เวลาเปลี่ยนไป ใจคนก็เปลี่ยนแปลง ตอนที่ 2

2805 คำ
แรงสั่นสะเทือนทำให้ความรู้สึกกลับคืนทีละน้อย โมรียากะพริบตางวยงงปรับเข้ากับความมืดมิดและพยายามทำความเข้าใจ เมื่อสำนึกได้ว่าตนเองถูกลอบทำร้าย สัญชาตญาณก็ผลักดันให้หล่อนขยับดิ้น แต่แล้วก็ต้องใจหายวูบเมื่อพบว่าถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ หล่อนนอนอยู่บนเบาะหลังรถที่ถูกปรับเอน แหงนมองด้านหน้าก็พบชายร่างใหญ่สองคนนั่งคู่กัน             คนหนึ่งเป็นพลขับ...อีกคนนั่งข้าง หล่อนถูกหลอก...ไม่มีอะไรแน่ใจได้เท่านี้อีกแล้ว ว่าแต่เป็นใครกัน และพวกเขาประสงค์สิ่งใดถึงต้องวางแผนลักพาตัวหล่อนมาในคืนอันแสนสำคัญนี้ด้วย             ใจหนึ่งวาบไหว...ฉุกคิดไปถึงใครบางคนที่เคยผูกสัมพันธ์กันไว้ในอดีต แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เขาคนนั้นช่างแสนดีและอ่อนโยนปานนั้น มีหรือจะคิดการชั่วช้าและทำร้ายหล่อนได้ลงคอ             "พวกแก! เป็นใครต้องการอะไรบอกมานะ!! ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันล่ะก็ พวกแกไม่ตายดีแน่!" ได้ทีรวบรวมสติไม่ต้องรีรอให้เสียเวลา แม้มาดมั่นเอาไว้ในใจแล้วว่าเป้าหมายของคนร้ายคงไม่ใช่แค่ดักปล้น หรือหวังสุขสมกับร่างกายหล่อนแน่นอน เพราะหากสืบย้อนกลับไปจะพบว่าพวกมันวางแผนกันมาเป็นอย่างดี และคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของหล่อนมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว ดูได้จากรูปถ่ายที่ส่งมาเพื่อขู่กรรโชก             จะว่าฉุดมาเพื่อพาไปขายก็คงไม่ใช่...แต่ถ้าเป็นกรณีเรียกค่าไถ่เห็นจะมีน้ำหนักที่สุด นั่นก็คงหมายถึงว่าพวกมันจะไม่กล้าทำอะไรหล่อนมากนัก             "หึ...ตื่นมาก็แหกปากสามบ้านแปดบ้าน เสียงยังกะช้างน้ำตกมันเดือนสิบแน่ใจนะว่านายจะไหว" คนขับปราศรัยน้ำเสียงกึ่งขำ แต่คนฟังที่ถูกพาดพิงถึงนั้นบัดนี้ตาลุกวาว หูอื้อ ร่างกายร้อนวูบไปด้วยความโกรธกับคำพูดแสนร้ายกาจนั่น             "ไอ้ปากหมา! ชิงศพหมามาเกิด! กล้าดียังไงมาว่าฉันแบบนั้น!!"             "อ้าวคุณ! เป็นจำเลยน่ะ หัดสงบปากสงบคำเสียบ้าง ถูกจับมาแทนที่จะอ้อนวอนขอความเห็นใจกลับตะโกนด่าปาวๆ ระวังจะไม่รอดเอาง่ายๆ นะคุณ หึ..."             "ไอ้บ้า!! ฉันไม่กลัวแกหรอก ไอ้โจรกระจอกดีแต่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงหากิน พ่อแม่แกคงภูมิใจมากสินะที่มีลูกสารเลวแบบนี้!!"             "มันจะมากไปหน่อยแล้วนะคุณคนสวย" น้ำเสียงตอบโต้กลับเริ่มแสดงถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของคนขับ ส่วนคนนั่งข้างก็มีปฏิกิริยาหันตะแคงลอบมองมากลายๆ โมรียาจับสังเกตถึงรูปพรรณสัณฐานประหนึ่งโจรห้าร้อยนั่น แล้วก็ให้รู้สึกคุ้นตายิ่งนัก แม้จะมองเห็นเพียงเศษเสี้ยวครึ่งใบหน้า แถมยังรกครึ้มไปด้วยหนวดเครายาวเกินสองนิ้วก็ตาม             "แล้วที่พวกแกจับฉันมา มันไม่มากไปรึไง รู้ไหมว่าวันนี้มันเป็นวันสำคัญของฉัน!! คนอื่นมีเป็นร้อยเป็นล้านทำไมแกถึงไม่ไปจับพวกนั้น!!"             "ถ้าอยากรู้เจ๊ก็ต้องถามคนข้างๆ นะ..." คราวนี้น้ำเสียงกลับมายียวนเหมือนเดิม ซ้ำยังยิ้มแสยะเหมือนระอาใจเอานักหนา             "ก็ถามทั้งสองคนนั่นแหละ มาด้วยกันไม่ใช่เหรอ เลวพอกันทั้งครอก!!"             "หุบปาก!!!!"             หญิงสาวหยุดชะงัก อ้าปากค้างหยุดกลั้นหายใจเมื่อถูกตวาดใส่หน้าโดยคนนั่งข้างพลขับ เขาเงื้อหันมาจ้องหล่อนด้วยสายตาดุดัน ใบหน้าประดับดารดาษด้วยหนวดเคราอย่างที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรก ดูโดยภาพรวมแล้วพอจะสรุปได้ว่าคนขับคือคนที่ดักรอพบหล่อน และผู้ชายคนนี้คือคนที่ทำร้ายจนหล่อนหมดสติ             "แก...มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน ไปตายซะ!"             "บอกให้หุบปาก!"             "แกสิหุบปากไปซะไอ้ชั่ว กรี๊ด!!!" เสียงเล็กกรีดร้องลั่นไปทั้งคันรถ ณกรถึงกับเอามือแตะหน้าผากแล้วส่ายศีรษะ แม่คุณฤทธิ์มากตั้งแต่แรกเริ่มขนาดนี้ เดาใจภูมิศิลาไม่ถูกเลยว่าจะรนหาที่ทำไม             "หยุด! หยุดแหกปากซะทีโว้ย!!" ภูมิศิลาตะโกนแข่งกับเสียงกรี๊ดๆ ประหนึ่งจิ้งหรีดหิวน้ำค้างนั้น คนลำบากที่สุดก็คงเป็นณกรที่ต้องทนรับฟังเสียงตะโกนแข่งกันจนหูแทบแตกอยู่รำไร             "จะทำอะไรก็ทำซะทีเถอะ...ฉันไม่ไหวแล้วนะภูมิ!!!" คนขับเหยียบเบรกกะทันหัน เมื่อไม่อาจทานทนเสียงแหลมที่เสียดทานบาดจิตไปถึงกระดูก ขืนช้ากว่านี้สักนิดหูเขาและภูมิศิลาคงพิการ             "ภูมิเหรอ..." ชื่อนั้นสะกิดใจหญิงสาวเป็นอย่างมาก หล่อนหยุดชะงักไปชั่วครู่ เบิกตาตะลึงเมื่อร่างใหญ่ที่นั่งเบาะข้างคนขับตะแคงตัวขยับพุ่งพรวดเข้ามายังเบาะหลังซึ่งหล่อนถูกจับมัดให้นอนหงายไร้ทางเลือก             "แก!..." หล่อนพยายามพินิจใบหน้านั้นท่ามกลางแสงสลัวของไฟบนถนนที่วับแวบเข้ามาเป็นครั้งคราว  หล่อนจ้องมองชายหนุ่มที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วและกระชากร่างหล่อนให้ลุกนั่งด้วยแรงโมโห ต้นแขนเจ็บแปลบจากแรงดึงดุดัน แต่สายตาหล่อนยังไม่วางวายละจากใบหน้าของเขา             "เพื่อสวัสดิภาพของตัวเธอเอง...ถ้ายังขืนแหกปากด่าพ่อด่าแม่ฉันอีกศพไม่สวยแน่ๆ โมรียา..."             "พี่ภูมิ..." เสียงหวานลดระดับลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำยังสั่นเครือหายใจติดขัด นอกจากรูปกายบุคลิกภายนอกแล้ว น้ำเสียงที่ได้ยินชัดเจนกระจ่างแจ้งก็ยืนยันความคิดของหล่อนได้เป็นอย่างดี สายตาดุกร้านดั่งราชสีห์นั้นก็สบสนองไม่ผละหนีเช่นกัน             "ใช่...ฉันเอง ทีนี้! จะอยู่อย่างสงบเสงี่ยมได้หรือยัง" แขนเล็กถูกกระชากจนตัวเธอเข้าประชิดเขาตามแรงดึงของร่างใหญ่ที่โน้มตัวมายังเบาะหลัง ความเจ็บตรงข้อมือที่ถูกมัดก็ดึงสติให้หล่อนต่อต้านเขาด้วยการเบี่ยงสะบัดหนี และใช้สองเท้าเตะถีบสุดกำลัง             "ไอ้บ้า! ปล่อยนะปล่อย พี่ทำบ้าอะไร ทุเรศที่สุดลี่จะฟ้องพ่อ!!"             "เงียบมู่ลี่ เงียบ!! ฉันบอกให้เธอเงียบ!!!" ภูมิศิลาตะคอกจนอีกฝ่ายหุบปากฉับ เพราะอาการเช่นนี้เขาไม่เคยแสดงออกต่อหล่อนมาก่อนเลย โมรียาใจสั่น คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่ลักพาตัวหล่อนมาจะเป็นผู้ชายคนนี้ ภูมิศิลา...             "ณกร...ออกรถ" เขาหันไปสั่งการน้องชายบุญธรรม ก่อนจะขยับตัวนั่งข้างๆ ร่างเล็กในชุดเจ้าสาวที่ขัดตาขัดใจเขาเหลือประมาณ เหมือนมันจะเป็นเครื่องตอกย้ำในสิ่งที่โมรียากระทำ ซ้ำเติมบาดแผลที่หล่อนทรยศให้แสบร้อนไม่มีวันเลือนหาย             "เพราะอะไร...ก็เราคุยกันแล้ว..."             "หึ..." ช่างไม่มีอะไรสั่นสะเทือนความหน้าไม่อายต่อผู้หญิงคนนี้ได้จริงๆ 'คุยกันแล้ว' หล่อนเรียกว่าการโทร.ไปหาเขาและบอกว่ากำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคนที่หอบกลับมาจากต่างประเทศคือการคุยกัน             และถือเป็นการสิ้นสุด...             ทั้งที่เขารอคอย มีความหวัง วาดฝันอนาคตร่วมกันกับหล่อนตลอดสองปีที่คบกันตอนอยู่เมืองไทย สี่ปีที่หล่อนไปเรียนต่อ เฝ้าถนอมประหนึ่งหล่อนเป็นส่วนหนึ่งของก้อนเนื้อหัวใจ แต่ทุกอย่างกลับจมหายถูกทำลายย่อยยับเพียงแค่การโทร.มาบอกลาง่ายๆ ด้วยคำพูดไม่กี่คำ แม้แต่หน้า...ก็ยังไม่ได้เห็นในวันที่ฝันร้ายมาเยือน             "เพราะเธอ...ควรได้รับบทเรียนบ้างโมรียา เธอไม่มีสิทธิ์ให้ความหวังใครโดยการหลอกลวงทำร้าย แล้วทิ้งทุกอย่างที่พังทลายหมดแล้วไปเสพสุขกับชีวิตที่สวยหรู กับ...ไอ้ผู้ชายคนนั้น"             "แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรจับตัวลี่มา!!! พี่ควรเคารพการตัดสินใจของคนอื่นบ้างไม่ใช่หรือไง ลี่คิดว่าพี่จะเข้าใจอะไรง่ายๆ กว่านี้เสียอีก" หล่อนคิดง่ายๆ ตอบโต้เขาด้วยความขุ่นใจในขณะที่รถออกตัวแล่นไปตามท้องถนนอีกครั้ง โมรียาทอดสายตามองผ่านหน้าต่างรถพร้อมสำรวจสถานที่ ว่ามันคุ้นหูคุ้นตาบ้างหรือเปล่า มีทางไหนที่หล่อนจะเอาตัวรอดไปจากตรงนี้ได้บ้าง             มือเล็กขยับ...จนรู้สึกได้ว่าผ้าที่ผูกข้อมือไว้เริ่มหลวม             "พี่ภูมิ...ปล่อยลี่ไปเถอะค่ะ ลี่สัญญาว่าเราจะต้องมีทางออกในเรื่องนี้" หญิงสาวพร่ำในขณะที่คู่สนทนานั่งกอดอกนิ่ง หน้าขรึมมองไปด้านหน้าไม่ได้สนใจหล่อน             "ลี่...ยังรักพี่ภูมิอยู่นะคะ แต่ที่ต้องแต่งงานก็เพราะ...ถูกบังคับเท่านั้น..." ดวงตากลมเหลือบสังเกตความวูบไหวในสีหน้านั้น แล้วหล่อนก็แอบยิ้มอยู่ในใจ ภูมิศิลาก็คือภูมิศิลา ต่อให้เขาร้ายยังไงหล่อนก็รู้ดีกว่าใคร ถึงจุดอ่อนจุดตายของเขา             "พี่ภูมิลักพาตัวลี่มาแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลี่จะได้ไม่ต้องฝืนใจแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักไม่ชอบ เราจะได้กลับมาทำความเข้าใจกัน..."             คำปราศรัยนั้นยังไม่อาจเรียกความน่าเชื่อถือให้เจ้าของชื่อเท่าไหร่ ในขณะที่พลขับซึ่งได้ยินเหมือนกันถึงกับยิ้มมุมปาก นึกหวั่นใจในตัวพี่ชายแต่ก็ทำได้คอยมองดูเหตุการณ์ต่อไป โมรียา...ผู้หญิงคนนี้ร้ายใช่เล่นจริงๆ บอกรักผู้ชายที่หล่อนตัดทิ้งไม่ไยดีได้หน้าตาเฉย ในขณะที่ยังใส่ชุดวิวาห์เพื่อเข้าพิธีกับผู้ชายอีกคน             "อุ๊ย! เจ็บ" ร่างเล็กทรุดเอนลงไปตามความยาวของเบาะที่นั่ง ด้วยใบหน้านิ่วบิดเบี้ยว แสดงถึงความไม่ปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับหล่อน             "น้องลี่...เกิดอะไรขึ้น..." สัญชาตญาณและจิตสำนึกเนื้อแท้โลดแล่นออกมาด้วยความกระวนกระวายเมื่อเห็นดังนั้น ภูมิศิลารีบโน้มตัวเข้าไปประคองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง แววตาเคียดแค้นเลือนหายหลงเหลือไว้เพียงแสงสะท้อนด้วยความห่วงหาอาลัยจับจิต             "น้องลี่เจ็บมือค่ะพี่ภูมิ เมื่อกี้บิดมือผิดจังหวะแล้วผ้าที่มัดมันแน่นจนพลิกมือกลับมากไม่ได้" น้ำเสียงหล่อนประหนึ่งปวดร้าวทรมานเอาหนักหนา  ชายหนุ่มรีบจับต้นแขนเบาๆ เพื่อจะดูยังจุดที่เป็นต้นเหตุ แต่ทันใดนั้น...             "โอ๊ย!" มือเล็กที่เขาแตะต้องอย่างถนอมก็คลายออกจากกัน และฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้ากึ่งกกหูเขาเต็มแรง ตามด้วยสองเท้าที่ยังถูกมัดติดกันเตะถีบจนร่างใหญ่กระเด็นติดประตู             "เฮ๊ย!" ณกรทำท่าจะหยุดรถและหันไปช่วยเหลือพี่ชาย แต่แล้วก็ไม่ทันการณ์ โมรียาใช้ผ้าที่พวกเขามัดมือหล่อน ซึ่งบัดนี้แกะขาดแล้ว ตวัดคร่อมผ่านใบหน้า รัดแน่นอยู่ที่คอ     "หยุดรถเดี๋ยวนี้ เร็วสิ!!!" หล่อนสั่งการในขณะที่สายตายังแลภูมิศิลาซึ่งกำลังพยุงตัวลุก หล่อนมีเวลาเพียงไม่กี่วิในการหนีไปจากรถนรกคันนี้             ณกรหยุดรถกะทันหันจนทั้งเขาและโมรียาหัวคะมำไปด้านหน้า เขาทำไม่ใช่เพราะกลัวฤทธิ์เดชของโมรียาหรอก หากกลัวจะเกิดอุบัติเหตุต่างหาก ถนนสายนี้ในช่วงกลางคืนจะมีแต่รถบรรทุกขนาดใหญ่ขับผ่านด้วยความเร็วสูง เกิดไปชนกับคันอื่นเข้า เรื่องราวจะยิ่งบานปลาย             "นังตัวแสบ..." ภูมิศิลากุมท้ายทอยกระแทกกับประตูรถอย่างจัง ในตอนที่หล่อนออกแรงถีบ ร่างใหญ่ถลาเข้าหา ในขณะที่หล่อนกำลังจะเปิดประตูรถอีกด้านเพื่อ 'หนี'             "กรี๊ด! ปล่อยนะ" หญิงสาวหวีดร้องเสียงแหลมเมื่อถูกจับบ่าทั้งสองข้างและกระชากดึงเข้าไปในรถอีกครั้ง ทั้งๆ ที่หล่อนเกือบจะหนีรอดอยู่รำไร ขอเพียงออกไปนอกตัวรถได้ ก็ไม่ยากเลยที่จะขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นๆ ซึ่งแล่นผ่านไปมาพลุกพล่าน อย่างน้อยก็ต้องมีคนเห็น อาจจะไม่ได้เข้ามาช่วยแต่ก็ส่งข่าวนี้ถึงตำรวจก็เป็นได้ ดีกว่าอยู่เฉยรอรับชะตากรรม             แต่บัดนี้...ทุกอย่างก็จบลงแล้ว ร่างของหล่อนแหงนหลังล้มลงบนเบาะหลังอันเดิม ที่เดิม และด้วยน้ำมือคนๆ เดิม...             "มารยาสารเลว...ฉันไม่ควรคิดไปถึงว่าคนอย่างเธอจะมีจิตสำนึกหลงเหลือเหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไปเลยโมรียา!!" ภูมิศิลากัดฟันกรอด เข่นเขี้ยวอยากขย้ำร่างเล็กนี้ให้แหลกสลายคามือ ให้สมกับสิ่งที่หล่อนกระทำต่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่เคยนึกหวนถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกัน             หรือเพราะโมรียา ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยมาตั้งแต่แรกแล้ว หล่อนเพียงหลอกใช้เขา เห็นเขาเป็นเครื่องมือ เมื่อหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง แต่ใจเขาสิ เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ ยังนึกหวังเอาอะไรกับผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้อีก หล่อนไม่เหลือความภาคภูมิใจอะไรไว้ถึงมือเขาอีกแล้ว นอกจากการสั่งสอนให้รู้ถึงก้นบึ้งความเจ็บปวดเสียบ้าง ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ควรได้รับอะไรอีกเลย             "พวกพี่สิเลว!! ทำอะไรเลวๆ แบบนี้กับลี่ได้ไง อื้อ!!!" มือเล็กถูกรับมัดไว้เช่นเดิมอย่างง่ายดาย ชุดเจ้าสาวเกาะอกหลุดร่นจนเนินอูมโผล่โชว์หรา ดีที่มันยังมีบราสิลิโคลนกระชับเอาไว้ ภูมิศิลารีบตะปบและดึงเกาะอกประดับเพชรขึ้นมาปิด ก่อนจะคว้าเอาผ้าดำอีกผืนจากกระเป๋าหลังเบาะนั่งมาคาดรัดปากของหล่อนเอาไว้  คราวนี้มัดแน่น...มัดให้สาแก่ใจ             "หึ...ฤทธิ์มากนัก ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เธอลอยชายทำอะไรตามใจเหมือนก่อนได้อีกโมรียา เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ"             "อื้อ!!!" โมรียายังไม่หมดฤทธิ์ง่ายๆ หล่อนดิ้นตาลีตาเหลือกไม่ยอมสงบท่าเดียว จนภูมิศิลาต้องผลักให้ลงไปนอนหงายและจับขาผูกรัดไว้กับเบาะ เพื่อไม่ให้หล่อนใช้เท้าเตะถีบเขาได้อีก กระนั้นหล่อนก็ยังมิวายดิ้นเร่าๆ อยู่กับที่ ส่งเสียงเล็ดลอดผ่านผ้าที่มัดปากเอาไว้เป็นระยะ มีความพยายามไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเอาเสียเลย             จนชายหนุ่มเกิดความรำคาญ ผนวกกับรอยร้าวในบาดแผลที่สดใหม่มันก่อตัว ทำให้เขาไม่คิดอยากยับยั้งชั่งใจใดๆ อีกแล้ว นอกเสียจากทำทุกอย่างให้หญิงสาวที่นอนดิ้นพรวดๆ เจ็บร้าวทรมานเท่าเทียมกัน             "อื้อ!!" ร่างเล็กชะงักงัน ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลงอย่างไม่คิดเชื่ออย่างในสิ่งที่เห็น ภูมิศิลาใช้มือตะปบเข้าที่ลำคอและกดบีบตามแรงฤทธิ์ของเขา สีหน้าที่เคยยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเสมอ บัดนี้ถมึงทึงดุดันน่ากลัว ผนวกกับรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปราวโจรห้าร้อยมันยิ่งส่งเสริมให้ชายหนุ่มดูร้ายกาจและน่าขลาดกลัวมากยิ่งขึ้น             "คิดว่าฉันไม่กล้าใช่ไหม...ถึงไม่ยอมฟัง หึ...อะไรๆ มันเปลี่ยนไปแล้วโมรียา เหมือนกับความมักง่ายของเธอนั่นแหละ!"             "อื้อ!!!" เขาออกแรงขึ้นอีกจนหล่อนดิ้นกระเสือกกระสนทั้งที่ถูกพันธนาการเอาไว้ รับรู้ถึงความเจ็บปวดและห้วงลมหายใจที่ขาดหายเหลือน้อยลงทุกทีๆ             "เฮ้ยภูมิ!  พอเถอะ เดี๋ยวก็ตายกันพอดี ฉันไม่ได้มาช่วยนายฆ่าคนนะโว้ย!" ณกรเห็นท่าไม่ดีเมื่อเหลียวหลังมาแลพบว่าร่างเล็กในชุดเจ้าชาวดิ้นตาเลือกตาถลน ใกล้สิ้นใจคามือพี่ชายบุญธรรมในไม่ช้า จึงรีบออกปากห้าม ซึ่งก็ได้ผล ภูมิศิลาสะบัดมือออก ทางด้านหญิงสาวนั้นถึงกับสำลักไอแค่กๆ น้ำตานองหน้า             หล่อนปรายตามองเขาที่ถอยห่างออกไปเล็กน้อยด้วยความไม่อยากเชื่อ             "จำใส่หัวไว้โมรียา..." เขาชี้หน้า ท่าทางเอาจริงเอาจัง             "คำสั่งฉันคือประกาศิต ฉันสั่ง...เธอต้องทำ!! ถ้าไม่ทำฉันจะหักแขนหักขา จับแก้ผ้าถ่วงน้ำซะ!!!" แล้วร่างใหญ่ก็ผลุนผลันพาแทรกตัวไปกับร่องเบาะด้านหน้าเพื่อไปนั่งข้างคนขับเหมือนเดิม ด้วยกลัวใจตัวเองหากอยู่ใกล้จะอดไม่ ไหว พาลจะเสียแผน เพราะจำเลยมาตายกลางทางเสียก่อนจะได้รับบทเรียนอันสาสม เท่าที่หล่อนควรจะได้รับ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม