บทที่ 2
นพ. ตุลย์ภพ พลสุวัฒน์
ช่วงเวลาบ่ายโมงตรง
ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำราคาแพงขยับเสื้อเพียงเล็กน้อยเพื่อจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวเดินเคียงคู่ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกจากลิฟท์มาด้วยท่วงท่าสง่างาม สะดุดตาบรรดาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของชั้น 3 ให้จับจ้องมองชายหนุ่มหน้าคมที่ดูโดดเด่นด้วยความสงสัยใคร่รู้
" หล่อจังเลยอ่ะแก "
น้ำเสียงของเพื่อนร่วมงานฉันเปรยขึ้นทันทีที่เห็นหนุ่มหล่อแปลกหน้าผู้นั้น ฉันเพียงแค่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะจ้องมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างกำยำผู้นั้น พร้อมสื่อสารให้เพื่อนร่วมงานได้รับรู้
" เขากำลังจะมาเป็นคุณหมอคนใหม่ของโรงพยาบาล "
" จริงเหรอหวาน "
" อืม"
ฉันก้มลงทำงานเอกสารของตนเองต่อ ไม่ได้สนใจผู้ชายหล่อแต่ดูน่าหวาดหวั่นคนนั้น
" แล้วเธอรู้ได้ยังไง"
คนสนใจยังกระตือรือร้นที่จะรู้ความจริงจากปากฉันให้จงได้
" พี่แก้ว เลขาผอ. เป็นคนบอกฉัน"
" แบบนี้ก็ดีเลยสิแก มีหมอหล่อแบบนี้นะฉันคงจะต้องหาเรื่องไปพบหมอวันละโรคเลยแหละ "
คำเอ่ยของเพื่อนร่วมงานทำให้ฉันกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ ก่อนจะแซวบรรดาสาวๆ ผู้คลั่งไคล้คนหล่อต่อ
" จะหาโรคไปขึ้นขาหยั่งให้คุณหมอเขาตรวจภายในให้เหรอจ๊ะ"
" นี่หมายความว่า...เค้าเป็นคุณหมอสูติฯ เหรอ"
" อืม.."
" ฉันว่านะ..ต่อไปนี้คนไข้แผนกสูติฯ คงจะแน่นทุกวันเลยล่ะ และฉันก็จะเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน"
เพื่อนสาวชาวประชาสัมพันธ์ของฉันประกาศบอกเพื่อนๆ อย่างหมายมั่นปั้นมือ ฉันจึงเพียงแค่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ กับความคิดความอ่านของเพื่อนร่วมงาน
สักพักคนทั้งคู่กลับเดินตรงเข้ามายังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่พวกฉันให้บริการลูกค้า เสียงของท่านผู้อำนวยการแนะนำคุณหมอผู้นั้นให้ฉันและทุกคนได้รู้จัก
นพ. ตุลย์ภพ พลสุวัฒน์
นี่คือชื่อเสียงเรียงนามของเขา
โลกหมุนรอบตัวฉันหยุดนิ่งไปชั่วขณะ วังวนความทรงจำเกี่ยวกับเสี่ยยงยุทธเมื่อ 3 ปีก่อนหมุนกลับเข้ามาในสมองของฉันอีกหน ความเป็นมืออาชีพด้านงานบริการต้อนรับลูกค้าสั่งให้ฉันเงยหน้าขึ้นเผชิญหน้ากับเขาพร้อมกล่าวคำทักทาย
สวัสดีค่ะ"
และนั่นฉันจึงได้มีโอกาสพิจารณารูปพรรณสัณฐานของเขาอย่างเต็มเต็ง ทั้งรูปหน้ายาวและดูกร้านขึ้น คิ้วเข้มดำดกพาดเฉียงเหนือดวงตา จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูปที่ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ
ฉันจำเขาได้แล้วว่าเขาคือใคร?
ฝ่ามืออันเย็นเฉียบค่อยๆ ยกขึ้นไหว้เขา สายตาคมกริบที่จับจ้องมายังฉันนั้นยังคงเช่นเดิมดูสงบนิ่ง ไร้ความรู้สึกยินดียินร้าย ต่างจากคำพูดจาที่เขาทักทายเสวนากับบรรดาเพื่อนร่วมงานของฉัน
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ในงานศพของเสี่ยยงยุทธ เพียงแค่ฉันและมารดาเดินทางไปปรากฏกายที่ศาลาเพื่อไหว้เคารพศพของเสี่ยยงยุทธ แต่ฉันกลับต้องพบเจอกับสายตาที่ส่งรังสีอำมหิตราวกับจะกินเลือดกินเนื้อมาให้ฉัน พร้อมกับที่หญิงสาวใบหน้างดงามหมดจดผู้ที่ฉันได้รับทราบสถานะในวันนั้นว่าเป็นบุตรีของเสี่ยได้เอ่ยวาจาเชือดเฉือนฉันและมารดา และใช้วิถีประชาไล่ฉันและมารดาให้พ้นจากสังคมไฮโซเหล่านั้น
ในวันนั้นฉันเห็นชายผู้นี้ยืนนิ่งอยู่เคียงข้างบุตรสาวของเสี่ยยงยุทธ สีหน้าของเขาเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาให้ใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หากแต่ดวงตาคู่คมนั้นจ้องมองมาที่ฉันกับมารดาอย่างพิจารณา
ในตอนนั้นฉันไม่ได้รับทราบข้อมูลใดเกี่ยวกับครอบครัวของเสี่ยยงยุทธมากนัก พอจะทราบเพียงแค่ว่าภรรยาของท่านเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย มีบุตรสาว 1 คน และบุตรชาย 1 คนใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ การแต่งงานของฉันโดยไร้ทะเบียนสมรสกับเสี่ยในวันนั้นจึงเกิดขึ้นราวกับเป็นเรื่องที่รับรู้เฉพาะคนในครอบครัวฉัน ส่วนครอบครัวของเสี่ยฉันไม่อาจรับรู้ได้ว่าลูกเต้าเหล่ากอทั้งสองคนของเสี่ยมีความคิดเห็นเช่นไร แต่ถ้าหากว่าเขาจะไม่ชอบหน้าฉันอันเนื่องมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบิดาของพวกเขา ฉันคงไม่สามารถห้ามความรู้สึกนึกคิดของใครต่อใครได้
แต่สิ่งที่ฉันกังวลมากกว่าเรื่องในอดีตนั่นก็คือ พี่แก้วบอกกับฉันว่าเขาเป็นหลานของท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล นั่นก็หมายถึงว่าโรงพยาบาลที่รับฉันเข้ามาทำงานอยู่ในตอนนี้คือโรงพยาบาลของเครือญาติของเสี่ยยงยุทธ
เห็นแบบนี้แล้ว...อนาคตเรื่องการทำงานที่นี่ของฉันจะเป็นไปในทิศทางไหนกันนะ ฉันเจอฤทธิ์ของคุณหนูไฮโซลูกสาวของเสี่ยยงยุทธมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แล้วตอนนี้ลูกชายของเสี่ยเข้ามาทำงานประจำที่นี่
แต่ถึงแม้นว่าเขาจะจำฉันได้ แต่ฉันหาใช่นักโทษไม่ ในอดีตเพียงแค่ฉันตกเป็นจำเลยของสังคมไฮโซนั่นเท่านั้น ยิ่งถ้าฉันคิดจะหนีนั่นก็แสดงว่าฉันยอมรับความจริงว่าฉันฆ่าพ่อเขา!
ฉะนั้น...ในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันจะเกรงกลัวเขาด้วยเหตุผลอันใด ทุกวันนี้ ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ งานเป็นสิ่งที่หายากยิ่ง แม้จะต้องหาเลี้ยงตนเองเพียงผู้เดียวแต่อนาคตที่ฉันวางไว้ว่าจะอยู่โดยไร้คู่ไปจนแก่เฒ่า ฉันจำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบเอาไว้เพื่อใช้เป็นทุนเพื่อใช้จ่ายในอนาคตของฉันอย่างน้อยๆ ฉันตั้งเป้าหมายระยะยาวของฉันเอาไว้ว่า
ทำงานเก็บเงินได้สักสิบล้านเมื่อไหร่ ฉันจะกลับไปอยู่บ้านนอก
## จบตอน##