บท 3 ยกสามเข้าใจผิด

3359 คำ
Chalida Part สองสัปดาห์ต่อมา @โรงแรมหรูย่านสยาม กรุงเทพฯ ตอนนี้ฉันได้มาฝึกงานที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว อันที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากมาฝึกโรงแรมนี้เท่าไรนักหรอก แต่เป็นเพราะขัดใจคุณปู่และคุณย่าไม่ได้ที่ห่วงฉันมาก แค่รู้ว่าฉันไม่ยอมฝึกงานที่เชียงใหม่ท่านก็บ่นฉันเป็นเดือน พอฉันบอกที่ฝึกงานว่าที่ไหนคราวนี้ท่านก็ไม่ยอมให้ไป จนสุดท้ายจนแล้วจนรอด ฉันและคุณปู่คุณย่าก็ต้องเดินกันคนละครึ่งทาง โดยที่ท่านทั้งสองยอมให้ฉันมาฝึกงานที่กรุงเทพฯได้ แต่ต้องฝึกงานกับบริษัทในเครือที่คุณปู่ให้คนดูแลให้ ซึ่งนานๆครั้งคุณปู่กับคุณย่าจะลงมาประชุมบอร์ดบริหารที นกน้อยในกรงทองอย่างฉันก็ทำได้แค่นี้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้ออกมาโบยบินสู่โลกภายนอก เสียดายก็แต่ยัยพายเพื่อนรักอีกคนที่ไม่ยอมมาฝึกงานที่กรุงเทพฯด้วย ทำให้แก๊งของเราขาดสมาชิกไปหนึ่งคน พูดไปแล้วก็คิดถึงยัยพาย แต่ดูท่าว่าการที่พายเลือกฝึกงานที่นั่นอาจจะทำให้ค้นพบหัวใจของตัวเองก็ได้ ฉันก็หวังว่าให้ยัยพายและอดีตแฟนของเธอได้เข้าใจกัน และกลับมาคบกันเหมือนเดิมนะ แต่ดูเส้นทางชีวิตของเพื่อแล้วท่าทางจะไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ อย่างว่าเป็นแฟนกับซูเปอร์สตาร์ดังก็ต้องทำใจในการวางตัวแล้วยังพวกผู้หญิงที่เข้ามาอีก ฉันโชคดีนะที่ไม่คิดจะมีแฟน เลยไม่ต้องมาพบกับปัญหาพวกนี้ "น้องน้ำชาดูแลในส่วนต้อนรับแล้วกันนะคะ" ผู้จัดการโรงแรมที่ฉันเดินดูรอบๆโรงแรมอยู่เอ่ยขึ้นมาบอกกับฉัน ฉันไม่คิดว่ากิจการของครอบครัวจะใหญ่โตขนาดนี้ ฉันคิดแค่ว่าครอบครัวของเรามีเพียงแค่ไร่ชา และโรงงานชาส่งออกเท่านั้น พอมารู้ว่าคุณปู่และคุณย่ามีโรงแรมด้วย ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งจากท่านทั้งสองเลย ทุกครั้งที่ฉันเห็นคุณปู่และคุณย่าลงมากรุงเทพฯ ฉันก็คิดเพียงแค่ว่าท่านอาจจะลงมาเยี่ยมญาติๆ หรือมาพักผ่อนตามประสาผู้ดีที่เคยใช้ชีวิตในเมืองกรุงเท่านั้น แต่พอฉันมาเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ถึงได้รู้จากกรรมการบริษัทที่คุณปู่และคุณย่าแต่งตั้งให้ดูแลโรงแรมแห่งนี้เล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของโรงแรมแห่งนี้ให้ฟัง ทำให้ฉันเพิ่งได้รู้ว่าความคิดที่ผ่านมาของฉันนั้นมันผิดทั้งหมด และโรงแรมนี้คุณปู่และคุณย่าตั้งใจสร้างไว้เพื่อฉันโดยเฉพาะด้วย เพราะท่านทั้งสองมองการณ์ไกลว่าฉันอาจจะไม่ชอบงานที่ไร่ อยากใช้ชีวิตสาวเมืองกรุงมากกว่าที่จะเป็นสาวบ้านนอกที่ไร่ ประเด็นนี้หละที่ทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อท่านทั้งสอง ที่ผ่านมาฉันคิดว่าคุณปู่และคุณย่ากลัวฉันจะเป็นเหมือนแม่เลยพยายามวางกรอบให้ฉันเดินมาตลอด จนมาเห็นโรงแรมแห่งนี้ฉันถึงรู้ว่าท่านทั้งสองเข้าใจฉันที่สุด ทำทุกอย่างที่เป็นความสุขเพื่อฉันมาตลอด "ได้ค่ะ คุณผู้จัดการ" ฉันตอบรับอย่างยินดีกลับไปกับผู้จัดการโรงแรมหลังจากที่เดินดูทุกโซนของโรงแรมเป็นที่เรียบร้อย "อุ๊ย คุณน้ำชาเรียกพี่ว่า พี่เอิง ดีกว่าค่ะ ถึงคุณน้ำชาจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ว่าก็เป็นเจ้าของโรงแรมด้วย เรียกพี่ว่า ผู้จัดการ พี่รู้สึกหวิวๆ แปลกๆยังไงไม่รู้" ผู้จัดการโรงแรมที่ดูเกร็งฉันตลอดการแนะนำโรงแรมเอ่ยบอกกับฉันด้วยน้ำเสียงเกร็งและพยายามเป็นกันเองกับฉันมาก ซึ่งฉันไม่แน่ใจว่าอาการเกร็งของเธอนั้นมาจากการไปได้ยินกิตติศัพท์จากทางไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เท่าที่ฉันจำได้ฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบหาเรื่องหรือถือตัวอะไรนะ "แบบนั้นก็ได้ค่ะ น้ำชาของฝากตัวกับพี่เอิงด้วยนะคะ ถ้าอะไรที่น้ำชาทำแล้วไม่ดีหรือไม่ควรทำ แนะนำน้ำชาได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ คิดว่าน้ำชาเป็นเด็กฝึกงานคนหนึ่งนะคะ" ฉันเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตัวและพยายามเป็นกันเองกับพี่สาวตรงหน้าให้มากที่สุด เพื่อให้เธอลดอาการประหม่ากับฉันลงบ้าง "ได้ค่ะ งั้นคุณน้ำชาจะเริ่มงานวันนี้เลยใช่มั้ยคะ" "ค่ะ เริ่มงานตอนนี้เลย" จากนั้น พี่เอิง ผู้จัดการโรงแรมก็พาฉันไปส่งที่แผนกต้อนรับหรือที่เรียกว่า รีเซพชั่น(Reception) โดยแนะนำฉันให้กับหัวหน้าแผนกและพนักงานในแผนกทุกคนได้รู้จักฉัน และให้ฉันทำความรู้จักกับทุกคน ซึ่งก่อนที่พี่เอิงจะเดินออกไปจากแผนกที่ฉันต้องหน้าที่นั้น พี่เอิงได้ทิ้งท้ายให้กับหัวหน้าแผนกและทุกคนรับรู้ว่าเด็กฝึกงานที่พี่เอิงมาส่งด้วยตัวเองนั้น คือ เจ้าของโรงแรม ทำเอาคนทั้งแผนกเกร็งแบบที่พี่เอิงเกร็งก่อนหน้านี้เลย เฮ้อ แล้วแบบนี้จะมีใครกล้าใช้งานหรือกล้าเป็นเพื่อนกับฉันไหมเนี๊ย สามวันต่อมา @โรงแรมย่านทองหล่อ(โรงแรมของชาลิดา) "สวัสดีค่ะคุณน้ำชา" พี่พนักงานแผนกต้อนรับคนหนึ่งเอ่ยทักทายฉันขณะที่ฉันเดินเข้ามาตรงหน้ารีเซพชั่น "พี่รักษ์ เรียกว่า น้ำชา เฉยๆก็พอค่ะ อย่าเรียกคุณเลย น้ำชาเป็นแค่เด็กฝึกงาน" "พี่ไม่กล้าเรียกเจ้าของโรงแรมแบบนั้นหรอกค่ะ" "เฮ้อ เอาไว้น้ำชามาเป็นเจ้าของจริงๆค่อยเรียกแล้วกันนะคะ ตอนนี้เป็นแค่เด็กฝึกงาน เรียกแค่ น้ำชา พอแล้วนะคะ" "สวัสดีค่ะ คุณน้ำชา" "พี่เดียร์อีกคนแล้ว เรียก น้ำชา เฉยๆก็พอค่ะ อย่าเรียกคุณนำหน้าเลยนะคะ" "แหม ใครจะกล้าเรียกแบบนั้นหละคะ" "เฮ้อ ตามใจพวกพี่แล้วกัน เดี๋ยวเช้านี้น้ำชาไปตรวจตรงโซน A ถึง โซน C เองนะคะ" ฉันพูดจบก็หยิบการ์ดตรวจความเรียบร้อยแล้วเดินออกไปตรวจความเรียบร้อยตามโซนต่างๆทันที ส่วนใหญ่ในช่วงเช้าของโรงแรมมักจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นเพราะเป็นช่วงที่แขกที่พักเดิมยังไม่ได้เช็กเอ้าท์ออกและแขกที่มาพักใหม่ยังไม่ได้มาเช็กอิน ส่วนใหญ่การตรวจความเรียบร้อยของแต่ละวันของช่วงเช้าจะตรวจห้องอาหาร ฟิตเนส และสระว่ายน้ำเป็นหลัก ซึ่งจะดูเรื่องความสะอาด ความปลอดภัย และความเป็นระเบียบของการใช้บริการของแขกที่เข้ามาพัก "วันนี้เป็นเวรของคุณน้ำชามาตรวจความเรียบร้อยเหรอคะ" พี่พนักงานโรงแรมในส่วนห้องอาหารเอ่ยทักทายฉันขณะที่ฉันเดินมองดูความเรียบร้อยภายในห้องอาหารที่ตอนนี้มีแขกจำนวนมากกำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ "ใช่ค่ะ พี่หมิง แขกที่มารับประทานอาหารเช้ามีบ่นเรื่องอาหารกันหรือเปล่าคะสำหรับวันนี้" ฉันเอ่ยถามพี่หมิงที่ดูแลโซนอาหารพร้อมสอดส่องสายตาไปยังจุดต่างๆที่แขกมาพักนั่งรับประทานอาหารกัน ซึ่งวันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแขกชาวต่างชาติโซนเอเชียมากกว่าโซนทางยุโรปและอเมริกา "ไม่มีค่ะ วันนี้ปกติเรียบร้อยดี" "ค่ะ งั้นน้ำชาขออนุญาตไปตรวจโซนอื่นต่อก่อนนะคะ" "ค่ะ คุณน้ำชา" ในระหว่างที่ฉันเดินตรวจความเรียบร้อยโซนสุดท้ายที่เป็นโซนห้องพักนั้น อยู่ๆสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนตรงทางเดิน คนคนนั้นหน้าตาคล้ายกับคนที่ฉันรู้จัก "คงไม่ใช่หรอกมั้ง" ฉันพยายามบอกกับตัวเองแล้วเดินไปตรวจตามห้องที่ว่างไม่มีคนพัก เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแขกที่เข้ามาพักใหม่ที่จะมาเช็กอินในตอนบ่าย เวลา 18.00 น. @แผนกต้อนรับ โรงแรมหรูย่านสยาม กรุงเทพฯ "คุณน้ำชายังไม่กลับอีกเหรอคะ" เสียงพี่ๆในแผนกที่กำลังเดินออกไปเอ่ยทักฉันที่ยังนั่งประจำโต๊ะอยู่อย่างตั้งใจกับการเขียนรายงานประจำวันนี้ "อีกสักพักค่ะ ขอเขียนรายงานของวันนี้ส่งอาจารย์ก่อนค่ะ พวกพี่จะกลับกันแล้วเหรอคะ" "ว่าจะไปหาอะไรทานกันก่อนแยกย้ายกันค่ะ คุณน้ำชาสนใจไปด้วยกันมั้ยคะ เดี๋ยวอีกกะจะมาเปลี่ยนแล้ว" "ตามสบายเลยค่ะ น้ำชาว่าจะเขียนรายงานส่งอาจารย์เสร็จกะว่าจะไปตรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนที่อีกกะจะมา" "ค่ะ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ" "ค่ะ ทานให้อร่อยนะคะ" หลังจากที่ฉันเขียนรายงานประจำวันนี้ส่งอาจารย์เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ทำการออกไปตรวจความเรียบร้อยในโซนต่างๆก่อนที่จะกลับคอนโดเพื่อพักผ่อนสำหรับลุยงานต่อของวันพรุ่งนี้ "พวกเธอว่าผู้ชายคนนั้นใช่คิงมั้ย" เสียงพนักงานโรงแรมกลุ่มหนึ่งดังขึ้นมา ในระหว่างที่ฉันกำลังเดินเข้ามาทางเดินโรงแรมตรงโซนห้องวีไอพีจนได้ยินประโยคที่กลุ่มพนักงานเหล่านั้นคุยกันอย่างสงสัย "ฉันว่าใช่นะ คิงแน่นอน" หนึ่งในพนักงานกลุ่มนั้นก็พูดขึ้นมาอีกคน ยิ่งทำให้ฉันสงสัยหนักว่า คุณคิง ที่พวกเขาพูดถึงนั้นเป็นใครกันแน่ทำไมถึงเป็นที่สนใจของเหล่าพนักงานโรงแรมกลุ่มนั้นเป็นอย่างมาก "เธอมั่นใจขนาดนั้นเลย" พี่พนักงานอีกคนที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่เอ่ยถามพร้อมกับมองหน้ากัน "มั่นใจสิย่ะ ฉันเป็นแฟนคลับของวงนี้เลย" พอได้ยินประโยคนี้ทำให้ฉันเริ่มแน่ใจแล้วว่าบุคคลที่พวกเขาพูดถึงต้องเป็นนักร้องวงไหนสักวงที่คงดังมาก แต่ชื่อ คิง ทำไมฉันถึงรู้สึกคุ้นชื่อนี้จังเลยนะ "ขอโทษนะคะ เกิดอะไรขึ้นคะ มีอะไรหรือเปล่า" ฉันเดินเข้าไปถามกลุ่มพนักงานโรงแรมที่ยืนคุยกันพร้อมกับมองไปตรงทางเดินโซนห้องวีไอพีที่แพงที่สุดของโรงแรม "คิงค่ะ คุณน้ำชา" พี่คนหนึ่งในกลุ่มพนักงานที่ยืนคุยกันอยู่บอกกับฉันให้หายสงสัย "คิง? คิงไหนคะ?" ฉันขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างสงสัยกับคำพูดของพี่พนักงานโรงแรมคนนั้นที่พูดเหมือนกับสนิทกับคนที่เอ่ยอย่างไรอย่างนั้น "คุณน้ำชาไม่รู้จักคิงเหรอคะ คิงมือกีตาร์แห่งวงแบดกาย ยังไงคะ" คำพูดของพี่พนักงานโรงแรมอีกคนบอกกับฉันทันทีด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อฉันได้ยินประโยคที่ว่า คิงมือกีตาร์วงแบดกาย ทำให้ภาพริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นขึ้นมาในหัวสมองทันที "คุณน้ำชาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงพี่พนักงานคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะที่ฉันตัวแข็งทื่อยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมาอยู่สักพักหนึ่ง "ไม่มีอะไรค่ะ ก็แค่คิงมาพักโรงแรมเรา ทำไมทุกคนต้องสนใจกันขนาดนี้หละคะ เค้ามาพักที่นี่ครั้งแรกหรือไง" ฉันเอ่ยขึ้นมาเพื่อกลบอาการตกใจของตัวเองพร้อมกับพูดขึ้นเหมือนเป็นปกติ "คิงไม่ได้พักที่นี่ครั้งแรกค่ะคุณน้ำชา โรงแรมเราเป็นที่พักหลักให้กับนักร้องค่าย Aria Studio อยู่ค่ะ โซนนั้นทั้งโซนเป็นของค่ายนั้น" หนึ่งในพี่พนักงานอธิบายให้ฉันฟังขณะที่สายตาของพวกเราทุกคนมองไปยังทางเดินโซนวีไอพี "เห็นคิงบ่อยแล้วจะยังตื่นเต้นกันอีกอยู่เหรอคะ" ฉันเอ่ยขึ้นมาอย่างสงสัยไม่หายเมื่อเห็นว่าทุกคนก็เจอคนดังออกบ่อยจะตื่นเต้นกับการเห็นคิงมาที่นี่ทำไม "ไม่ได้ตื่นเต้นที่คิงมาพักค่ะ แต่ว่าคิงหนะสิคะ คืนนี้เขาหิ้วสาวมาด้วย แล้วสาวคนนั้นเหมือนจะเป็นนักร้องนำวงเกิร์ลแองเจิ้ล วงใหม่ของค่าย Aria Studio ค่ะ" "เค้าอาจจะกลับมาพร้อมกันก็ได้นะคะ" ฉันพยายามคิดในทางที่ดี แต่คำพูดของเหล่าพี่ๆทำให้ฉันรู้สึกคิดในทางที่ดีไม่ได้เลย อีกทั้งพฤติกรรมของหมอนั่นที่เคยทำกับฉันไว้ ยิ่งทำให้ฉันมองหมอนั่นในทางที่ดียากมาก "งั้นก็คงบังเอิญกลับด้วยกันแล้วเข้าห้องเดียวกัน นี่ถ้านักข่าวแอบตามมาทำข่าว โรงแรมเราได้ดังแน่เลยค่ะคุณน้ำชา" "ทุกคนไปทำงานต่อกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวน้ำชาจัดการเอง" "ค่ะ คุณน้ำชา" จากนั้นพวกพี่พนักงานที่จับกลุ่มคุยกันตรงแยกทางเดินก็พากันกระจายตัวไปทำหน้าที่ของตัวเอง โดยที่ฉันยังยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับมองไปยังโซนวีไอพีที่ค่ายดังนั้นจองไว้ทั้งปีทั้งโซนเพื่อศิลปินในค่ายของตัวเอง "ไอ้ศิลปินหื่น เดี๋ยวจะทำให้หื่นไม่ออกเลย" ฉันเอ่ยขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม "พี่หมวยมาพอดีเลย" ฉันเดินเข้าไปทักพี่พนักงานที่มาเป็นกะของวันนี้ด้วยน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มที่พยายามเป็นมิตรให้มากที่สุดทั้งที่ในใจอยากจะถามพี่เขามาก "อ้าว ออกกะแล้วยังไม่กลับอีกเหรอคะคุณน้ำชา" "ว่าจะกลับแล้วค่ะ แต่ขอเคลียร์บางอย่างก่อนกลับ" "ปัญหาอะไรเหรอคะ เดี๋ยวพี่จัดการให้มั้ยคะ คุณน้ำชาจะได้ไปพัก" "ไม่เป็นไรค่ะ พี่หมวยพอจะเปิดรายชื่อห้องพักตรงโซนวีไอพีที่ค่าย Aria Studio จองไว้ทั้งปีให้ได้มั้ยคะ" "ทำไมเหรอคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะคุณน้ำชา" "ไม่มีอะไรค่ะ น้ำชาแค่อยากรู้ว่าตรงโซนวีไอพีที่ค่าย Aria Studio จองไว้นั้น ได้ระบุมั้ยว่าห้องไหนของศิลปินคนไหน หรือว่าไม่ได้ระบุไว้ ศิลปินคนไหนเข้ามาพักห้องไหนก็ได้" "ไม่ค่ะ ทางบริษัท Aria Studio จะระบุห้องให้ศิลปินแต่ละคนเลยค่ะ และศิลปินแต่ละท่านจะมีคีย์การ์ดเข้าห้องของตัวเอง แต่ว่าทางบริษัท Aria Studio ไม่ได้ให้ห้องพักกับศิลปินทุกคนนะคะ อย่างโซนวีไอพีนั้นให้เฉพาะศิลปินวงแบดกายและวงเพลบอยค่ะ ส่วนโซนห้องสวีทให้กับกลุ่มศิลปินเดี่ยว ถ้าเป็นศิลปินที่เพิ่งเข้าสังกัดในค่าย ทางบริษัทยังไม่มาการเปิดจองห้องพักเพิ่มให้ค่ะ" "งั้นขอรายชื่อคนที่เข้าพักโซนวีไอพีได้มั้ยคะ" "เอ่อ ได้ค่ะ" จากนั้นพี่หมวยก็เปิดหน้าจอคอมให้ดูรายชื่อคนที่เข้าพักในแต่ละห้องให้ฉันดูจนฉันเห็นชื่อตัวปัญหาที่กำลังจะทำให้โรงแรมของฉันมีปัญหา 3205 ราชันย์ เกียรติวรกุล "ขอบคุณมากนะคะพี่หมวย งั้นน้ำชาขอตัวไปทำธุระก่อนนะคะ" ฉันขอตัวแล้วเดินออกมาทันทีเพื่อจะไปยังห้องของตัวปัญหา ในขณะที่ฉันอยู่ในลิฟต์กำลังจะขึ้นไปยังห้องชั้นบนสุดที่เป็นที่พักของศิลปินค่ายดังนั้น อยู่ๆภาพของตัวปัญหาที่ฉันกำลังจะขึ้นไปจัดการนั้นก็เข้ามาในหัว ภาพที่ผู้ชายคนนั้นเข้ามาจูบฉันในครั้งแรกที่เจอกันอย่างไม่ตั้งใจ และภาพจูบครั้งที่สองที่เหมือนหมอนั่นจะตั้งใจจูบฉันก็แล่นเข้ามาจนฉันต้องสะบัดใบหน้าให้ภาพนั้นหายไป "อย่าคิดๆ น้ำชาตั้งสติหน่อย" ฉันบอกกับตัวเองพร้อมกับมองออกไปด้านนอกเพราะเป็นลิฟต์ใสจึงเห็นทิวทัศน์นอกตัวตึก Rachan Part เวลาต่อมา @ห้องพักราชันย์ โรงแรมหรูย่านสยาม(โรงแรมของครอบครัวชาลิดา) "ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะครับน้องเจแปน" ผมเอ่ยบอกน้องเจแปน ที่เป็นนักร้องนำวงเกิร์ลแองเจิ้ล วงน้องใหม่ในค่ายสังกัดเดียวกับผม ที่เกิดอุบัติเหตุหลังจากจบมินิคอนเสิร์ตของวงที่เธอเป็นนักร้องนำวงอยู่ และผมไปเป็นแขกรับเชิญให้กับวงของเธอ อุบัติเหตุที่ว่าก็คือมีเด็กคนหนึ่งเดินถือไอศครีมมาชนกับเจแปนเข้าขณะที่เจแปนกำลังจะเดินขึ้นรถลีมูซีนกลับบริษัท แล้วผมไปเกี่ยวอะไรกับเธอหนะเหรอ ก็เพราะมินิคอนเสิร์ตที่จัดนั้นอยู่ใกล้กับโรงแรมที่ทางต้นสังกัดจัดไว้ให้ผมพักหนะสิ ทำให้ผมต้องทำหน้าที่สุภาพบุรุษพาเธอมาล้างตัว เปลี่ยนชุด เพราะนักร้องดังอย่างพวกเราจะให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตามปั๊มน้ำมันหรือห้างสรรพสินค้าก็ยังไงอยู่ "ขอบคุณนะคะพี่คิง ถ้าไม่ได้พี่คิง เจแปนคงต้องใส่ชุดนี้จนถึงคอนโดแน่เลย" น้องเจแปนเอ่ยบอกกับผมพร้อมกับส่งสายตาทอดสะพานให้ จนผมต้องยิ้มรับแล้วเดินเลี่ยงไปห้องนั่งเล่นแทน ก๊อก ก๊อก (เสียงเคาะประตูห้องพักราชันย์) "ใครมาเคาะประตูห้องวะ" ผมเอ่ยกับตัวเองก่อนที่จะลุกไปดูตรงช่องประตูว่าใครมาเคาะประตู เพราะหากเป็นนักข่าวนี่งานเข้าผมอย่างแน่นอน ผมส่องดูตรงช่องประตูก็เห็นหญิงสาวในชุดไทยสวย แต่ทำไมผมรู้สึกคุ้นหน้าเธอจัง แล้วอยู่ๆใบหน้าของใครบางคนก็ลอยขึ้นมาในหัวของผม คนที่ทำให้ผมไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนได้เลยตั้งแต่ที่ผมได้จูบกับเธอไปถึงสองครั้ง และตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่ผมตั้งใจจูบเธอ เวลาที่ผมจะมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนหน้าของเธอก็ลอยขึ้นมา "หึ มีเหยื่อมาเสนอถึงห้อง แบบนี้จะปฏิเสธได้ยังไง" ผมเปิดประตูออกไปด้วยสีหน้าเป็นปกติ แต่อีกฝ่ายที่มาเคาะประตูห้องผมทำเหมือนอยากจะกินผมซะเหลือเกิน ถ้าสีหน้าของเธออยากกินผมแบบผู้หญิงทั่วไปที่เห็นผมก็ดี แต่สีหน้าของเธอที่อยากกินผมตอนนี้เหมือนอยากจะจับผมหั่นเป็นชิ้นๆแล้วกลืนลงคอมากกว่า "สวัสดีครับ..เอ่อ..คุณ..พนักงานโรงแรม" ผมเน้นเสียงในคำพูดสุดท้ายทำให้เธอยิ่งมีสีหน้าอยากจะกินผมเข้าไปใหญ่ "พี่คิงคะ ใครมาเหรอคะ" เหมือนกับว่าสถานการณ์สร้างคนดีมักจะไม่เหมาะกับผมหละมั้ง น้องเจแปนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดที่เลอะไอศครีมกลับออกมาในชุดเสื้อคลุมตัวเดียว โดยที่ผมและอีกคนที่เคาะประตูยังยืนอยู่กันตรงหน้าประตู มันยิ่งตอกย้ำทำให้คนตรงหน้าคิดว่าผมกับน้องเจแปนเพิ่งเสร็จกิจกัน เพราะชุดของผมก็ไม่ได้เรียบร้อยนัก เสื้อเชิ๊ตที่ถูกดึงออกมานอกกางเกงในสภาพที่ยับยู่ยี่ ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเอ่ยบอกกับใครก่อนดี ระหว่างคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกับคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ อยู่ๆก็มีก้อนอะไรสักอย่างเข้ามากระแทกที่ใบหน้าของผมอย่างจังโดยที่ผมไม่รู้ตัวพร้อมกับคำก่นด่าที่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด "ไอ้หื่นกาม!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม