เวลา 08.00 น. @โรงแรมหรูย่านสยาม(โรงแรมของชาลิดา)
"สวัสดีค่ะ โรงแรมชาลิดายินดีต้อนรับค่ะ" พนักงานของโรงแรมเอ่ยทักทายแขกที่เข้ามาใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงเป็นมิตร
"สวัสดีค่ะ อยากจะขอพบผู้จัดการโรงแรม ไม่ทราบว่าสามารถเข้าพบได้มั้ยคะ" แขกที่เข้าเอ่ยถามตรงประเด็นถึงสาเหตุที่มาถึงที่นี่ด้วยตัวเองอย่างไม่อ้อมค้อม
"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะจากการรับบริการของโรงแรม" พนักงานสาวฝ่ายประชาสัมพันธ์เอ่ยถามแขกที่มาเยือนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"ดิฉันมาจากบริษัท Aria Studio ที่ทำสัญญาเช่าห้องพักรายปีกับทางโรงแรมค่ะ อยากขอพบผู้จัดการโรงแรมสักหน่อย"
"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ พอดีต้องแจ้งกับผู้จัดการว่าคนที่จะเข้าพบเป็นใครหนะค่ะ ไม่ทราบสะดวกแจ้งชื่อได้มั้ยคะ"
"ดิฉัน รสา ผู้จัดการวงแบดกาย ในสังกัดของบริษัท Aria Studio ค่ะ"
"รอสักครู่นะคะ ดิฉันขอแจ้งกับผู้จัดการโรงแรมก่อน"
"คุณรสาคะ เชิญทางนี้ค่ะ" พนักงานต้อนรับของโรงแรมพารสาไปยัง
พนักงานโรงแรมฝ่ายประชาสัมพันธ์พาผู้จัดการสาววงแบดกายไปยังห้องผู้จัดการโรงแรม หลังจากที่ทางผู้จัดการเชิญให้ผู้จัดการสาวเข้าพบได้
เวลาต่อมา @ห้องทำงานผู้จัดการโรงแรม
"เชิญค่ะ" พนักงานโรงแรมเปิดประตูห้องผู้จัดการโรงแรมหลังจากที่เคาะประตูขออนุญาตจนได้ยินเสียงคนด้านในเอ่ยอนุญาตให้เข้ามา
"ใช่ค่ะ ภาพเวลาตรงนี้ค่ะ" ขณะที่ผู้จัดการสาวของวงแบดกายเดินเข้ามาในห้องผู้จัดการโรงแรม เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันระหว่างคนสองคนในห้อง
"สวัสดีค่ะคุณโรส มีอะไรให้ทางโรงแรมเรารับใช้คะ" ผู้จัดการโรงแรมหันไปมองทางประตูที่เปิดออกมาพร้อมกับเอ่ยทักทายแขกผู้ที่เข้ามาใหม่ทันทีอย่างสุภาพ
"สวัสดีค่ะคุณเอิง" รสาเอ่ยทักทายผู้จัดการโรงแรมกลับ พร้อมกับสายตาที่มองไปยังอีกคนอย่างสงสัยที่เห็นเธอยังยืนอยู่ข้างผู้จัดการโรงแรมอยู่ในห้องนี้
"อ้อ นี่คุณน้ำชาเจ้าของโรงแรมนี้ค่ะ แต่ตอนนี้อยู่ในสถานะเด็กฝึกงานเพื่อจบการศึกษา" ผู้จัดการโรงแรมเอ่ยแนะนำชาลิดาให้รสาผู้จัดการวงแบดกายได้รู้จัก
"สวัสดีค่ะ เรียกน้ำชาก็ได้ค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณน้ำชา เรียกว่าพี่โรสก็ได้เช่นกันนะคะ"
"ว่าแต่วันนี้คุณโรสมีอะไรหรือเปล่าคะ" ผู้จัดการโรงแรมเอ่ยถามถึงการมาของผู้จัดการวงแบดกายทันทีหลังจากที่แนะนำคนทั้งสองได้รู้จักกัน
"เรื่องข่าวที่ออกมาเมื่อวานนี้ค่ะ โรสอยากจะดูกล้องวงจรปิดของโรงแรมเมื่อวานนี้ได้มั้ยคะ" รสาเอ่ยขอด้วยสีหน้าเครียดเป็นกังวล เธอแทบไม่ได้นอนตั้งแต่ข่าวของคิง ราชันย์ หนึ่งในสมาชิกของวงแบดกายออกมา สื่อโซเชียลต่างพากันสร้างข่าวออกมา อีกทั้งแฟนคลับของคิงที่เข้ามาสอบถามในเพจเฟซบุ๊ค และในไอจี จนแทบแตก
"เรากำลังตรวจสอบอยู่พอดีเลยค่ะคุณโรส หาผู้ต้องสงสัยที่แอบถ่ายภาพนั้นไปให้นักข่าว" ผู้จัดการโรงแรมตอบกลับไปขณะที่ชาลิดากำลังมองภาพเคลื่อนไหวที่หน้าจอทีวีที่อัดภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัว
"แล้วพนักงานโรงแรมในภาพหละคะคุณเอิง..เป็นใคร" คำถามของรสาทำให้ชาลิดาที่ได้ยินถึงกับตกใจเงยหน้ามอง
"คือว่า.." ผู้จัดการโรงแรมอึกอักที่จะตอบออกไปเมื่อรู้ว่าผู้หญิงในภาพที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของคิงเป็นใคร
"ดิฉันเองค่ะ" ชาลิดาเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของผู้จัดการโรงแรมที่ยืนอยู่ข้างๆ
"หือ ว่าไงนะคะ ผู้หญิงในภาพนั้นคือคุณน้ำชา"
"ใช่ค่ะ ผู้หญิงในภาพคือฉันเอง"
"เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณน้ำชาถึงไปยืนอยู่หน้าห้องคิงได้"
"ฉันเห็นคิงพานักร้องสาวที่อยู่ค่ายเดียวกันเข้าห้องพัก แล้วกลัวว่าจะมีนักข่าวอยู่ภายในโรงแรมแล้วมาแอบเก็บภาพไปทำข่าวทำให้โรงแรมของเราเสียหาย ฉันเลยเข้าไปบอกให้เค้าพานักร้องสาวคนนั้นออกไปจากห้องค่ะ เรื่องก็มีอยู่เพียงเท่านี้"
"แต่ข่าวไม่ได้ออกมาแบบนั้นหนะสิคะคุณน้ำชา" รสาเอ่ยขึ้นมาด้วยความหนักใจ
"แล้วถ้าให้ข่าวไปว่าพนักงานเข้าไปหาคิงที่ห้องเพื่อเตือนคิงเรื่องที่พานักร้องสาวเข้ามา ข่าวยิ่งจะแย่เข้าไปอีก" รสาอธิบายต่อเมื่อเห็นสีหน้าของชาลิดาที่ดูจะไม่เข้าใจกับการที่ต้องพูดความจริงออกมา
"อีกอย่างนะคะ ที่นักร้องนำวงสาวในค่ายที่เข้าไปห้องของคิงนั้นเป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุตอนที่จะกลับบริษัทหลังจากที่แสดงมินิคอนเสิร์ตจบ แล้วอุบัติเหตุนั้นทำให้ชุดของนักร้องนำวงสาวคนนั้นเลอะจนต้องเปลี่ยนชุด แล้วห้องพักของคิงอยู่ใกล้ที่สุดกับสถานที่จัดมินิคอนเสิร์ตที่คิงไปเป็นแขกรับเชิญให้กลุ่มวงศิลปินใหม่นี้" คำพูดของรสาทำให้ชาลิดารู้สึกทันทีที่เข้าใจในตัวคิง และภาพที่เธอด่าทอเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่กับตัวเองที่ไม่ยอมรับฟังเขา เอาแต่ด่าทอกับภาพที่เห็น
"เป็นแบบนี้นี่เอง" ชาลิดาเอ่ยพึมพำขึ้นมาเบาๆกับตัวเองโดยที่คนที่อยู่ในห้องด้วยไม่ได้ยิน
"คุณน้ำชาว่าอะไรนะคะ" รสาเอ่ยถามชาลิดาเมื่อเห็นริมฝีปากของเธอขยับเหมือนกำลังเอ่ยอะไรออกมาหากแต่ว่าเธอไม่ได้ยินคำพูดนั้นของเธอ
"เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร แล้วแบบนี้คุณรสาต้องการให้ทางโรงแรมทำยังไงค่ะ กับสิ่งที่มันเป็นข่าวขึ้นมา ถ้าพูดตามข้อมูลที่รับรู้กัน ฉันก็เป็นคนผิดที่ทำให้เกิดดังกล่าวนั้นขึ้นมา ฉันยินดีให้ความร่วมมือหากต้องให้ข่าวอะไรออกไปต่อสื่อมวลชน" ชาลิดาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจังและรู้สึกผิดที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา
"แต่ก็แปลกนะคะที่ภาพออกมามีเพียงภาพของคุณน้ำชาและคุณคิง" อยู่ๆผู้จัดการโรงแรมก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกำลังคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"คุณเอิงกำลังสงสัยอะไรคะ" รสาเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของผู้จัดการสาว
"ก็ถ้าตามสถานการณ์ นอกจากภาพของคุณน้ำชาที่เข้าไปหาคุณคิงในห้องพักแล้ว ควรจะมีภาพตอนที่คุณคิงพานักร้องสาวเข้าห้อง หรือตอนที่นักร้องสาวออกมาจากห้องคุณคิง แต่นี่คนที่แอบถ่ายนั้นกลับไม่เอาภาพของนักร้องสาวออกมาเลยสักนิด มันน่าสงสัยมั้ยคะ"
"จริงอย่างที่คุณเอิงพูดมาทั้งหมดเลยค่ะ" รสาเอ่ยขึ้นมาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของผู้จัดการสาว
"ภาพที่ออกมามีเพียงภาพของคุณน้ำชาที่เดินมายืนหน้าห้อง เข้าไปในห้อง และออกมาจากห้องด้วยสภาพที่ เอ่อ.." ผู้จัดการสาวไม่กล้าเอ่ยประโยคสุดท้ายขึ้นมาเพราะไม่อยากทำให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกแย่มากไปกว่านี้ เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ใครรู้นอกจากคนในห้องนี้ว่าพนักงานสาวที่เข้าไปในห้องของคิงนั้นเป็นใคร
"ลักษณะเหมือนจงใจทำลายชื่อเสียงของโรงแรมและคิงไปพร้อมกัน" รสาพูดขึ้นอย่างคาดเดา แต่ทุกคนในห้องต่างรู้สึกตามที่ผู้จัดการวงสาวพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
"ทางเราอาจจะรบกวนคุณน้ำชาช่วยให้ข่าวด้วยนะคะ บ่ายวันนี้ดิฉันจะให้คนนำสคริปต์ที่คุณน้ำชาต้องพูดตอนแถลงข่าวในอีกสองวันนะคะ ส่วนสถานที่แถลงข่าวทางเราอยากจะใช้ห้องของโรงแรมด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าทางโรงแรมจะสามารถจัดให้ทางเราได้หรือไม่คะ"
"ค่ะ ทางฉันและโรงแรมไม่มีปัญหา จะเอาจัดเลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมเพื่อต้อนรับนักข่าวที่มาทำข่าวคิงเลยค่ะ"
"ขอบคุณ คุณน้ำชามากนะคะ และขอโทษด้วยที่ต้องรบกวนให้ช่วยเรื่องนี้"
"ฉันก็มีส่วนผิดที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ฉันยินดีร่วมรับผิดชอบค่ะ"
หลังจากพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว รสาก็ขอตัวกลับทันที ทิ้งให้ชาลิดาอยู่กับผู้จัดการโรงแรมตามลำพังอีกครั้ง
"คุณน้ำชาคิดว่าพนักงานของเราเป็นคนถ่ายภาพนั้นหรือเปล่าคะ" ผู้จัดการโรงแรมเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของชาลิดาปรากฏอยู่
"ไม่ค่ะ แต่น้ำชาคิดว่าพนักงานของเราอาจจะเป็นคนนำนักข่าวคนนั้นเข้ามาในโรงแรมมากกว่า จากการที่หลบกล้องวงจรปิดในโรงแรมได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีคนข้างในช่วย"
"ทำไมถึงคิดว่าเป็นนักข่าวคะ"
"จากฝีมือการถ่ายภาพที่ออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ช่างกล้องมือสมัครเล่น แต่เป็นมืออาชีพเลยหละค่ะ จากมุมกล้องที่เห็นก็ดูออกว่าจงใจให้ภาพออกมาในแง่ติดลบสุดๆ ทั้งที่ความจริงไม่เป็นแบบนั้นเลย"
"น้ำชารบกวนพี่เอิงช่วยสังเกตพนักงานของเราหน่อยนะคะ โดยเฉพาะพนักงานที่ทำงานในช่วงเวลาของเมื่อวานนี้"
"ได้ค่ะคุณน้ำชา"
"น้ำชาขอตัวก่อนนะคะ" ชาลิดาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องของผู้จัดการโรงแรมเพื่อไปยังแผนกที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่
เวลาต่อมา @ทางเดินโซนวีไอพี
"คิง!" ชาลิดาที่กำลังเดินตรวจห้องพักโซนที่ทางบริษัท Aria Studio อยู่นั้น เธอก็เห็นด้านหลังของคิงที่เดินไหล่ตกกำลังเดินเข้าห้องพักของเขา ดูจากอาการแล้วดูเหมือนเป็นคนละคนกับวันที่ทะเลาะเถียงกันกับเธอวันนั้นเลย
ขณะที่ชาลิดาเดินตามหลังซุปเปอร์สตาร์หนุ่มอยู่นั้นอย่างห่วงใย โดยที่ตัวเองไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมอยู่ๆถึงได้ไปห่วงใยคนที่ไม่รู้จักได้ อีกทั้งยังเป็นคนที่เธอไม่ชอบหน้าด้วยซ้ำ พอคิดได้แบบนี้หญิงสาวจึงคิดอยู่ในใจว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้ภาพลักษณ์ของเขาออกมาไม่ดีก็เป็นได้ ทำให้เธอเลยเกิดอาการรู้สึกผิดจนเป็นห่วงเขาขึ้น อาการเหม่อคิดหาเหตุผลของหญิงสาวอย่างไม่รู้ตัวเองว่าตอนนี้กำลังเดินตามหลังซุปเปอร์สตาร์หนุ่มมาติดๆ จนถึงจังหวะที่เขาหยุดเดินเพื่อจะเปิดห้องพักของตัวเอง ทำให้ชาลิดาเข้าไปชนด้านหลังของซุปเปอร์สตาร์หนุ่มเข้าไปเต็มๆ จนเกือบเซล้มหน้าห้องของตัวเอง
"เฮ้ย..เธอ" คิงเอ่ยขึ้นมาเมื่อหันหลังมาคว้าร่างของหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังเขาโดยเข้ามาชนด้านหลังเขาเต็มๆ
ทำให้ร่างของชาลิดาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของซุปตาร์หนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ จนกระทั่งร่างของคนทั้งสองเข้าไปในห้องพักของซุปตาร์หนุ่มในเวลาต่อมากับอาการถลาตัวของหญิงสาวที่เข้ามาหาร่างซุปตาร์หนุ่มอย่างไม่ตั้งใจ
"โอ๊ย..หนักชิบ" เสียงร้องบ่นออกมาของซุปตาร์หนุ่มทำให้ชาลิดาที่นอนทับร่างเขาอยู่รีบลุกขึ้นนั่งทันที
"ขะ..ขอโทษ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาไม่เต็มปากเต็มคำนักเพราะยังไว้ฟอร์มไม่อยากเสียหน้าให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกผิดและกำลังอ่อนข้อให้เขาอยู่
"จะมาหาเรื่องอะไรกับคนโรคจิตอย่างผมอีกหละครับ..คุณพนักงานโรงแรม..หรู" ราชันย์เอ่ยขึ้นมาอย่างประชดประชันกับคนตรงหน้าเมื่อยังจำคำด่าของเธอที่กล่าวหาเขาได้ดี
"ฉันไม่ได้มาหาเรื่อง" ชาลิดาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงไม่เหมือนเมื่อวานอย่างกับคนละคน จนราชันย์ถึงกับงงกับท่าทีของเธอในวันนี้
"โดนอะไรฟาดหัวมาหรือเปล่า" ราชันย์เอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"อะไรฟาดหัว..ไม่หนิ" หญิงสาวเอามือขึ้นมาลูบหัวตัวเองอย่างเผลอไผลกับคำพูดของซุปตาร์หนุ่มที่ถามมาอย่างไม่รู้ตัว
"เอ๊ะ..นี่หลอกด่าฉันเหรอ" หญิงสาวพอตั้งสติได้ก็ทวนคำถามของซุปตาร์หนุ่มแล้วถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจเมื่อเหมือนโดนหลอกด่า
"ฮ่า ฮ่า" เสียงหัวเราะที่ออกมาจากใจของซุปตาร์หนุ่มที่ดังขึ้นมาครั้งแรกในรอบหลายปี เมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้าที่ดูใสซื่อไม่ทันคำพูดเขาอย่างขบขัน และทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
"หน้าตานายตอนหัวเราะดีกว่าเมื่อกี้เยอะเลยนะ หน้าหมาหงอยไม่เหมาะกับนายหรอก" หญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ทันได้คิดทำให้ราชันย์ที่ได้ยินแบบนั้นก็ปรับสีหน้าเป็นปกติแบบกวนๆตามสไตล์ของเขา
"หึ ทำเป็นพูดดี แล้วใครที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้หละ" ราชันย์เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนๆใส่หญิงสาวตรงหน้าที่อารมณ์ดีอยู่ดีๆต้องเปลี่ยนอารมณ์ทันที
"มันเป็นความผิดฉันคนเดียวหรือไง ถ้านายไม่หิ้วนักร้องสาวคนนั้นมาก็ไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก" จากที่รู้สึกผิดตั้งแต่ที่รู้ความจริงจากปากของผู้จัดการสาวของเขา แต่พอเจอคำพูดที่โยนความผิดให้เธอคนเดียว อารมณ์คุกรุ่นไม่พอใจก็เกิดขึ้นมาทันที
"ถ้าคุณถามเหตุผลกับภาพที่เห็นก่อน เรื่องก็ไม่เป็นแบบนั้นหรอก คุณนั่นแหละผิดคนเดียวเลย" ราชันย์กล่าวโทษหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
"นี่ ถ้านายไม่ทำอะไรฉันวันนั้น มันก็ไม่ออกมาในรูปนี้หรอก"
"ผมทำอะไร เท่าที่จำได้ผมป้องกันตัวเองนะ คุณเปิดประตูมาก็ทำร้ายผมอย่างเดียวไม่ฟังอะไรเลย"
"นายลวนลามฉัน ยังไม่ยอมรับอีกนะ ไอ้ซุปตาร์หน้าหื่น"
"หึ ไหนๆก็โดนด่ามาขนาดนี้แล้ว อยู่ในห้องกันสองคนซะด้วย ผมได้ยินมาว่าโรงแรมนี้สร้างมาอย่างดีมากๆเลยนะ คนในห้องนี้ร้องแหกปากแทบเป็นแทบตาย คนด้านนอกยังไม่ได้ยินเลย"
"นายจะทำอะไร" ชาลิดาเอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับขยับถอยหนีคนตรงหน้า แต่ด้วยยูนิฟอร์มโรงแรมที่ใส่อยู่มันไม่ถนัดที่จะลุกขึ้นในทีเดียวนัก
ในช่วงจังหวะที่หญิงสาวกำลังจะถอยหลังเพื่อขยับตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ราชันย์ที่เห็นอาการอย่างนั้นของเธอจึงเอื้อมมือไปดึงข้อมือข้างหนึ่งเธอไว้พร้อมกับออกแรงดึงให้ร่างบางเข้ามาหาเขา
"อ๊ะ!..นายจะทำอะไร" ชาลิดาเอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยสีหน้าหวาดกลัว ในขณะที่ตอนนี้เขากำลังกอดร่างของเธอไว้แน่นพร้อมกับใบหน้าของเขาและเธอห่างกันเพียงแค่ฝ่ามือเดียว
"อืมม ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ในห้องแค่สองคน คุณคิดว่าผมจะทำอะไรดีหละ เคยดูพวกหนัง ละครมั้ยคุณ เวลาที่พระเอกนางเอกอยู่ลำพังกันสองคนเขาทำอะไรกัน"
"ตอนนี้ที่อยู่ในห้องนี้คือตัวร้ายกับนางเอกมากกว่า"
"โห คุณ เรียกผมว่า ตัวร้าย แล้วยังมั่นหน้าว่าตัวเองเป็น นางเอก อีกนะ"
"อย่างนายต้องเรียกว่า ตัวร้ายหน้าหื่นด้วย ไม่ใช่ ตัวร้ายแบบในละครทั่วไป"
"เหรอครับ ถ้าผมเป็น ตัวร้าย คุณมาเป็น นางร้าย คู่กับผมดีมั้ย เราสองคนดูสมกันดีนะในบทบาทนี้ เพราะดูคุณก็เป็นนางเอกยากอยู่เหมือนกันนะ ปากร้ายซะขนาดนี้"
"ปล่อย!" ชาลิดาเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับทำสีหน้าโกรธจัดต่อหน้าอีกฝ่าย
"ไม่..ปล่อย" ราชันย์ตอบกลับไปอย่างกวนๆ พร้อมสีหน้าแพรวพราวอย่างเป็นต่อ เขางงใจกับคนตรงหน้ามากที่อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมจะเสียตัวให้เขาอยู่มะลอมมะล่อยังปากดีใส่เขาไม่เลิก แทนที่จะอ้อนวอนขอให้เขาสงสารปล่อยเธอไป แต่เธอกลับเลือกด่าเขาไม่หยุดให้เขามีอารมณ์โมโหอยากสั่งสอนคนตรงหน้าเสียจริงๆ
"ถ้านายทำอะไรฉัน นายได้เจอดีแน่ ฉันจะแจ้งตำรวจจับนาย"
"ไหนๆจะเข้าคุกแล้ว ก็ขอทำให้ครบก็แล้วกัน เดี๋ยวตำรวจตรวจร่างกายคุณ แล้วไม่มีร่องรอยถูกข่มขืน ผมก็เข้าคุกไม่ได้นะ อีกอย่างคุณเป็นคนเข้ามาหาผมเอง จะเรียกว่าคุณสมยอมได้เหมือนกันนะ"
"นะ..นาย" หญิงสาวโมโหกับการเสียรู้จากคนตรงหน้าจนพูดอะไรไม่ออก
ในจังหวะที่หญิงสาวกำลังคิดหาคำด่าคนตรงหน้าอยู่นั้น ซุปตาร์หนุ่มก็โน้มใบหน้าเข้ามาหาหญิงสาวตรงหน้าพร้อมกับทาบทับริมฝีปากของตัวเองลงไปที่ริมฝีปากบางที่ไม่ทันตั้งตัวกับการจู่โจมของเขา ทำให้ลิ้นหนาของซุปตาร์หนุ่มจึงเข้าไปในโพรงปากของร่างบางอย่างง่ายดาย
"อื้อ.. / อืมม.." ลิ้นหนาของซุปตาร์หนุ่มที่ไล้เลียไปตามซอกฟัน เพดานปาก แล้ววกมายังลิ้นบางที่ทำอะไรไม่ถูก เมื่อถูกต้อนจนอารมณ์เคลิ้มตามทำให้ลิ้นทั้งสองตวัดรัดลิ้นกันไปมาโดยมีซุปตาร์หนุ่มเป็นผู้นำพาและสอนให้หญิงสาวตรงหน้าได้รู้จักการจูบอย่างแท้จริง
มือหนาทั้งสองข้างของซุปตาร์หนุ่มดึงร่างบางของหญิงสาวขึ้นมาบนตักเขาโดยที่อีกฝ่ายไม่มีอาการขัดขืน เมื่อร่างบางอยู่บนตักของคนตัวใหญ่เรียบร้อย มือข้างหนึ่งของราชันย์ก็เลื่อนขึ้นมาที่สาบเสื้อของหญิงสาว กระดุมเม็ดแรกบนสุดหลุดออก เม็ดที่สองตามมาติดๆ เม็ดที่สามที่หลุดออกเผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ซ่อนรูปเป็นอย่างมาก แล้วกระดุมเม็ดที่สี่หลุดไป มือของเขาก็เลื่อนขึ้นมาสัมผัสที่หน้าอกของหญิงสาวทันที
จากที่ลูบเบาๆผ่านบราเซียลายลูกไม้สีหวาน มืออีกข้างของเขาที่รั้งหลังของหญิงสาวไว้ก็ทำการปลดตะขอบราที่ด้านหลังของหญิงสาวทันที โดยที่อีกฝ่ายยังเมากับรสจูบอันดูดดื่มที่ยังไม่หยุดลงไปสักที มือที่ปลดกระดุมเสื้อก็ทำการเลื่อนบราเซียลายลูกไม้ให้พ้นจากหน้าอกอันอวบอิ่มนั้น แล้วมือของเขาก็วางลงสัมผัสที่หน้าอกอวบอิ่มนั้นโดยไร้อะไรขวางกั้น
จากที่ตอนแรกกะว่าจะแค่แกล้งคนตรงหน้าให้กลัวเท่านั้น แต่กลับเป็นว่าตอนนี้ร่างกายของเขากำลังจะทำอย่างที่พูดออกไปจริงๆ เมื่ออารมณ์ปรารถนาเริ่มห้ามไว้แทบไม่อยู่ และคนตรงหน้าก็ดูเหมือนคล้อยตามแม้ว่าจะมีบางช่วงที่ขัดขืน แต่เสืออย่างเขามีเหรอจะปล่อยให้เหยื่อน้อยอย่างเธอหลุดมือไปง่ายๆ
"อ๊ะ..นะ..นาย!" ชาลิดาได้สติด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกถึงมือหนากำลังสัมผัสที่หน้าอกของเธออย่างเมามัน โดยที่เธอเพิ่งมารู้สึกตัวเอง
"อื้อ..ปะ..อื้อ" หญิงสาวพูดอะไรไม่ได้มากเมื่อโดนคนตัวใหญ่แนบริมฝีปากเข้ามาปิดเสียงของเธออีกครั้ง แต่คราวนี้เหมือนว่าไม่ง่ายเหมือนครั้งแรก เมื่อหญิงสาวเริ่มดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอุ้งมือเสือหื่นอย่างราชันย์
"โอ๊ย!" เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซุปตาร์หนุ่มดังขึ้นเมื่อรู้สึกเจ็บที่ลิ้น ทำให้เขาต้องคลายกอดจากร่างบางทันที พร้อมกับเอามือกุมที่ปากไว้
เมื่อชาลิดาที่หลุดจากพันธนาการที่คนตรงหน้าทำกับเธอไว้ หญิงสาวที่เห็นสภาพตัวเองที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอย่างตกใจและโกรธแค้นคนตรงหน้านัก ในขณะที่ซุปตาร์หนุ่เอามือกุมปากไว้อย่างเจ็บปวดที่โดนกัด หญิงสาวตรงเข้ามาด่าพร้อมกับเอามือข้างหนึ่งกำไว้แล้วชกที่ใบหน้าซุปตาร์หนุ่มทันทีก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องพักของเขาในเวลาต่อมา
"คนหื่น!"
"โอ๊ย!..ยัยตัวแสบ"