สัญญา เวลา อาลัย ตอนที่ 2

3269 คำ
‘พี่ภูมิพาน้องลี่ไปในสวนได้ไหมคะ’ เด็กน้อยวัยแปดขวบออดอ้อนพี่ชายที่ตัวโตกว่าให้พาหล่อนไปเที่ยว  ‘ไม่ได้หรอกครับน้องลี่ น้องลี่ร่างกายไม่แข็งแรงอย่างนี้ ไปในสวนอาจจะเจอต้นไม้ใบหญ้าหรือสัตว์มีพิษทำให้ไม่สบายอีกนะครับ.....เอางี้ดีกว่านะ พี่ภูมิขออนุญาตคุณน้าพาน้องลี่ไปกินไอติมดีกว่าไหมครับ’                                   ‘พี่ภูมิคะ ....เมื่อไหร่น้องลี่จะแข็งแรงล่ะคะ น้องลี่อยากเล่นเหมือนคนอื่นเขาบ้างจังค่ะ ไปในสวนสนุก สวนสาธารณะก็ได้ แต่น้องลี่ไม่ได้ไปไหนเลย อยู่แต่ในบ้านกับโรงพยาบาล’ เด็กหญิงไม่ตอบแต่กลับถามคำถามเขาแทน สีหน้าแสดงออกถึงความเศร้า เมื่อไม่สามารถใช้ชีวิตแบบปกติอย่างเด็กคนอื่นๆ ได้ ‘พี่ภูมิค่ะ น้องลี่โดนเพื่อนล้อเวลาที่ไปโรงเรียนว่าเป็นเด็กขี้โรค...ไม่มีใครเล่นกับน้องลี่เลยค่ะพวกเขากลัวติดโรค’ พูดจบเด็กสาวโผเข้ากอดเขาไว้แน่น น้ำตาไหลด้วยความอัดอั้น ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ปลอบประโลมด้วยการลูบเส้นผมบาง มองดูเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่าวัย แถมผิวขาวซีดผอมบาง ที่กอดเอวเขาแน่น ภูมิศิลาคิดไม่ถึงว่าแค่การปฏิเสธไม่พาหล่อนไปเล่นที่สวนหลังบ้านแค่นี้จะเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจหล่อนจริงๆ แล้วโมรียาอาจไม่สบายใจและคิดมากตามประสาเด็กกับเรื่องที่เจอมาก่อนหน้า เมื่อเขากล่าวปฏิเสธและบอกเหตุผลเกี่ยวกับสุขภาพของหล่อนก็เหมือนไปสะกิดแผลใจที่มีอยู่เป็นทุนเดิม ‘น้องลี่ครับ....น้องลี่ไม่ได้เป็นโรคร้ายนะครับ แค่สุขภาพไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานมีน้อยกว่าปกติเท่านั้นเอง น้องลี่ต้องดูแลสุขภาพให้ดีไปพบคุณหมอและทำตามคำแนะนำ ร่างกายก็จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นเรื่อยๆ น้องลี่ก็จะแข็งแรงอย่างคนปกติครับ แล้วอีกอย่างน้องลี่ก็มีพี่ภูมิเป็นเพื่อนแล้วนี่ครับสนใจคนอื่นทำไม.....หรือเบื่อพี่แล้วถึงอยากมีคนอื่นเป็นเพื่อนเนี่ย....หืม’ ‘เปล่านะคะ....น้องลี่มีพี่ภูมิคนเดียวดีกว่าค่ะ คนอื่นไม่ดีกับน้องลี่เลย น้องลี่ไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยหรอกค่ะ...แต่น้องลี่เหงานี่ เวลาไปโรงเรียน แล้วก็เวลาพี่ภูมิไม่มาที่บ้าน' แววตายังคงความเศร้าและความเหงาอยู่นั้นทำให้ภูมิศิลาอดใจหายไม่ได้ เด็กน้อยนัยน์ตาเศร้าคนนี้มีเขาเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่จำความได้ เนื่องจากความสนิทสนมของครอบครัวทั้งสอง ประกอบกับสุขภาพที่ไม่ใคร่จะดีนักของโมรียาทำให้เธอไม่ได้รับอิสระอย่างเด็กทั่วๆ ไป ในด้านต่างๆ โรงเรียนก็หยุดบ่อย โดนห้ามโน่นห้ามนี่สารพัดอาจเป็นเพราะหล่อนเป็นลูกสาวคนเดียว และหลานสาวเพียงคนเดียวของตระกูลอัศวเทพ ทำให้ทุกคนต่างประคบประหงมเป็นพิเศษ จนกลายเป็นทำลายความเป็นส่วนตัวทางอ้อม ภูมิศิลาถึงแม้จะมาที่นี่บ่อยแทบจะทุกวันก็ว่าได้ แต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจเด็กน้อยหล่อนอยากให้พี่ภูมิของหล่อนมาอยู่เสียที่นี่เลยตะหาก เพราะพี่ภูมิของหล่อนนั้นเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่เธอสนิทสนมด้วย คนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้วทั้งนั้น เล่นด้วยไม่สนุก ดังเช่น ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อและ...แม่ ‘น้องลี่ต้องเข้มแข็งบ้างนะครับ.....เวลาพี่ไม่อยู่หรือน้องลี่ไปโรงเรียนน้องลี่ก็หากิจกรรมอะไรก็ได้ที่ชอบทำสิครับ เช่น วาดภาพ เล่นดนตรีไงครับ’ ภูมิศิลาแนะนำเพื่อไม่ให้เธอยึดติดกับคำว่า ‘เพื่อนเล่น’ จนมากเกินไป ‘ก็ได้ค่ะ น้องลี่ชอบวาดภาพเวลาไปโรงเรียนน้องลี่จะวาดภาพระบายสีให้สวยๆ แต่น้องลี่ไม่เล่นดนตรีนะคะ ไม่...ชอบ ถ้าวันไหนพี่ภูมิไม่มาที่บ้านน้องลี่ชวนพี่นวลปลูกดอกไม้ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เหงา ดีไหมคะ’ หล่อนรับข้อเสนอเพราะมีความชอบในสิ่งนั้นอยู่ด้วยเป็นทุนเดิมแล้ว ซึ่งก็ทำให้ภูมิศิลาวางใจไม่น้อยกับกิริยาที่ร่าเริงขึ้นของหล่อน ‘แต่พี่ภูมิต้องสัญญาก่อนนะคะ ว่าจะไม่หายไปไหนนานๆ ต้องมาเล่นกับน้องลี่บ่อยๆ และจะไม่ทิ้งน้องลี่ไปไหนพี่ภูมิเป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนของน้องลี่ที่ดีที่สุด น้องลี่จะปลอดภัยไม่มีใครกล้ามารังแกเหมือนตอนไปโรงเรียน และมีเพื่อนเล่นด้วย น้องลี่อยากให้พี่ภูมิอยู่กับน้องลี่ตลอดไปเลยค่ะ’      เมื่อสิ้นเสียงเจื้อยแจ้ว ภูมิศิลากลับใจหายอย่างไม่รู้สาเหตุ นึกสงสารเด็กน้อยเหลือเกินแม้จะมีทุกอย่างดั่งใจปรารถนา แต่ขาดอิสรภาพในการใช้ชีวิต ไม่ใช่เพียงแต่เพราะสุขภาพไม่ดีเท่านั้น แต่บ้านของโมรียาค่อนข้างจะหัวโบราณไปสักหน่อย  การเกิดมาเป็นลูกผู้หญิง จึงถูกเข้มงวดเป็นพิเศษตั้งแต่เล็กๆ อย่างนี้ นั่นเท่ากับว่าหล่อนแทบจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้โลกภายนอกด้วยตัวเองเลย การตัดสินใจทุกอย่างขึ้ นอยู่กับครอบครัว ไปไหนก็จะมีครอบครัวตามกันเป็นพรวน แม้กระทั่งไปส่งที่โรงเรียน ‘สัญญาครับ....แต่น้องลี่ต้องสัญญาด้วยนะครับ ว่าจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่เกเร....แล้วพี่ภูมิจะไม่ทิ้งน้องลี่ไปไหนจะปกป้องน้องลี่และมาเล่นเป็นเพื่อนบ่อยๆ ครับ’ ชายหนุ่มก้มลงพร้อมนั่งคุกเข่า มือหนาลูบหัวเจ้าตัวยุ่งอย่างเอ็นดู มืออีกข้างปาดน้ำตาที่แก้มนวลทั้งสองข้าง โมรียายิ้มจนตาหยีอย่างดีใจ...โดยไม่รู้เลยว่าสัญญานั่นกลับเป็นเพียง...ลมปาก หลังจากวันนั้นพี่ภูมิของหล่อนก็ไปมาหาสู่กับที่บ้านได้เพียงสองอาทิตย์ ก็หายตัวไปพร้อมกับดวงหทัยแม่ของเขา ในตอนแรกโมรียาไม่ได้รับรู้ถึงสาเหตุที่เขาจากไป หล่อนได้แต่ร้องไห้หาเขาทุกวันตามประสาเด็ก นานเข้ามันก็กลายเป็นความเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่....โดยไม่มีเขา จากนั้นอีกหลายปีหล่อนจึงได้รู้ว่าที่เขากับแม่หายไปนั้น เพราะพ่อชายหนุ่มมีภรรยาน้อย และได้อย่าขาดจากกัน โมรียายังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ สุขภาพแข็งแรงขึ้นตามลำดับ เธอมักจะโดนเพื่อนแกล้งจนร้องไห้เกือบทุกวันเมื่อไปโรงเรียนและคนที่เธอคิดถึงที่สุดยามนั้นคือ ‘ภูมิศิลา’ ‘พี่ภูมิขา....พี่ภูมิอยู่ไหนคะ น้องลี่เหงาจังเลย ทำไมพี่ภูมิผิดสัญญา ไม่มาหา ไม่ปกป้องน้องลี่คt’ ‘พี่ภูมิขา...น้องลี่กลัว ฮือๆ ฮือๆ คุณพ่อขาคุณแม่ขาช่วยน้องลี่ด้วย' โมรียายังจำได้ดีในตอนนั้นที่หล่อนถูกเพื่อนหลอกไปขังไว้ในห้องน้ำของอาคารเรียนร้างหลังโรงเรียน และเตอนนั้นเป็นช่วงเลิกเรียนพอดี พวกเด็กเกเรที่หลอกหล่อนว่าจะพาไปดูลูกแมวเกิดใหม่ ก็หนีกลับบ้านหมด เมื่อที่บ้านหล่อนมารับทั้งครูและผู้ปกครองต่างหากันยกใหญ่ เนื่องจากอาคารเรียนนั้นไม่ได้ถูกใช้งานและอยู่หลังสุดของขอบรั้วโรงเรียนที่เขียนป้ายว่า ‘ห้ามเข้า’ ลุงภารโรงพบหล่อนเป็นคนแรก เพราะได้ยินเสียงร้องไห้ แต่ตอนนั้นก็ปาเข้าไปมืดแล้ว เหตุการณ์นั้นไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งที่รุนแรงที่สุดในช่วงที่เรียนแค่ชั้นประถมศึกษา ก่อนหน้านั้นหล่อนไม่เคยบอกใครเพราะเพื่อนขู่ไว้ แม้ว่าคนผิดจะถูกลงโทษด้วยการพักการเรียน แต่โมลียาก็ไม่กล้าไปโรงเรียนอีก จนทางบ้านต้องตัดสินใจให้หล่อนย้ายโรงเรียน เหตุการณ์นั้น...มันยังทำให้จิตใจหล่อนเข้มแข็งขึ้น เพราะตระหนักดีว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’ หล่อนไม่อยากเป็นเด็กอ่อนแอ ไม่อยากให้ที่บ้านเป็นห่วง การที่คุณแม่ของหล่อนช็อกถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเหมือนตอนที่เธอหายตัวไปอีก ตั้งแต่นั้นมา โมลียาตั้งมั่นไว้ว่า ต่อไปนี้หล่อนจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นเพราะเขาไม่ใช่เหรอ...ที่เป็นฝ่ายทิ้งหล่อนก่อน เป็นเวลาตั้งยาวนาน เพราะเขาไม่ใช่เหรอที่สร้างความเข้มแข็งให้จิตใจดวงนี้อยู่โดยปราศจากเขาได้ แม้หลังจากนั้นทั้งคู่จะกลับมาพบกันอีกครั้ง และลงเอยคบหากันเป็นคู่รักก่อนที่หล่อนจะไปเรียนต่อยังต่างประเทศ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป หล่อนก็ควรให้โอกาสกับตัวเองได้พบเจอคนที่ดีกว่า เปิดโอกาสให้กับชีวิตบ้างไม่ใช่หรือ เพราะเขาสอนหล่อนเองว่า...คำสัญญามันไม่ได้มีค่าอะไรเลย แล้ววันนี้ทำไมเขา...จึงยังกล้ามาทวงสัญญาเอาจากเธอ "เปิดประตู!!" หญิงสาวสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกเคาะโครมครามดังสนั่น หล่อนหายใจหอบกระเส่าด้วยหลับสนิท แล้วก็เผลอหลงย้อนเข้าไปในความฝันยามวัยเด็ก รู้ตัวอีกทีก็พบว่าน้ำตา...ไหลอาบแก้ม และรู้สึกเจ็บจุกตีบตันในลำคอมากเหลือเกิน จึงรีบเอามือปาดเช็ดหยาดน้ำใสๆ ที่เปรอะพวงแก้มในขณะที่อังอรลุกจากที่นอนซึ่งอยู่ด้านล่างข้างๆ เตียง ไปเปิดประตู หล่อนจำเสียงทุ้มห้าวคุ้นหูนั้นได้เป็นอย่างดี และรู้ตัวว่าหากภูมิศิลามาก่อกวนยามดึกสงัดเช่นนี้ เขาคงหาเรื่องให้หล่อนต้องเจ็บตัวเจ็บใจตามเคย "นาย..." บังอรเอ่ยเสียงพร่างัวเงีย ภูมิศิลาเดินสะเปะสะปะเข้ามาชนร่างของหล่อนจนต้องหลบทางให้ โมรียาลุกนั่งมองด้วยความไม่ชอบใจปนคลางแคลง จิกมองเขาด้วยสายตาไม่เชื่อใจ "ออกไปได้แล้วป่ะ..." เขาสะบัดมือเป็นสัญญาณให้บังอรเร่งทำตามคำสั่ง เด็กสาวยืนมองงงๆ กะพริบตาอยู่ชั่วครู่แล้วก็รีบเก็บหมอนกับที่นอนปิ๊กนิ๊กเดินออกจากห้อง  ภูมิศิลาโซเซมานั่งตรงเตียงนอน มือไม้วุ่นอยู่กับการถอดเสื้อผ้าของตัวเอง กลิ่นเหล้าเหม็นเ**ยนโชยฟุ้งจนโมรียาต้องขยับหนี "มาทำบ้าอะไรที่นี่ กี่โมงกี่ยามแล้วคนจะนอน..." ผ้าห่มถูกดึงมาห่อพันตัวด้วยความหวาดระแวง ยิ่งเขาเมา...หล่อนก็ยิ่งใจไม่ดี ภูมิศิลามีความบ้าอยู่ในตัวที่หล่อนไม่อาจคาดเดาใจเขาได้เลย "ทุกตารางนิ้วของที่นี่...ฉันเป็นเจ้าของ ฉันจะไปที่ไหน ทำอะไรที่ไหน...ก็ได้" เขาตอบยิ้มยียวน ตาปรือปิดแหล่มิปิดแหล่ พร้อมกับเริ่มถอดเสื้อยีนตัวนอกออกแล้วขว้างโยนออกไปตกบนพื้นอีกฝั่งของเตียงนอน สายตาแดงก่ำยังมองหล่อนเหยียดๆ พร้อมแสยะยิ้ม หนวดเคราพะรุงพะรังนำความน่าเกลียดขยะแขยงจนโมรียาต้องแบะหน้าหนีไปทางอื่น "งั้น...ฉันไปเองก็ได้" "จะไปไหน..." เขาลากเสียงยาว รีบคว้าดึงแขนเล็กเอาไว้ทันทีเมื่อหล่อนทำท่าจะลุกหนีลงจากเตียง หญิงสาวขัดขืน รับรู้ถึงความหวาดกลัวในหัวใจเมื่อภูมิศิลาอยู่ในสภาวะเช่นนี้ บวกกับที่ผ่านๆ มาภูมิศิลาก็ทำให้หล่อนรู้ซึ้งถึงคำว่าอันตรายได้เป็นอย่างดี "นี่! ไอ้บ้าจะทำอะไร อย่านะ..." "ทำอะไร...ห้องนอนก็จะนอนไง" ชายหนุ่มตอบหน้าตา "ก็ไปนอนห้องแกสิไป!! มายุ่งอะไรกับฉัน" หล่อนเริ่มโมโห และหวั่นใจในเวลาเดียวกัน "ฉันจะนอน...ที่นี่" เสียงทุ้มพร่าเอ่ยช้าเนิบ มือหนึ่งชี้ลงที่เตียงแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ผลักหล่อนลงนอน แล้วทาบทับบนร่างเล็กจนหล่อนไม่มีโอกาสได้ขยับตัวแม้เพียงน้อยนิด กลิ่นแอลกอฮอลล์โชยเ**ยนเหม็นคลุ้ง แม้หล่อนจะคลุกคลีกับอบายมุขอยู่เป็นนิจ หากแต่วงสังคมที่สังสรรค์นั้นมันต่างกันมากมาย เครื่องดื่มที่ภูมิศิลากรอกลงคอเข้าไปมันจึงไม่ใช่รสนิยมของหล่อนโดยสิ้นเชิง "อึดอัด...ออกไปนะ" "น้องลี่...มู่ลี่ของพี่..." เสียงเอื้อนเอื้อยคล้ายคนละเมอพร่ำอยู่ข้างๆ กกหูของหล่อน ร่างใหญ่เพียงแค่ทับอยู่บนเรือนกายของหล่อนเท่านั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนหรือล่วงเกิน โมรียาที่ใจเต้นสั่น เพราะความระแวงจึงทำนิ่งเผื่อจุดประสงค์ของชายหนุ่มจะไม่ได้เป็นอย่างที่หล่อนคิด สักพัก...ก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอราวกับคนหลับลึก "นี่...นี่..." หล่อนเรียกขานเสียงเบาหวิว เพื่อเช็กดูว่าเขาหลับไม่รู้ตัวแน่แล้วจริงหรือเปล่า เมื่อรอดูจนแน่แก่ใจ หล่อนจึงค่อยๆ ขยับตัวจะผลักให้เขาลงไปนอนบนเตียง แทนที่จะนอนทับหล่อนหนักอึ้งอยู่เช่นนี้ "อื้อ!!" เสียงครางทุ้มทำให้ความพยายามหยุดชะงัก หล่อนไม่อยากให้เขาตื่น...กลัวว่าหากตื่นขึ้นมาอีกครั้งหล่อนอาจไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ จึงหยุด...และถอนหายใจหนักๆ ด้วยความรำคาญใจ "น้องลี่..." หญิงสาวชะงัก...รู้สึกแปลกใจตัวเองที่ความร้อนมันแล่นฉิววูบวาบอยู่ตรงบริเวณทรวงอกเมื่อได้ยินการเรียกขานด้วยชื่อนั้น ถ้าไม่นับครั้งแรกที่ถูกเขาฉุดมาที่นี่ และหล่อนใช้อุบายหลอกล่อ มันก็นานมากแล้วที่น้ำเสียงนี้...สรรพนามนี้ ไม่มีใครใช้กับหล่อน "พี่หารองเท้า...เจอแล้วนะ พี่...จะเก็บเอาไว้ให้..." ลมหายใจอุ่นๆ ตลบไปด้วยกลิ่นเหล้าที่โชยฟุ้งผสมกลิ่นกายอ่อนๆ ยังคงซุกซบอยู่ตรงซอกคอของหล่อน โมรียารู้สึกตื้นตีบหายใจติดขัดหนักขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น ภาพเก่าๆ ที่ลืมหายเลือนรางไปแล้วฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ในวันที่เด็กหญิงขี้โรคตัวเล็กผอมบางกำลังยืนร้องไห้จะเป็นจะตายเพราะรองเท้าคู่โปรดซึ่งญาติห่างๆ ซื้อมาให้จากเมืองนอกเกิดสูญหาย สันนิษฐานว่าคงมีสุนัขมาคาบเอาไป ในขณะที่หล่อนกำลังเล่นอยู่ในสวนสาธารณะใกล้บ้านกับ...เขา เด็กผู้ชายผิวขาวสะอาดสะอ้านรูปร่างสูงใหญ่ และอยู่ในช่วงวัยรุ่น เด็กหนุ่มปลอบใจเธอทุกวิถีทาง แต่ด้วยอาลัยในของรักเป็นอย่างมาก โมรียาตัวน้อยถึงขั้นตรอมใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ หล่อนคิดว่ามันคือของขวัญล้ำค่า ที่มีราคาแพงและมาจากเมืองนอกด้วย ที่สำคัญหล่อนชอบมันมากๆ ถึงขั้นใช้สอยตลอดไม่ว่าจะไปไหนมาไหน แม้จะมีรองเท้าอยู่หลายสิบคู่ก็ตาม พี่ชายที่แสนดีของหล่อน...เขาให้สัญญาว่าจะหารองเท้าอีกข้างนั้นให้จนเจอ หล่อนเชื่อใจเขาเพราะเขาไม่เคยผิดสัญญา ไม่เคยเปล่งวาจาแล้วไม่ทำตาม แต่เมื่อในวันที่เขาหายตัวไป ทุกอย่าง...ทุกๆ คำสัญญามันก็สาบสูญไปพร้อมๆ กันกับเขาด้วย นานเป็นสิบกว่าปี...และเมื่อครู่เขาบอกว่า หารองเท้าข้างนั้นเจอแล้ว...เขายังจำมันได้เหรอ ทั้งที่หล่อนลืมเลือนไปตามกาลเวลา "พี่ภูมิ...." หล่อนเผลอเรียกชื่อเขาออกไปโดยไม่รู้ตัว จากความรู้สึกหนักอึ้งในตอนแรก ยามนี้ความอุ่นซ่านมันแผ่เผื่อมาถึงหล่อนอย่างแปลกประหลาด หล่อนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ไม่ได้คิดผลักไสเขาอีก แยกแยะไม่ออกเหมือนกันว่า ความสับสนนี้มันเกิดจากความผูกพันในครั้งก่อน หรือเป็นเพราะหัวใจของหล่อน...มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย... ย่ำรุ่งยามเช้าตรู่...ร่างใหญ่ขยับตัวเล็กน้อย ความรู้สึกแรกทำให้เขาต้องนิ่วหน้า และผ่อนลมหายใจเบาๆ เป็นระยะ ต้นคอและท้ายทอยหนักอึ้ง ตรงขมับทั้งสองข้างปวดหนึบอันเนื่องมาจากสาเหตุเพราะเขาดื่มหนักเมื่อตอนหัวค่ำของเมื่อวาน มือข้างหนึ่งยกขึ้นหวังจะตบตรงท้ายทอยให้หายเมื่อยล้า แต่กลับยกไม่ขึ้นทำให้เขาเอะใจ...หันมามองตรงต้นแขนที่เหยียดวางบนหมอนใบหนึ่ง "น้องลี่..." ภูมิศิลาครางเรียก แปลกใจที่เห็นหญิงสาวนอนซบแผงอกเขาอยู่ และเมื่อลำดับเหตุการณ์ก็จับใจความได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ เพราะหากเขาควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะความเมาแล้วล่ะก็ มันคงยากจะทำใจ หล่อนนอนหายใจสม่ำเสมอ และซุกเขาเสียแนบแน่นเพราะอากาศที่นี่มันหนาวเย็นมากช่วงกลางคืน หล่อนอาจเผลอหลับ ในช่วงที่เขาก็หลับไปแล้วเช่นกัน เพราะไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของโมรียา หล่อนคงถีบเขาลงไปนอนปลายเตียงเสียตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจยาว...ไม่ได้นึกขยับตัวอีก เพิ่งรู้สึกว่าช่วงแขนนั้นเหน็บชาไปหมด เนื่องจากคงถูกนอนทับอยู่นานแล้ว แต่เขาก็ยอม...มืออีกข้างดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มร่างของหล่อนที่นอนอิงแอบอยู่นี้ รู้สึกเป็นสุขและตะขิดตะขวงใจอยู่ลึกๆ หากหล่อนไม่ผิดคำพูด ไม่หักหลังเขา ป่านนี้...เขาคงจะยังรักหล่อนได้อย่างไม่มีข้อกังขา แต่ใครล่ะ...จะไปทำใจได้ที่คนรักของตนเองไปนอนแบให้ผู้ชายคนอื่นเสพสม แถมยังหอบกลับมาจัดพิธีแต่งงานเย้ยหยันเขา อย่างไม่นึกละอายใจ "โอ๊ย!!" นิทราพลันหดสูญทันควัน เมื่อความเจ็บระบมดึงสติให้หล่อนกลับมาอยู่กับโลกของความเป็นจริง ร่างเล็กนอนบิดกายเอามือจับตรงสะโพกที่กระทบกับพื้นอย่างแรง เนื่องจากหล่อนตกลงมาจากเตียงนอน ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวเหยเก ปากครางร้องทรมาน ก่อนจะหันควับมามองที่ต้นเหตุ "ไอ้บ้า!" น้ำเสียงปรี๊ดตามอารมณ์ตวาดสาดใส่คนตัวใหญ่ที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง และมองดูหล่อนด้วยสายตาขึงขัง ไม่มีคำพูด...ไม่มีความรู้สึกใดบ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในดวงตาคมกล้านั้น หล่อนพยุงตัวลุกยืนแล้วคว้าเอาหมอนตีสุดแรงด้วยความโมโห "นี่แน่ะ! ฉันไม่ได้ใช้ให้คุณเข้ามาสักหน่อย มาผลักฉันทำไม!!" หมอนใบใหญ่กระหน่ำตีไม่ยั้ง มันคงไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดเท่าหล่อนหรอก แต่ก็พอได้ระบายอารมณ์ ภูมิศิลาไม่ตอบโต้ เขาตวัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วลุกลงจากเตียงทางอีกฝั่ง... "รีบอาบน้ำแต่งตัวซะ...เดี๋ยวบังอรจะเป็นคนพาเธอไปดูว่าวันนี้ต้องทำงานอะไรบ้าง" แล้วเขาก็หายตัวไปพร้อมๆ กับประตูที่ปิดลง หมอนอีกใบที่หล่อนขว้างใส่ซ้ำปะทะโดนประตู และหล่นลงบนพื้นพอดิบพอดี โมรียากระฟัดกระเฟียดใจอย่างที่สุด หล่อนกระทืบเท้าเร่าๆ ผมเผ้าสยายยุ่งเยิงอย่างเด็กที่ถูกขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ประจวบเหมาะพอดีกับบังอรเปิดประตูเดินทำหน้าเอ๋อเข้ามา หญิงสาวรู้สึกยิ่งปวดจิต หล่อนบ่นพึมพำแล้วเข้าไปในห้องน้ำ หลีกหนีคำถามทื่อๆ คำพูดกวนๆ ไม่รู้ประสาของบังอร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม