มีเสียงพูดขึ้น เราหันกลับไป เป็นเสียงของไอ้นทีที่มากับพยาบาลคนนึง ใส่กระโปรงสั้นจู๋ เสื้อพยาบาลรัดนมแน่น กระดุมแทบปริออกมา ปล่อยผมยาวสยาย ทาลิปสติกสีแดง ปัดแก้มสีชมพู เขียนตาซะแดงอย่างกับจะไปเที่ยว ไม่รู้กาลเทศะและความเหมาะสมของสถานที่ทำงาน ไม่รู้เข้ามาเป็นพยาบาลได้ยังไง
เรา : มาทำไม//เราดันเก้าอี้ไปชนด้านหลัง ยกเท้าทั้ง2ข้างเหยียดขาค้ำไว้บนโต๊ะ เอามือจับประสานกัน ค้ำไว้ที่ขอบเก้าอี้
ไอ้นที : ผ่าตัดเสร็จทำไมหมอสโนว์ไม่ไปรายงานผลการผ่าให้ผม
เรา : ไม่จำเป็นต้องรายงานอะไรนิ ผลการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยดี มึงมายืนอยู่ตรงนึ้ก็แสดงว่าคนไข้นักการเมืองคนนั้นปลอดภัยดีสินะ
ผญ.ข้างๆ : ฝีมือการผ่าของพี่หมอเก่งอยู่แล้ว คนไข้ก็ต้องปลอดภัยสิ
เรา : ถ้างั้นพวกมึงก็เอาเวลาไปดูแลคนไข้นักการเมืองนั่นดีกว่า มายืนเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทำไม//เราจ้องหน้าไอ้นทีกลับไป
ไอ้นที : ชิ๊!! ไม่รู้จักความเหมาะสมและการให้เกียรติคนอื่นหรือยังไง
เรา : ถ้าจะพูดเรื่องความเหมาะสมและเรื่องให้เกียรติ มึงควรพูดกับกะ..ที่อยู่ข้างๆ มากกว่าน่ะ ดูการแต่งตัวสิ ยังกับพวกขายตัวในชุดพยาบาล
พี่นัด : อิอิ//พี่นัดเอามือปิดปากตัวเองแล้วหัวเราะเบาๆ
ผญ.ข้าง : พี่หมอ จุ๊บไม่ยอมนะคะ ดูปากของอีหมอสโนว์สิค่ะ มันด่าจุ๊บ ในห้องผ่าตัดก็เหมือนกัน มันด่าจุ๊บซะเสียหายจนอายคนอื่นเลยค่ะ//ที่แท้หล่อนก็คือพยาบาลจุ๊บแจงที่หมอเดฟพูดว่าเป็นแฟนไอ้นทีนี่เอง เมื่ิอกี้ในห้องผ่าตัดเห็นแค่ลูกตา คราวนี้มาเห็นเต็มๆ สเปคไอ้นทีชอบกะหรี่แบบนี้สินะ หล่อนทำเสียงออเซาะใช้นมดันแขนไอ้นที ถูไปถูมา กระดุมที่หน้าอกแทบจะดีดออกมา
เรา : โกหก!! กูไปด่ามึงตอนไหนไม่ทราบ มีแต่มึงที่มากระแหนะกระแหนกูต่างหาก
ไอ้นที : หมอสโนว์คุณควรพูดดีๆ กับคนอื่น ให้้หมาะสมกับการเป็นหมอหน่อย แล้วดูท่าทางการนั่งแบบนั้นมารยาทแบบนั้น ควรปรับปรุงซะ//ไอ้นทีมองหน้าเรา
เรา : มึงเป็นใคร ไม่ได้เป็นพ่อกูสักหน่อย กูต้องเชื่อมึงเหรอ ห้องของกู กูจะนั่งจะทำอะไรก็ได้ คงไม่หนักหัวใคร หรือไปหนักหัวมึงที่เสือกเข้ามายืนในห้องกูเอง
พย.จุ๊บ : ดูคำพูดคำจาของหมอสโนว์ซิค่ะ เถื่อนและต่ำมาก//อีจุ๊บแจงทำหน้าแหยงๆ มองมาทางเรา
ไอ้นที : หมอสโนว์ก็แบบนี้แหละ สันดานเฮ้ย!! นิสัยเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรคงเปลี่ยนไม่ได้หรอก
เรา : หนอย!! //เราลุกขึ้นยืน กำมือแน่นด้วยความโกรธ
พย.จุ๊บ : นั่นสินะคะ พวกเราไปกันดีกว่าค่ะ//พวกมัน2คนเดินควงแขนกันออกไป
เรา : ไอ้นทีไอ้เหี้ย!! พวกมึงจะไปไหน//เราพูดเสียงดัง หันซ้ายหันขวาหยิบโมเดลกระดูกบนหลังตู้ด้านหลังปาไปที่ประตู ตุบ!! หุ่นโมเดลกระดูกแตกกระจาย
พี่นัด : คุณสโนว์ใจเย็นค่ะ ที่นี่รพ.นะคะ//พี่นัดมาจับแขนเราห้ามไว้
เรา : ดูมันสิคะ!! //เราหันกลับมาพูดกับพี่นัด
พี่นัด : คุณหมอสโนว์ ใจเย็นนะคะคุณหมอ หายใจเข้าลึกๆ ค่ะ ที่นี่รพ.ค่ะ//พี่นัดพูดด้วยเสียงเรียบ พยายามให้เราสงบความโกรธลง เราได้สติขึ้นมา ลืมไปว่าที่นี่เป็นรพ. เราดันพูดตะคอกเสียงดัง ตุบ!! เรานั่งลงบนเก้าอี้
เรา : สโนว์ทำอะไรลงไปเนี่ย//เราได้สติ เอามือกุมขมับตัวเอง
พี่นัด : พี่ไม่เคยเห็นคุณสโนว์โกรธขนาดนี้มาก่อน//พี่นัดเดินไปเก็บหุ่นโมเดลที่เราปาไป
เรา : นั่นสินะ//เราคิดถึงการกระทำเมื่อกี้ ปกติเราไม่ใช่คนโวยวายไร้เหตุผลแบบนั้น จะอดทนเก่ง แต่ทำไมเมื่ิอกี้กลับควบคุมตัวเองไม่ได้
เรา : ขอโทษค่ะพี่นัด สโนว์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปได้ยังไง
พี่นัด : ช่างเถอะค่ะ คุณสโนว์เจอเรื่องเหนื่อยๆ มาเยอะ ถือซะว่าระเบิดอารมณ์ออกมาบ้างก็ดีเหมือนกันนะคะ//พี่นัดส่งยิ้มมาให้ เรายิ้มเจื่อนๆ กลับไป
ก๊อก..ก๊อก มีเสียงเคาะประตูเรากับพี่นัดหันไปมอง คนที่เคาะเป็นปอ
เรา : มีอะไรเหรอปอ
ปอ : มีคนอยากรู้จักหมอสโนว์ค่ะ//มีนางพยาบาลคนนึง หน้าตาน่ารัก ผิวขาว ตัวเล็ก ดูท่าทางเรียบร้อย เดินออกมาจากด้านข้าง และมีบุรุษพยาบาลอีกคนที่ผิวคล้ำออกทางดำ ตัวสูง ร่างใหญ่เล่นกล้าม หน้าคมคิ้วเข้มออกทางแบบดุๆ เดินออกมายืนข้างๆ ปอ
เรา : เข้ามาสิ ว่าแต่พวกเธอเป็นใคร//เรามองหน้าทั้ง2คนที่มาใหม่
ปอ : หมอสโนว์จำไม่ได้หรอ พยาบาลคนนี้ที่ช่วยหมอในห้องผ่าตัดเมื่อวานไง
เรา : หือ? //เรามองหน้าพยาบาล
พย. : คนที่หมอสโนว์บอกให้ฉันพูดดังๆ ยังไงล่ะคะ
เรา : อ๋อ..พยาบาลคนที่ช่วยหยิบเครื่องมือในห้องผ่าตัดเมื่อวานสินะ
พย. : ใช่ค่ะหมอ ดีใจจังที่หมอจำได้ ฉันชื่อน้ำหวานค่ะ
เรา : ยินดีที่ได้รู้จักนะ
ปอ : ส่วนคนนี้ชื่อตูม//ปอแนะนำไปที่บุรุษพยาบาลอีกคน
บุรุษพย. : ตูมมี่จร้า ไม่ใช่ตูมเฉยๆ //จู่ๆ บุรุษพยาบาลคนนั้นก็พูดด้วยเสียงแหลมสูง มีจริตจะก้าน เรายกยิ้มขึ้นทันทีที่แท้บุรุษพยาบาลคนนั้นเป็นตุ๊ดสินะ
เรา : อืมๆ เข้าใจแล้วตูมมี่
ตูมมี่ : ว๊ายหมอสโนว์ยิ้มให้ฉันด้วยแหละพวกแก//ตูมมี่หันไปคุยกับปอและน้ำหวาน
เรา : ทำไมเหรอ//เราถามกลับไปด้วยความสงสัย
ตูมมี่ : หมอสโนว์เป็นไอดอลของตูมมี่เลยค่ะ ทั้งแรงทั้งเริ่ด ไม่กลัวใคร เป็นขุ่นแม่ของตุ๊ดอย่างตูมมี่เลยค๋า แถมเมื่อกี้ยังตวาดเสียงดังใส่หมอนทีที่เป็นขวัญใจของรพ.สุดยอดไปเลย ยิ่งกว่านั้นยังด่าอีกระแดะจุ๊บได้ซะใจมากเลยค่ะคุณแม่ รักแม่นะคะ//ท่าทางของตูมมี่ทั้งโยกคอไปมา ทำตาจิก เอานิ้วชี้ ตวัดไปมาพูดไปทำท่าทางได้อย่างออกรส
เรา : ท่าทางแบบนั้นตูมมี่ไม่น่าเป็นบุรุษพยาบาลหรอก ไปเป็นนางโชว์ดีกว่า
ปอ : หมอสโนว์ เวลาอีนี่อยู่ข้างล่างมันก็แอ๊บแมนซิหมอ//ปอพูดแทรกขึ้น
เรา : ทำไมเลือกเป็นบุรุษพยาบาลล่ะ//เราหันไปถามตูมมี่
ตูมมี่ : หมอสโนว์คงไม่รู้หรอกว่า อาชีพบุรุษพยาบาลได้เจอแต่ผู้ชายหล่อ แข็งแรง โดนใจตูมมี่มากค่ะ ตอนเรียนด้วยกัน ได้แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันกับเพื่อนชาย เป็นความใฝ่ฝันของตูมมี่เลยค่ะแม่//ตูมมี่ยกมือขึ้นประสานกัน กระพริบตาถี่ๆ อย่างปลายปลื้มใจ
เรา : ทำงานที่ชอบก็ดีแล้ว
ปอ : หมอสโนว์พวกเราเป็นเพื่อนกับหมอได้ไหม//จู่ๆ ปอพูดขึ้น เราหันไปมองหน้าพี่นัด
น้ำหวาน : นะคะหมอ หมอสโนว์เป็นคนเก่งจิตใจดีรับพวกเราเป็นเพื่อนนะค่ะ
ตูมมี่ : นะแม่นะ แม่ให้ลูกสาวคนนี้ทำอะไร ลูกสาวคนนี้ยอมทั้งนั้น//ตูมมี่เดินมาคุกเข่าข้างๆ เรา
เรา : ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก ก็ได้ๆ ฉันรับพวกเธอเป็นเพื่อนก็ได้//เราดึงตัวตูมมี่ให้ลุกขึ้นยืน ก็ดีเหมือนกันที่ฉันได้เพื่อนใหม่
ทั้ง3คน : เย้!! //ทั้ง3คนตะโกนดีใจเสียงดัง
พี่นัด : แฮ่ม!! นี่ๆ เบาๆ หน่อย ที่นี่รพ.นะจ๊ะ
เรา : พวกเราแลกไลน์และตั้งกลุ่มไลน์กันดีกว่า//เราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ตูมมี่ : ชื่อกลุ่มตูมมี่ขอตั้งเองนะคะ เอาเป็นชื่อ"5สตรีไทย"
พี่นัด : ทำไมมี5คนล่ะ
ตูมมี่ : ก็ของพี่นัดด้วยไงคะ
เรา : ก็ดีนะ พี่นัดมาแอดไลน์เลย//จากนั้นพวกเราทั้ง5คนก็แอดไลน์อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
..?? ..: สาวๆ กำลังทำอะไรกันอยู่//มีเสียงพูดแทรกเข้ามาในห้อง พวกเราหันไปมอง
ปอ : ที่แท้หมอเดฟนี่เอง//ทั้ง3คนทำหน้าเบื่อๆ ออกมาทันที
เรา : พวกเธอรู้จักหมอเดฟด้วยเหรอ//เรามองหน้าทั้ง3คนกลับไป
ตูมมี่ : ทำไมจะไม่รู้จักหมอเดฟล่ะคะ เรื่องเจ้าชู้จีบไปทั่วยกให้หมอเดฟเลย//ตูมมี่พูดเสียงสูง
หมอเดฟ : คุณตูมก็พูดเกินไป ผมไม่เคยไปจีบคุณสักหน่อย ผมจีบแต่ผู้หญิงเท่านั้น ผมโสดผมจีบหลายคนมันผิดตรงไหน//หมอเดฟพูดอย่างภาคภูมิใจตัวเองมาก
น้ำหวาน : เค้าเรียกเจ้าชู้ค่ะ ไม่มีใครรับได้หรอกค่ะ
เรา : นั่นสิ
หมอเดฟ : แต่ผมเริ่มจริงจังกับหมอสโนว์นะครับ//หมอเดฟหันมายิ้มกับเรา
เรา : ว่าแต่หมอเดฟเข้ามาห้องฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ
หมอเดฟ : ไหนๆ หมอสโนว์ก็เข้ามาใหม่ในแผนกของเรา และยังมีทั้งหมอปอ และพย.น้ำหวานที่เป็นเด็กใหม่มาอีก ทางแผนกของเราเลยจะเลี้ยงต้อนรับวันนี้ครับ พวกเราจะไปกินเลี้ยงกัน
เรา : มีแบบนี้ด้วยเหรอคะ//เราหันไปถามพี่นัดที่ยืนอยู่ข้างๆ
พี่นัด : อันนี้เป็นเรื่องของแผนกค่ะ ไม่เกี่ยวกับงบของรพ.
เรา : แล้วใครจ่ายค่ะ//เราหันไปถามหมอเดฟ
หมอเดฟ : ก็ต้องหัวหน้าแผนกอย่างหมอนทีสิครับ หมอนทีไลน์ลงในกลุ่มไม่ได้อ่านกันหรอ//ทั้ง3คนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ปอ : จริงๆ ด้วย
ตูมมี่ : งานนี้ฉันต้องไปอยู่แล้ว
น้ำหวาน : น่าสนมาก หมอสโนว์ต้องไปด้วยใช่ไหมคะ//น้ำหวานหันมาถามเรา
เรา : ไม่ไปค่ะ ไม่ชอบกินของจากพวกอวดรวย
ตูมมี่ : แม่ไปเถอนะ ไม่มีแม่งานก็ไม่สนุกสิ
ปอ : ว่าแต่หมอสโนว์ไม่ได้อยู่ในกลุ่มไลน์ แบบนี้ต้องแอดหมอสโนว์เข้ามาก่อน
เรา : ไม่ต้องๆ ฉันไม่อยากวุ่นวาย//ตึ๋ง..เสียงไลน์เราดัง
ปอ : ไม่ทันแล้วค่ะ กดเชิญไปแล้ว
หมอเดฟ : หมอสโนว์เข้ากลุ่มไลน์ก็ดีนะครับ ผมจะได้แอดแฟน เฮ้ย!! แอดเฟรนไว้คุยกับหมอสโนว์
เรา : ไม่เข้าได้ไหม เพราะรู้สึกจะมีคนเกลียดฉันเยอะ
หมอเดฟ : ไม่จริงหรอกครับ อย่างน้อยก็มีผมที่ชอบหมอสโนว์
ทั้ง3คน : แหวะ!! //ทั้ง3คนทำเสียงพร้อมกัน
ตูมมี่ : คราวก่อนกับทันตแพทย์ที่เข้ามาใหม่ก็พูดแบบนี้นะคะคุณหมอเดฟ
หมอเดฟ : คุณตูมอย่าพูดคำว่า"ค่ะ"หรือ"คะ" จะดีกว่ามันทำให้ผมขนลุก//หมอเดฟทำหน้าแหยงๆ พวกเราได้แต่หัวเราะ เรามองดูโทรศัพท์ในมือตัวเอง
พี่นัด : กดเข้าไปเถอะค่ะ ถือซะว่าไว้ติดต่อกันเวลามีเรื่องฉุกเฉิน//พี่นัดหันมาพูดกับเราเบาๆ
เรา : ก็ได้ค่ะ//เราตัดสินใจกดเข้าร่วมกลุ่มไลน์ เจอสมาชิกในกลุ่มไลน์ทั้งหมด22คน เราเข้าไปปุปก็มีแต่คนส่งสติ๊กเกอร์สวัสดีทักในกลุ่มไลน์ น่าเบื่อจริงๆ เราเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋า
ปอ : สรุปวันนี้หมอสโนว์ไปใช่ไหมคะ
เรา : คำเดิมคือไม่ไป
ตูมมี่ : ไปเถอะค่ะหมอสโนว์ นานๆ หมอนทีจะเลี้ยงสักครั้ง พวกเรารู้ว่าหมอสโนว์ไม่ชอบหมอนทีแน่ๆ เราก็ถือโอกาสนี้สั่งของมากินแหลกเอาคืนหมอนทีก็ดีนะคะ//ตูมมี่พูดแทรกขึ้น
เรา : ก็ดีนะ
น้ำหวาน : สรุปว่าหมอสโนว์ไปใช่ไหมคะ
เรา : ไปก็ได้//เราเปลี่ยนใจเพราะคำพูดของตูมมี่ เอาคืนไอ้นทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นของหวานก่อนนอนก็ดี
เรา : พวกเธอกลับไปได้แล้วฉันจะไปตรวจคนไข้
ปอ : ใครเหรอคะหมอ
เรา : เด็กที่พึ่งผ่าตัดไปเมื่อวาน
ปอ : ขอปอไปด้วยนะคะ
เรา : ได้สิหมอปอ
พี่นัด : คนไข้พักฟื้นอยู่หอผู้ป่วยใน แผนกเด็กห้องรวมชั้น3 ค่ะ//พี่นัดพูดแทรกขึ้นมา
เรา : ขอบคุณค่ะพี่นัด
พี่นัด : พี่ไปด้วยดีกว่า
จากนั้นทุกคนก็แยกย้าย ส่วนเรา ปอและพี่นัดเดินมาที่ตึกผู้ป่วยใน ระหว่างจะเดินเข้าตึก เราหันไปเห็นโปสเตอร์ขนาดเท่ากระดาษa4 แปะอยู่ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของตึก สภาพเก่าสีซีดมาก เราหยุดเดิน แล้วหันไปอ่าน
เรา : นี่มันโครงการรักษาโรคหัวใจให้เด็กฟรีๆ //เราพูดขึ้นพร้อมชี้ไปที่กระดาษโปสเตอร์อันนั้น พี่นัดหันกลับมา
พี่นัด : โครงการเก่าของรพ.นะคะ ตอนนี้ไม่มีแล้ว//พี่นัดเดินไปดึงโปสเตอร์อันนั้นทันที เอามาม้วนเก็บใส่ในเสื้อเชิ้ตของตัวเอง
พี่นัด : ทางรพ.ยกเลิกไปนานแล้วค่ะ สงสัยพนักงานจะลืมเก็บ พวกนี้ทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ
เรา : โครงการดีๆ แบบนี้ของใครเหรอคะ
พี่นัด : ของคุณทีน่าค่ะ เดินต่อกันดีกว่าค่ะ//พี่นัดเดินนำเราต่อ เรารีบเดินตีคู่ไปข้างๆ พี่นัด
เรา : แล้วทำไมยกเลิกโครงการไปนะคะ//พวกเราเดินไปคุยไป
พี่นัด : ไม่ค่อยมีคนมารักษาค่ะ พวกเด็กๆ คงไม่ค่อยเป็นโรคหัวใจแลัวมั้งค่ะ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน//พี่นัดหลบสายตา คุยกับเราแต่ไม่หันมามองสักนิด มันต้องมีอะไรแน่ๆ
เรา : ค่ะ
พวกเราเดินขึ้นลิฟต์มาชั้น3 ชั้นนี้มีแต่พวกเด็กที่เจ็บป่วยทั้งนั้น ต่างพากันร้องงอแง บางคนก็วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พูดคุยกันเสียงดัง ซนกันจริงๆ พี่นัดพาเราเดินมายังห้องรวมเดินเข้าไปเตียงด้านในสุด เราเห็นเด็กผู้ชายตัวผอม ตัวเล็ก นอนสลบอยู่บนเตียง ที่จมูกยังมีเครื่องช่วยหายใจอยู่ ข้างเตียงมีผู้ชายสภาพโทรมนั่งกุมมือเด็กอยู่ข้างๆ นั่นคือพ่อเด็ก
พี่นัด : พี่มาส่งเรียบร้อย ขอตัวไปทำงานต่อนะคะ
เรา : ขอบคุณมากค่ะ//พี่นัดเดินออกไป
เรา : อาการของตัวน้อยเป็นไงบ้างคะ//เราพูดขึ้นพร้อมหยิบแฟ้มประวัติที่ใส่อยู่ในช่องปลายเตียงของผู้ป่วยขึ้นมาอ่าน
พ่อเด็ก : หมอมาแล้ว เมื่อไหร่ลูกผมจะฟื้นครับ//พ่อเด็กลุกขึ้นยืน เราพยักหน้าและส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้
เรา : คนไข้หลังผ่าตัดจะหลับไม่รู้สึกตัวประมาณ2-3วันค่ะ คุณพ่อสบายใจได้ค่ะ//เราหันกลับมาอ่านข้อมูลในแฟ้ม
พ่อเด็ก : ขอบคุณครับคุณหมอ
เรา : การเต้นของหัวใจปกติ ความดันปกติ มีไข้เล็กน้อย ไม่มีปัญหาอะไรมาก รอให้ฟื้นอย่างเดียว//เราอ่านข้อมูลในแฟ้มเพราะพยาบาลจะมาตรวจคนไข้ทุกๆ 4ชม. แล้วจดไว้ในแฟ้มนี้
เรา : จากที่ผ่าตัดคนไข้มา อาการฟกช้ำที่หัวใจไม่ได้เกิดใหม่ๆ จากการกระแทกจากที่สูงตามที่คุณพ่อบอกแน่ๆ //เราจ้องหน้าพ่อเด็ก แต่ผู้ชายคนนั้นกลับหลบสายตา ทำท่าทางเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด
เรา : หมออยากคุยส่วนตัวกับคุณพ่อหน่อยได้ไหมคะ
พ่อเด็ก : คะ...ครับ//เราเดินนำพ่อเด็กออกมาทางประตูด้านหลังที่พวกพยาบาลนั่งทำงาน ตรงบริเวณนี้คือส่วนทำงานของพยาบาลจะเงียบ และไม่มีคนเดินพลุกพล่าน เรายืนจ้องหน้าพ่อของเด็ก
เรา : เด็กโดนตีทำร้ายร่างกายมาใช่ไหมคะ//เราพูดขึ้นแต่พ่อเด็กกลับเงียบก้มหน้ามองพื้น
เรา : เงียบแบบนี้แสดงว่าโดนตีมาจริงๆ สินะ คุณพ่อตีลูกตัวเองเหรอคะ//เราพูดจบ ควับ!! พ่อเด็กเงยหน้ามามองเราทันที
พ่อ : เปล่าครับ ผมไม่ได้ตีลูก//พ่อเด็กยก2มือปฏิเสธขึ้นทันที
เรา : แล้วใครตีคะ//เราถามกลับไป พ่อเด็กกลับเงียบ
เรา : รู้ใช่ไหมค่ะ กฏหมายการทารุณเด็กจะลงโทษผู้กระทำความผิดถึงแม้จะเป็นพ่อแม่ของเด็กเอง ก็ต้องได้รับโทษเหมือนกัน บอกหมอมาเถอะค่ะ หมอสัญญาจะไม่บอกใคร
พ่อเด็ก : จริงๆ นะหมอ//พ่อเด็กทำตาโต
เรา : ค่ะ
พ่อเด็ก : แม่เลี้ยง...เมียใหม่ของผมทำร้ายลูกของผมเอง เด็กคนนั้นเป็นลูกติดจากเมียเก่าของผม ผมรับลูกมาอยู่ด้วย ไม่คิดว่าเมียใหม่ของผมจะแอบตีแอบทำร้ายลูกของผมจนเป็นแบบนี้//พ่อเด็กถึงกับสะอื้น
เรา : ผู้หญิงคนนั้นไปไหนแล้วคะ
พ่อเด็ก : ผมเลิกไปแล้ว ผมมารู้ความจริงว่าเธอซ้อมลูกของผม ผมเลยเลิกกับเธอไป ผมต้องทำงานเลยพาลูกไปที่ทำงานก่อสร้างด้วยไม่คิดว่าลูกของผมจะตกนั่งร้านแบบนั้น ผมผิดเอง ผมทำร้ายลูก ฮือๆๆ ผมเป็นคนจนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยครับ//พ่อของเด็กร้องไห้ออกมา เราเชื่อว่าพ่อเด็กพูดความจริงเพราะท่าทางของพ่อเด็กแสดงออกมาว่ารักและเป็นห่วงลูกมาก
เรา : คุณพ่อเลือกลูก ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนั้น คงรักลูกมากสินะคะ หมอเข้าใจค่ะ เด็กคนนั้นต้องรับรู้ได้และไม่โทษคุณพ่อหรอกค่ะ
พ่อเด็ก : ครับหมอ//พ่อเด็กเอาไหล่เช็ดน้ำตาตัวเอง
เรา : เอาเป็นว่าเด็กเกิดอุบัติเหตุจากการตกนั่งร้านก่อสร้างนะคะ เรื่องอื่นหมอไม่รู้อะไรเลย คุณพ่อสบายใจ รอคนไข้ฟื้นหมอจะอธิบายการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดให้ค่ะ
พ่อเด็ก : ขอบคุณครับหมอ//พ่อเด็กยกมือไหว้เรา ส่วนเรายกมือไหว้กลับ จากนั้นเดินกลับมาที่เตียงผู้ป่วยของเด็ก เราชวนปอกลับมาที่ตึกแผนกโรคหัวใจ ระหว่างทาง
ปอ : หมอสโนว์ตกลงเด็กโดนอะไรกันแน่คะ
เรา : ตกนั่งร้านก่อสร้างไง เรื่องอื่นอย่าไปรู้เลย
ปอ : ก็ได้ค่ะหมอ//จากนั้นพวกเรามาที่ตึก เราเดินเข้าห้องทำงาน ส่วนปอก็ทำงานของตัวเองไป
ตัดมาตอนเย็นทุกคนมายืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ด้านหน้าแผนก
พี่ต้อม (หัวหน้าพย.) : วันนี้หมอนทีจะพาไปเลี้ยงอาหารเย็นเพื่อต้อนรับหมอคนใหม่และคนที่เข้ามาทำงานใหม่ด้วย 6โมงเย็นให้ทุกคนไปเจอกันที่ร้านXXใกล้ๆ รพ. หวังคงไม่มีคนไปสายนะ
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันเดินทาง
หมอเดฟ : หมอสโนว์ไปที่ร้านอาหารยังไงครับ//หมอเดฟเดินมาถามเรา
เรา : นั่งแท็กซี่ค่ะ//เราเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์ แต่เอ๊ะ!! กระเป๋าเงินของเราไปไหน เราย้อนคิดไปถึงเมื่อเช้าที่ไปทำบุญ แล้วคิดขึ้นมาได้ว่ากระเป๋าเงินของเราอยู่ในกระเป๋าสะพายที่ให้บิวตี้เอากลับบ้านไปเมื่อตอนกลางวัน
เรา : สโนว์เอ้ย!! ลืมได้ยังไงเนี่ย//เราพูดบ่นขึ้นเบาๆ
หมอเดฟ : มีอะไรหรือเปล่าครับหมอสโนว์
เรา : ไม่มีอะไรค่ะ//เราหันไปเห็นปอเดินมาพอดี เรารีบเดินไปหาปอ
เรา : จะไปร้านอาหารยังไงกันเหรอ
ปอ : ไปรถตูมมี่ค่ะ หมอล่ะ
เรา : ไปด้วยดิ หมอไม่มีรถ
ปอ : ได้ค่ะหมอ
จากนั้นพวกเรา4คนมายังร้านอาหารที่แผนกนัดกันไว้ เป็นร้านที่ตกแต่งแบบclassic ดูหรูในระดับนึง
ตูมมี่ : ฉันรู้เลยว่าอีจุ๊บเป็นคนเลือกร้านแน่ อีหรี่บ้านนอกทำตัวหรู ถุย!! ถุย!! //ตูมมี่พูดขึ้นมา
เรา : ดูท่าทางตูมมี่จะไม่ค่อยชอบพยาบาลคนนั้นนะ//เราถามขึ้น
ตูมมี่ : เพราะมันเหยียดตุ๊ดอย่างฉันล่ะสิหมอ ฉันเกลียดมันมาก
น้ำหวาน : เข้าไปในร้านดีกว่า//น้ำหวานพูดแทรกขึ้น พวกเราทั้ง4คนเข้ามาในร้านอาหาร
ทางร้านอาหารจัดโต๊ะเรียงเป็นแถวยาวจัดเก้าอี้ให้พอนั่งทั้ง22คน พวกเรา4คนเดินไปนั่งเกือบท้ายแถวใกล้ๆ กัน หมอเดฟมานั่งตรงข้ามกับเรา ส่วนคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมานั่ง พวกเรา4คนนั่งเมาส์มอยแต่จริงๆ คนที่คุยเยอะพูดมากน่าจะตูมมี่มากกว่าพูดเล่าแต่เรื่องตลก ส่วนเราได้แต่นั่งฟัง จนทุกคนมากันครบเหลือแต่ไอ้นทีที่มันเป็นคนเลี้ยง มันยังไม่มา
พย.ต้อย : หมอนทีโทรมาบอกว่ามาช้าหน่อย พวกเราสั่งอาหารกันก่อนเลย//ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง อันดับแรกที่เราสั่งคือไวน์แดงชั้นเลิศ ราคาขวดละ24,000บาท ทุกคนต่างหันมามอง
ปอ : หมอสโนว์มันจะได้เหรอ สั่งของแพงแบบนี้//ปอกระซิบเรา
เรา : ไม่เป็นไรหรอก ใครอยากหน้าใหญ่มาเลี้ยง พวกเราก็ต้องให้เต็มที่//เราพูดขึ้นเสียงดัง กวาดสายตามองทุกคน
พย.ต้อย : หมอนทีมาแล้ว//ทุกคนหันไปมอง แต่เรานั่งเฉยๆ หยิบแก้วไวน์แดงในมือขึ้นจิบ มันกับพย.จุ๊บเดินควงแขนไปนั่งหัวโต๊ะ
ไอ้นที : คงสั่งกันมากินแล้วสินะ ไม่พอก็สั่งกินเพิ่มได้นะ//มันพูดขึ้น แต่เราไม่สนใจจิบไวน์ในมือคุยกับพวกเพื่อนๆ ของเราต่อ
พย.จุ๊บ : หมอสโนวฺสั่งไวน์ของแพงมาด้วย คงไม่เคยกินสินะคะ มีคนเลี้ยงหน่อยสั่งของแพงมาเชียว//อีพน.จุ๊บที่นั่งไอ้นทีพูดขึ้นเสียงดัง ทุกคนบนโต๊ะหันมาจ้องเรา
เรา : ค่ะ ฉันไม่เคยกินหรอก รู้ว่ามีคนเลี้ยงเลยสั่งมาลองกิน หวังว่าคนหน้าใหญ่จะมีปัญญาเลี้ยงนะคะ//เราเหลือบไปมองหน้าไอ้นที แล้วหันมาจิบไวน์ต่อ
พย.จุ๊บ : พี่หมอมีเงินจ่ายอยู่แล้วค่ะ นี่แค่เล็กน้อยไม่เท่าไหร่หรอก//พย.จุ๊บหันไปกอดแขนไอ้นที
เรา : ก็ดีค่ะ//เราหันไปยกยิ้มกับพวกเพื่อนๆ แล้วคุยเล่นกันต่อ
ไอ้นที : ผมขอสั่งอาหารเพิ่มหน่อย//ไอ้นทีหันไปเรียกเด็กเสิรฟ์
เด็กเสิรฟ์ : รับอะไรเพิ่มครับ
ไอ้นที : เอาสลัดโรลกุ้งมาให้ทุกคนด้วย//เราได้ยินแบบนั้นหันไปมองมันทันที มันคงคิดเอาอาหารที่เราชอบมาล่อเราติดกับสินะ ฝันไปเถอะว่าอย่างสโนว์จะกิน
เด็กเสิรฟ์ : 22ชุดใช่ไหมครับ
ไอ้นที : ใช่แล้ว//มันสั่งจบหันหน้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เรา
เรา : ชิํ!! กูไม่แดกของมึงหรอก//เราพูดบ่นเบาๆ
ตูมมี่ : คุณแม่ว่าอะไรนะคะ//ตูมมี่มองหน้าเรา
เรา : ไม่มีอะไร//จากนั้นสลัดโรลกุ้งมาเสิร์ฟ หน้าตาน่ากินมาก กุ้งตัวใหญ่วางอยู่บนผักสีเขียว น้ำจิ้มเป็นแบบซีฟู้ด ทุกคนต่างกินและพูดกันว่าอร่อย
เรา : เฮือก!! //เราแอบกลืนน้ำลายเพราะอยากกิน แต่ต้องอดทนไว้ ได้แต่นั่งจ้องสลัดโรลบนจานที่วางอยู่ตรงหน้า
น้ำหวาน : หมอสโนว์ไม่กินเหรอคะ อร่อยมาก//น้ำหวานถามขึ้น
เรา : มะ..ไม่กินค่ะ ฉันแพ้กุ้ง
ตูมมี่ : งั้นแม่กินไม่ได้ ลูกสาวจะกินให้เองค่ะ//ตูมมี่หยิบจานของเราไปกินอย่างเอร็ดอร่อย
เรา : เฮ้อ~~//เราถอนหายใจออกมา หันไปมองหน้าไอ้นที ที่มันแอบหัวเราะเราเบาๆ
เรา : เสือก!! //เราอ้าปากพูดไม่ออกเสียงไปทางมัน
ตูมมี่ : หมอๆ วันนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว เดี๋ยวไปเที่ยวกันต่อไหม
เรา : ไม่ไปล่ะ ฉันว่าจะกลับบ้านพักผ่อน
ปอ : ไปนะหมอ นานๆ พวกเราจะได้ไปเที่ยวกัน
น้ำหวาน : ใช่หมอ พวกเราไปสังสรรค์กันนิดหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก
ปอ : นะหมอสโนว์นะคะ
เรา : ก็ได้ๆ
ตูมมี่ : เย้ งั้นคืนนี้ไปที่ผับ DarkMoon กัน
เรา : ผับDarkMoonชื่อคุ้นๆ ว่ะ//เราพูดบ่นเบาๆ
ปอ : มีอะไรหรือเปล่า//ปอหันมาถามเรา
เรา : แต่ฉันไม่มีเสื้อผ้า จะให้ไปแบบเสื้อเชิ้ตแบบนี้คงไม่ดี//เราก้มมองชุดตัวเอง
น้ำหวาน : ถ้าหมอไปรังเกียจ น้ำหวานมีอยู่ที่คอนโดหลายชุดเลยค่ะ
เรา : งั้นยืมของน้ำหวานก็ได้
ปอ : ฉันยืมด้วยได้ไหม
น้ำหวาน : ได้สิ
หมอเดฟ : ผมไปด้วยนะครับหมอสโนว์
ตูมมี่ : ถ้าหมอเดฟจะไปด้วย ต้องเป็นคนเลี้ยงพวกเรานะคะ
หมอเดฟ : ก็ได้ๆ แต่ขอร้องคุณตูมอย่าพูด"ค่ะ"อีก
ตูมมี่ : เย้!! มีคนเลี้ยง เดี๋ยวฉันจะโทรจองโต๊ะเองค่ะ//ตูมมี่พูดขึ้น โดนไม่สนใจประโยคหลังของหมอเดฟสักนิด
ปอ : สรุปตอน4ทุ่มเจอกันหน้าผับนะคะ
จากนั้นพวกเราก็แยกย้าย เรากับปอมายืมชุดของน้ำหวานที่คอนโด ส่วนตูมมี่กลับไปแต่งชุดที่บ้าน แล้วจะแวะมารับพวกเรา เราโทรไปบอกป๊าแล้ว ป๊ากับบิวตี้อนุญาตให้เราเที่ยวได้ ทำอย่างกับเราเป็นเด็กอายุ18
น้ำหวาน : ชุดนี้เรียบร้อยที่สุดแล้วค่ะหมอสโนว์//น้ำหวานหยิบชุดตัวเองส่งมาให้
เรา : ขอบคุณมาก//จากนั้นเราเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ แล้วเดินออกมา
ปอ : ว้าว~หมอสโนว์ ดูสวยดูแพงมากค่ะ สง่างาม หน้าอกใหญ่มาก สมแล้วที่ตูมมี่เรียกคุณแม่
น้ำหวาน : นี่ไม่บอกไม่รู้เลยนะคะว่าเป็นชุดของน้ำหวาน เค้าถึงได้บอกว่าจะสวยไม่สวยอยู่ที่ไม้แขวน
เรา : พูดเกินไป//เราเดินไปที่กระจกบานใหญ่ ดูชุดที่ตัวเองใส่ เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวมีลายตกแต่งระยิบระยับ ยาวถึงเข่า ด้านหน้าคว้านลึกโชว์ร่องหน้าอก จากนั้นทั้ง 2คนแต่งหน้าทำผมให้เราบางๆ เตรียมพร้อมไปเที่ยวผับ