ตอนที่ 14

1960 คำ
14 การมีความลับกับคนใกล้ชิดไม่ใช่เรื่องดี มันไม่สบายใจเลยล่ะ... ป้องเกียรติบอกลาเธอด้วยรอยยิ้มทว่าเขากลับมีความคิดมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะความกลัว กลัวสารพัดจะกลัว ยิ่งได้ยินมาจากพนักงานที่ร้านว่าผู้ชายคนเก่าพยายามมารอสร้างความร้าวฉาน จบชั่วโมงสอนแล้วเขาจึงรีบสะพายกระเป๋าหนังซึ่งเต็มไปด้วยเอกสารและแท็บเล็ตงานมารอหญิงสาวเลิกงาน... จากที่นั่งเดิมบริเวณม้านั่งหิน มองผ่านกระจกบานสูงใหญ่ไป สีหน้าไร้อารมณ์ของคนที่ทำเมินใส่แม้จะเห็นว่าเขาโบกมือให้ คงไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจนปะทะสายตาคมวาบคู่หนึ่ง ชายร่างสูงใหญ่ความสูงไล่เลี่ยกันแต่งตัวดีมีภูมิฐานด้วยเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม เป็นคนคุ้นเคยกันดี ป้องเกียรติตัดสินใจเดินตามเจ้าตัวไปถึงลานจอดรถยนต์ “ปัด...” เสียงทุ้มเรียกให้อีกคนหันกลับมา เจ้าของรถสปอร์ตคาร์สีแดงสดถูกรั้งไว้ด้วยแววตาวาวโรจน์ “เล่นแบบนี้ไม่แมนเลยนะ มาฟ้องเนยเรื่องพี่เป็นพี่ชายของยัยวิ?” “แล้วพี่แมนเหรอครับ? จงใจมาแย่งเนยไปจากผมน่ะ พี่รู้ว่าวันหนึ่งผมต้องหย่ากับวิแล้วผมจะกลับมาหาเนย” “เฮอะ... ฝัน... นี่นายพูดเรื่องบ้าบออะไรอยู่?” แค่นหัวเราะพลันขยับก้าวเข้าไปใกล้ มือล้วงกระเป๋าด้วยความอดทนอดกลั้นที่จะไม่มีเรื่องกับใคร ถ้าหากว่าคนหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายหน้ามหา’ลัย ที่อาจารย์สอนเพราะเรื่องหึงหวงก็คงไม่ดีแน่ “มันไม่สายไปหรอกครับแค่สองเดือนกว่า ๆ คิดว่าเนยจะยอมรับพี่ง่าย ๆ เหรอ? ผมรู้จักเนยมาสามปี ไปรับไปส่งเนยทุกวันตั้งแต่เนยเรียนมหา’ลัย แล้วพี่เป็นใครครับพี่ป้อง?” “คิดว่าเป็นอะไรล่ะ? มากกว่าไปรับไปส่งแต่นอนเตียงเดียวกันทุกวันน่ะ” เถียงทันที และไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่สำหรับชายอีกคนคงเหมือนเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ “ถ้าพี่ฉลาดเหมือนดอกเตอร์ทั่วไปนะครับพี่ป้อง ผมว่าพี่ควรนั่งทำหน้าโง่ ๆ หน้าร้านเนยต่อไป พอบ้านผมสบาย ผมก็แค่มารับเนยไปเป็นภรรยา เนยจะเป็นคุณนายไปทั้งชาติ” ทั้งคำพูดและสายตาเกลียดชังสั่นคลอนความเป็นผู้ใหญ่ของอาจารย์หนุ่มที่มีวุฒิภาวะพอสมควร ถามว่าใครโกรธมากกว่าอาจเท่า ๆ กัน เมื่อกรามแกร่งขบกัดกันแน่นจนเห็นสันกราม อีกคนก็กำกุญแจรถในมือแน่น “ผมไม่ถือเรื่องนอกกาย ผมแน่ใจว่าเนยยังรักผม... พี่ก็เป็นแค่... ผู้ชายฆ่าเวลาหรือเปล่า? เมื่อไรที่ผมหย่า... เนยจะกลับมาหาผมแน่นอน” ได้ยินเท่านั้น คงทำให้อาจารย์หนุ่มโกรธจนหน้าแดงก่ำเส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบ ขณะยืนประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยโทสะเต็มเปี่ยม มือกำหมัดแน่น จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียง... “มีอะไรกันคะ? อย่ามาทะเลาะกันหน้าร้านเนยเชียวนะ” เณศราพออ่านสถานการณ์ออกว่าสองหนุ่มคงจะได้มีเรื่องกันแน่! หากว่าเธอมาช้าไปกว่านี้สักนิด จึงรีบเข้าไปคว้าแขนผู้ชายตัวโตที่คลายกำปั้นในกระเป๋ากางเกงออก ป้องเกียรติตั้งสติได้ในทันทีที่เห็นใบหน้าสวยหวานโกรธขึ้งบึ้งตึงกว่า เขาก้มหน้าลงมองเธอด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างเคย ในแบบของตัวเอง... “ไม่มีอะไร... ปัดเขาแค่มาชวนคุยเรื่องเก่า ๆ น่ะ ใช่ไหม?” “อืม... พี่เล่าให้อาจารย์ป้องฟังไงว่าเราเคยไปไหนด้วยกันมาบ้าง พี่ไปรับไปส่งเนยทุกวันมากี่ปี” “พี่จะมาเล่าให้พี่ป้องฟังทำไมคะ?” “ไม่เป็นไรหรอกครับ... พี่เข้าใจทั้งสองคน ยังไงเราก็เคยคบหากันมีเยื่อใยให้กันคงไม่แปลก พี่ว่าพี่เป็นผู้ใหญ่อยู่นะ” ใบหน้าหล่อเหลาผุดยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร ในจุดประสงค์แอบแฝงซึ่งเขามองกลับไปทางชายตรงหน้าด้วยแววตาแน่วแน่จริงจัง “แต่ที่น้องบอกว่าเนยรักน้องน่ะ มันเป็นอดีต... ถึงพี่จะมาทีหลังแต่พี่รักของพี่ ยังไงพี่ก็ไม่ให้เนยไป รับรองได้เลยว่านายไม่มีปัญญาหรอกนายปัด” “รอดูแล้วกันครับพี่ป้อง” “ไม่รอ... พี่ว่านายเอาเวลาไปดูแลเมียตัวเองให้ดีจะดีกว่า ไม่ใช่มายุ่งกับเมียคนอื่นโดยเฉพาะเมียพี่... ไม่ให้” ในน้ำเสียงนิ่งขรึมมีความหมายชัดเจนว่าไม่ให้! ปัฐพลยืนกัดกรามกรอดมองอาจารย์หนุ่มคว้ามือเรียวขึ้นมากุมด้วยท่าทางเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ กระทั่งทั้งสองคนขึ้นรถไปด้วยกันด้วยใจเจ็บ เณศราหายโมโหเป็นปลิดทิ้งเพียงเห็นว่าคนขับรถหน้าตาคร่ำเครียดตลอดทางกลับบ้าน เขาโกรธจนหน้าแดงก่ำตรงข้ามคำที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ มือกำหมัดแน่นอย่างไม่ต้องบอกเลยว่าถ้าเจ้าของร้านออกมาไม่ทันคงมีเวทีมวยในลานจอดรถแน่ จนมาถึงห้องแล้วเขาถึงสงบสติอารมณ์ลง ก้มหน้ากินข้าวไม่พูดจา “พี่ป้อง... มีเรื่องอะไรจะบอกเนยหรือเปล่าคะ?” “ครับ...?” “เมื่อวานไปซื้ออะไรมาที่เซเว่น?” ถามแทรกขึ้นมาไม่ยอมให้เขาตอบ ป้องเกียรติทำหน้างงก่อนจะนึกออกว่าเขาไปซื้ออะไร พอคนในฝั่งตรงข้ามกันถลึงตาใส่ “ถุงยางห้ากล่อง กล่องละสามอันมันเยอะมากเลยนะ พี่ซื้อมาทำอะไรคะ เนยเอาไปทิ้งลงถังขยะแล้วนะ ไม่ชอบกลิ่นสตรอว์เบอร์รีค่ะ” ผิวขรุขระบางเฉียบพิเศษศูนย์จุดหนึ่งมิลลิเมตรอะไรสักอย่างด้วยอีก เณศราคิดว่าเขาจะมีข้อแก้ตัวดี ๆ แต่เขาก็แค่ยิ้มหวานทำหน้าตาใสซื่อ “ผู้ชายยืดอกพกถุงไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ” “พี่คิดแต่เรื่องนั้นกับเนยหรือคะ?” ‘ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นพี่ชายของรวิตา... เขาไม่ใช่คนดีอย่างที่เนยคิดหรอกนะ เนยคิดว่าตัวเองมีดีอะไร? อาจารย์ระดับดอกเตอร์ถึงได้มาจีบเนย’ ‘พี่เอาหัวเป็นประกันว่าหลอกฟันนั่นแหละ’ เสียงหนึ่งดังสะท้อนดังเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ มันเป็นเหตุผลข้อแรก ๆ ที่ทำให้เธอหงุดหงิด ไม่เข้าใจว่าทำไมนักธุรกิจพันล้านอย่างปัถฐกรถึงว่างมาเป่าหูเธอตั้งแต่เมื่อวานก่อนนี้ ก่อนจะมาจ๊ะเอ๋เข้ากับอาจารย์ป้อง “แล้ว... เนยอยากได้กลิ่นอะไร?” “เนยไม่ให้ค่ะ ไม่อยากได้สักกลิ่น...” ในน้ำเสียงเด็ดขาด มือเรียวรวบช้อนส้อมพร้อมความรู้สึกเบื่อผัดกะเพราขึ้นมา เธอยกจาน แก้วน้ำไปล้างให้โดยไม่ยอมคุยกับเขา อีกคนก็เดินตามไปรวบเอวบางไว้ในอ้อมแขน “ปล่อยเนยค่ะ ไปไหนก็ไปเลยไปไกล ๆ” เธอไล่เขาทันที ขณะตาคมหลุบมองตามใบหน้าสดสวยบึ้งตึงหนัก เกยคางไว้บนไหล่มนอย่างออดอ้อน “มาทำเป็นงอน... ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะพูดมาตั้งแต่เมื่อวานเพราะอย่างนี้นี่เอง มีคนมาเป่าหูเนย” “ไม่มีค่ะ เนยไม่ใช่ผู้หญิงหูเบา” เธอตั้งหน้าตั้งตาล้างจาน ใจนึกอยากฟาดฝ่ามือพิฆาตบนหน้าระรื่นนั่นให้หายเจ็บแค้น! ตัดพ้อต่อว่าถามเขาว่าทำไมต้องมีความลับกับเธอ แต่ขนาดปัถฐกรทำร้ายเธออย่างสาหัสสากรรจ์กว่าหลายเท่า สาวน้ำใจงามอย่างเณศรายังไปจัดเค้กงานแต่งให้หน้าตาเฉย “อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่กลัวที่สุดคือเนยเมินพี่... ถ้าพี่ทำอะไรผิด พี่ทำให้เนยไม่พอใจ... ขอโทษนะครับเนย ขอโทษ...” หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมา “แล้วทำไมเนยต้องให้อภัยทุกคนที่ทำร้ายเนยด้วยคะ? อยากรู้เหตุผลสักข้อ...” “พี่บอกไปแล้ว ที่จริงไม่อยากพูดให้คนอื่นฟังเลย” เขาผลัดถอนหายใจตามคนตัวเล็ก เธอเลื่อนสายตาจากจานแก้วสีขาวในน้ำใสสะอาด เอี้ยวคอหาผู้ชายตัวโต “พี่นั่งตรงนั้นมานานแค่ไหนกัน แอบปลื้มสาวคนนึงแม้ว่าเธอจะมีแฟนแล้วมานานแค่ไหน เนยไม่เคยเห็นพี่ในสายตา ขนาดนายปัดยังบอกว่าพี่ควรจะนั่งโง่ ๆ ตรงนั้นต่อไป” ใบหน้าสดสวยเห่อร้อนเพราะถ้อยคำที่ได้ยิน ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไปหมด ทว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ “เลิกพูดเรื่องเก่าได้แล้วค่ะ เนยจะไปรู้ไหมล่ะคะ?” “พี่ถึงต้องบอกอีกหลาย ๆ รอบไงครับ เนยจะได้ไม่ไปฟังคนอื่นพูดมากกว่าฟังพี่” เรียวปากหนาหยักได้รูปขยับยิ้ม ก่อนที่วงหน้าหล่อเหลาจะโน้มลงประกบริมฝีปากอิ่ม เณศราไม่ได้ขัดขืนแต่ปิดตาลงเขย่งปลายเท้าตามเหมือนกับว่าเธอกำลังรอคอยจูบนี้ รับรู้รสชาติอ่อนหวานผ่านริมฝีปากหนาที่ผละออกไปช้า ๆ โดยมีเธอเป็นฝ่ายไล่ตามคนจากไป ป้องเกียรติลูบศีรษะน้อยเบา ๆ ปลอบประโลมเธออีกครั้ง เขาจูบไรขมับและเส้นผมนุ่มหอม ประคองใบหน้าของเธอไว้ในอุ้งมือ ค่อยโน้มตัวลงกระซิบ “อย่าหงุดหงิดอาจารย์ป้องเลยนะครับ” หัวใจดวงน้อยสั่นไหว เหลวละลายไม่มีชิ้นดี ไม่ต่างจากฟองสีขาวในมือที่กำลังแตกตัวคราถูกสายน้ำไหลผ่าน เณศราเชื่อว่าเขาไม่ได้โกหก เมื่อเขาส่งยิ้มหวาน เก็บจัดจานเรียบร้อยโดยไม่ปล่อยให้เธอทำแล้วพาไปนั่งลงที่บนเก้าอี้ตัวเดิม “เนยไม่อยากยุ่งกับคนบ้านนั้นตั้งแต่พวกเขาแต่งงานกัน เนยอโหสิกรรมให้แต่ว่าต่างคนต่างอยู่ ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งไม่เฉียดใกล้อีก ถึงเนยจะเป็นคนใจกว้าง ใครทำร้ายเนยไม่เคยว่า...” “พี่ก็ไม่ได้สนิทกับที่บ้าน พี่ออกมาอยู่ของพี่เองตั้งนานแล้ว แต่พี่กลัวเนยไม่คุยกับพี่เลยไม่กล้าบอกเรื่องนี้” “แต่พวกเขาดูถูกเนย... พ่อแม่เนย” “พี่จะไม่ให้ใครทำแบบนั้นกับเนยอีกต่อให้เป็นพ่อแม่พี่ เนยเชื่อใจพี่นะครับ” นัยน์ตาคู่หวานคมใต้แว่นกรอบหนาเอ่อคลอน้ำหยดใส ร่างสูงในเชิ้ตสีเข้มหล่อเหลานั่งยองลงกับพื้น จับมือเปียกน้ำเช่นเดียวกับมือของเขามากุมไว้ เหมือนคนจะคุกเข่าขอแต่งงาน ดราม่าพระเอกเกาหลีในซีรีส์ยังชิดซ้าย! “เนยครับ...” “เนยเข้าใจแล้วค่ะไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วยเพราะว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด พรุ่งนี้เช้าเราค่อยเจอกันนะ วันนี้เนยจะกลับบ้านไปนอนกับแม่” “ไม่โกรธพี่จริง ๆ ใช่ไหมครับ?” หญิงสาวเพียงฝืนยิ้มออกมา “ไม่โกรธเลยค่ะ... ไม่โกรธเลย” “ขอบคุณครับเนย... แต่พี่...” เสียงเข้มขึ้นทำอึกอัก จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนใจไม่พูด “ไม่มีอะไรครับ ไปกันเถอะ พี่ไปส่ง...” “เนยกลับเอง...” “ไม่ได้ครับดึกแล้วอันตราย... พี่จะขับรถไปส่ง” บางเรื่องที่เขาไม่ยอมนั้นเณศราคงไม่สามารถขัดใจ เธอเดินไปคว้ากระเป๋าสะพายในเล็กขึ้นพาดบ่ารอให้เจ้าของห้องหยิบกุญแจรถยนต์เพื่อไปส่งเธอที่บ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม