถวคุ้มกันเปิดประตูให้
และเมื่อฉันขึ้นรถ คันหน้าก็นำขบวนออกไปอย่างทำเวลา
ฉันนั่งกับพี่พายุ ส่วนมาม๊านั่งรถด้านหลัง ปลายทางคือมหาวิทยาลัยของฉัน LDZ University มหาลัยนี้เป็นมหาลัยที่ไลออนดรากอนและZER กรุ๊ปร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา แต่เปิดสอนแค่สามคณะ หนึ่งบริหาร สองวิศวกรรมศาสตร์ สามการท่องเที่ยวและโรงแรม
ฉันเรียนจบบริหาร จบแล้วคงช่วยงานบริษัทโลจิสติกส์ของคุณตาไปสักระยะถึงจะเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง ส่วนพี่พายุพี่ภาคิณพี่ชายฝาแฝดของฉัน ตอนนี้ขึ้นเป็นหัวหน้าดรากอน และเป็นผู้ดูแลไลออนร่วมกับญาติฝั่งมาม๊าแล้ว
แต่ถึงจะทำงานร่วมกัน ออกจากท้องมาม๊ามาพร้อมกัน นิสัยพี่ชายฉันแตกต่างกันสุดขั้ว พี่พายุอย่างที่เห็นแข็งๆตรงไปตรงมา ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง แอบเผด็จการนิดๆ ส่วนพี่ภาคิณเป็นพี่ชายแสนอบอุ่นไมโครเวฟของฉันเลย รายนั้นอ่อนโยนมีเหตุผลที่สุด เผลอๆมีมากกว่าปะป๊าด้วยซ้ำ
"เรียนจบแล้วอยากได้อะไร"
อยู่ๆพี่พายุก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ขอมีแฟนค่ะ"
"ไอ้หมอนั่นน่ะเหรอ? แก่จะรุ่นพ่ออยู่แล้ว" ฉันชักสีหน้าใส่พี่พายุ ชอบว่าพี่หมอของฉันตลอดเลย อายุห่างกันแค่ยี่สิบกว่าปีแก่รุ่นพ่อตรงไหน
"อย่าว่าพี่หมอภูมินะ"
"พี่ไม่อนุญาตให้มีแฟนหรือคบใครทั้งนั้น ไอ้หมอนั่นก็ห้าม ถ้าอยากคบก็คบเป็นอาหลานหรือพี่น้องกันก็พอ"
นี่ไงคนเผด็จการ ลุงตู่!
"ถ้าถามว่าอยากได้อะไร และให้ไม่ได้ คราวหลังอย่าถามนะคะ"
"ภาขวัญ" พี่พายุหันมาขึ้นเสียงใส่ฉัน
"ไม่เคยตามใจน้อง พี่หมอภูมิดีกับภาขวัญมาก อายุเป็นแค่ตัวเลข คุยด้วยแล้วสบายใจอบอุ่นก็พอแล้วป่ะ"
"เดี๋ยวไม่นานมันก็ตาย แก่ขนาดนั้น"
ฉันเบิกตาโต
"พี่พายุอย่าปากหมาสิคะ" มาเฟียหนุ่มข้างๆมองหน้าฉันทันที ขณะที่บอดี้การ์ดคนสนิทที่ขับรถให้พยายามเม้มปากกลั้นขำ
"ใครขำ กูจะเป่าหัวแม่งให้หมด!"
"ไม่บังอาจครับนาย"
"งั้นขับรถไป!"
ฉันเบ้ปากใส่ และหลังจากนั้นในรถโรลส์รอยซ์ก็ตกอยู่ในความเงียบจนถึงมหาวิทยาลัย พี่พายุไม่ถามอะไรฉันอีกแล้ว ส่วนฉันก็ไม่คุย เลือกกอดอกหันไปมองนอกรถอย่างเบื่อหน่าย
•••
LDZ University
"ซานิ พอล ใยไหมมมม"
พอบอดี้การ์ดเปิดประตูรถให้ฉันก็วิ่งไปหาเพื่อนๆที่ยืนหน้าซุ้มคณะ เล่นเอาบอดี้การ์ดที่มาด้วยวิ่งกุลีกุจอตามจ้าละหวั่น จนบัณฑิตลูกหลานไฮโซต้องหลีกทางให้และหลบเข้ามุมกัน
ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมหาลัยนี้ค่าเทอมหลายแสน เอาง่ายๆเรียกว่าซื้อใบเบิกทาง ใครอยากเป็นเซเลบ อยากมีโปรไฟล์ ไต่เต้าเป็นดาราหรือนักธุรกิจก็ต้องหาเงินมาเรียนให้ได้ นอกจากมาเรียนยังได้คอนเนคชั่นใหม่ๆ
ซานิคือเพื่อนสนิทฉันตั้งแต่เกิด แถมยังเป็นญาติห่างๆลูกป้าซีลีนและลุงโซ่ เราซี้กันมากถึงขั้นแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน
พอลเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวของฉันทายาทZER กรุ๊ป ลูกชายคนเล็กป้าอลิน ลุงพิชญ์ ครอบครัวเราดองและเป็นญาติกัน และตอนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ใยไหม เป็นเพื่อนสนิทฉันอีกคนเธอเป็นเด็กกำพร้าในอุปการะ หรือพูดง่ายๆนักเรียนทุนของไลออน ถึงพื้นเพจะไม่ได้รวยเหมือนคนอื่น แต่ใยไหมเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ
"มาอลังการตลอดเลยนะ" ซานิแซว ก่อนที่ฉันจะจับชุดครุยหมุนตัวและทำท่าถอนสายบัวใส่เพื่อน
"แต่กับเพื่อนๆ ฉันคือภาขวัญคนธรรมดานะ สวัสดีค่ะคุณซานิ คุณพอล คุณใยไหม"
"เกินไปน่าภาขวัญ มาๆมาถ่ายรูปกัน" ใยไหมรีบเดินมาฉุดแขนฉันไปยืนตรงกลางระหว่างซานิกับเธอ แต่อิพอลดันเดินมาเบียดใยไหมจนเซ แล้วยืนข้างๆฉันแทน
"น้อยๆหน่อยพอล ฉันก็เพื่อนภาขวัญนะ"
ใยไหมค้อนเสียงน้อยใจ
"แล้วไง เธออาจจะตัวติดกับภาขวัญหวังผลก็ได้"
จากนั้นพอลก็โอบไหล่ฉันหันไปยิ้มกับกล้องที่ซานิจ้างมาชุดใหญ่ไฟกะพริบ หยุดอย่าจิ้น! มันไม่ได้ชอบฉันหรือหวงนะคะ เราเป็นญาติกัน แต่พอลไม่ค่อยกินเส้นกับใยไหมตั้งแต่ไหนแต่ไร
บอกว่าเพื่อนฉันชอบทำตัวแปลกๆ ไม่น่าไว้ใจ และนางก็ไม่ถูกชะตาด้วย
แต่ฉันไม่ได้สนใจที่พอลพูดหรอก ขอเป็นกลางเชื่อในสิ่งที่ใยไหมปฏิบัติต่อฉันก็พอ เพราะกับใยไหมฉันก็รู้จักกับเธอตั้งแต่เด็กๆเหมือนกัน
"ชีสสสสสสส"
'แชะ'
เราทุกคนยิ้มให้กล้องถ่ายรูปไปหลายแชะขณะที่กลุ่มพ่อแม่ยืนมองด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้ปะป๊ามาม๊าพี่พายุพี่ภาคิณ และพ่อแม่ซานิพอลอยู่กันครบ พวกเขากำลังมีความสุขกับความสำเร็จของพวกเรา
"เรียนจบแล้วอย่าพึ่งรีบมีผัวมีเมียนะคะเพื่อน"
ซานิพูดขึ้นมาหลังจากถ่ายรูปเสร็จ
"ใครจะไปมี" ฉันตอบแล้วยักไหล่
"แกไงภาขวัญ นู้น... หวานใจแด๊ดดี้ของแกมาแล้ว"
เท่านั้นแหละฉันก็หันไปมองตามนิ้วชี้ของซานิทันที จริงๆด้วยพี่หมอภูมิกำลังเดินถือช่อดอกไม้มา แต่พอเห็นว่าฉันอยู่กับเพื่อน เขาก็หยุดทักทายครอบครัวฉันและส่งยิ้มมาเป็นระยะ
พี่หมอภูมิเป็นหมอเด็กและหน้าก็เด็กมาก ถึงจะสี่สิบแล้วเขายังหล่อดูดี หน้าใสกิ๊งราวกับถูกสตาฟไว้ตอนอายุยี่สิบสาม
เราไม่ได้คบกันค่ะ เป็นคนที่รู้สึกดีต่อกันให้คำปรึกษาช่วยเหลือกันเท่านั้น และเขาก็เป็นคนเดียวที่ครอบครัวฉันยอมรับ
ยกเว้นพี่พายุ ที่เอาแต่บอกว่าเราไม่เหมาะสมกัน และพูดอยู่นั่นว่าเดี๋ยวพี่หมอภูมิก็แก่ตายแล้ว
น่าโมโหชะมัด