บทที่8คุณพระอาทิตย์
หลังจากที่ทานข้าวกับพ่อแม่และยายหอมแล้ว พวกเขาสองคนไปร้านสหกรณ์ของหมู่บ้าน เพื่อหาซื้อเข้าของเครื่องใช้ที่จำเป็นไปไว้ที่เถียงนา ฉันนั่งซ้อนท้ายจักรยานไปกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี
ตอนนี้ของที่ได้มาวางอยู่บนแคร่แล้ว “ไปครับ พี่จะพาไปหาปลา” ฉันตื่นเต้นมาก ชีวิตที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้ เขาถือถังน้ำและมีด 1 เล่ม ก่อนลงไปข้างล่างเอาหมวกที่สานจากไม้ไผ่ใส่ให้ฉันด้วย
“ใส่ไว้นะครับ” ฉันขอบคุณเขา “แล้วพี่ปราบไม่ใส่เหรอคะ” “ไม่ครับ” สายตาอ่อนโยนส่งมาให้นั้น มีแต่ความเป็นห่วง
สองผัวเมียเดินลงไปข้างล่าง เมื่อไปถึงเจอลำธารที่มีน้ำใสมากๆ ดูก็รู้ว่าน้ำเย็นมากแค่ไหน ข้างทางอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยผักกูด และต้นบอนมีทั้งสีเขียวและสีแดง ลำต้นอวบใหญ่ ใบกว้างหนา ถ้าฝนตกคิดว่าเอามาหลบฝนได้เลย
พี่ปราบบอกว่าต้นบอนพวกนี้เป็นบอนหวานและบอนเปรี้ยวสามารถมาทำอาหารได้ แล้วชี้ให้ดูว่าผักกูดที่ทำให้กินเมื่อวาน จะขึ้นตามที่ชื้นและมีให้กินทุกฤดู
ในลำธารฉันเห็นปลาเล็กๆแหวกว่ายไปมา ข้างโขดหินมีน้ำวน เห็นคนพี่ไปยืนดึงไม้เล็กๆขึ้นมา ฉันค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ ที่แท้เป็นการตกเบ็ดนี่เอง
“เอาถังน้ำมาให้พี่หน่อยครับ” มีปลาตัวใหญ่เท่าข้อมือติดมากับเบ็ด “ทำไมครับ ดีใจมากเลยเหรอ” สายตาตื่นเต้นดีใจของเมียนั้น ทำให้เขายิ่งเอ็นดูเธอมากขึ้น
“ค่ะ ดีใจมาก พี่ปราบเย็นนี้ให้น้องทำกับข้าวนะคะ” ฉันเห็นปลาแล้วนึกอยากกินปลาเผาขึ้นมา “ไม่ครับ…พี่ว่าช่วยกันทำดีกว่า” ตอนแรกเธอหุบยิ้ม จากนั้นคนพี่ยิ้มให้ แล้วให้ช่วยกันทำ
“ได้ค่ะ” ระหว่างที่ไล่เก็บอุปกรณ์นั้น ฉันถือถังน้ำตามเขาไป ส่วนมีดเล่มนั้นใส่ปลอก พี่เขาเสียบไว้ที่เอว แล้วทำไมฉันดูว่ามันเท่นะ
ข้างทางที่เดินไปมีผักบางอย่างฉันไม่รู้จัก แล้วแกล้งทำเป็นถามพี่เขา หรือลืมไปบ้าง คนพี่ก็อธิบายให้ว่าผักที่กินได้มีลักษณะอย่างแบบนี้ จนมาถึงสวนลำไย
“นี่ครับ ที่พี่อยากพาน้องมา” ท่าทางดีใจเหมือนเด็กอวดของสำคัญ เกวลินไม่เคยคิดว่าจะเห็นเขาในมุมนี้
ตรงหน้าเป็นสวนลำไยเกือบ30 ไร่ อยู่สูงจากลำธาร 5 เมตร ข้างๆเห็นการทดน้ำเพื่อเก็บไว้ใช้ในหน้าแล้ง พี่ปราบบอกว่าน้ำตรงนี่ลึกถึงคอพี่เขา แล้วมีปลา ปูและกุ้งฝอยเยอะมาก ชาวบ้านที่มีนาและที่ดินอยู่ใกล้ลำธาร จะทำแบบนี้กันทุกคน
เพื่อต่อน้ำขึ้นมาไปยังสวน จากนั้นเขาพาเข้าไปที่กระท่อมหลังหนึ่ง เจอลุงป้าสองคนที่เป็นคนเฝ้าสวน พี่ปราบแนะนำว่าชื่อลุงกบกับป้าสร้อย พวกเขาเข้ามาทักทายฉันและพี่ปราบ
“เสียดายที่หนูปลายมาตอนลำไยยังเก็บไม่ได้” ป้าสร้อยและลุงกบทั้งสองคนไม่มีลูก พี่ปราบจ้างพวกเขาดูแลสวนตั้งแต่บุกเบิกใหม่ๆ
“เอาไว้คราวหน้าก็ได้จ้ะป้าสร้อย” ฉันนั่งพักที่กระท่อมของป้าสร้อยส่วนพี่ปราบถูกลุงกบพาไปดูอะไรสักอย่างที่ท้ายสวน
“ยายหอมสบายดีไหมจ๊ะหนูปลายฟ้า” ป้าสร้อยเคยเจอคุณปลายฟ้าตอนที่มาดำนาเกี่ยวข้าวของคุณปราบ หญิงสาวจะเป็นคนคุยเก่ง แต่คนตรงหน้าสงบเสงี่ยมคล้ายคนละคน
“ยายสบายดีจ้ะป้าสร้อย” รอยยิ้มที่ส่งให้หญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยความเอื้ออาทร “ป้าจะพาหนูไปเก็บผักที่สวนป้า” ป้าสร้อยเอาตะกร้าแล้วชวนไปที่แปลงผัก
“ป้าดีใจด้วยนะจ๊ะ ขอให้หนูมีความสุข คุณปราบเป็นคนดีมาก พวกเราอยู่สุขสบายเพราะครอบครัวสามีหนู” ฉันยิ้มรับ
“ขอบคุณจ้ะป้าสร้อย ป้าอยู่ที่นี่มากี่ปี แล้วพี่ปราบเคยพาใครมาหรือเปล่าจ๊ะ” ป้าสร้อยยิ้ม แล้วส่ายหน้า
“ป้ามาอยู่ที่นี้ได้ 10 ปีแล้ว ก่อนหน้านั้นที่นี่เป็นสวนไม้สัก ที่หนูเห็นบ้านไม้สักหลังใหญ่ของคุณนายแก้วนั้น เป็นไม้ที่เอามาจากที่นี่ หลังจากนั้นปล่อยที่ดินรกร้างไว้มานาน
คุณปราบเห็นว่านอกจากป้าและลุงทำนาแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำ จึงปลูกลำไย แล้วป้าไม่เคยเห็นคุณเขาพาใครมาเลย สวนนี้คุณปราบรักมาก เพราะเป็นส่วนที่เขาลงทุนทำเอง พูดแล้วทำให้ป้าคิดถึงสมัยที่คุณเขาจบกลับมาใหม่ๆ เป็นช่วงที่วัยหนุ่มไฟแรง เขาทำงานไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย”
ป้าสร้อยเล่าเรื่องของพี่ปราบให้ด้วยแววตาที่ชื่นชม ระหว่างนั้นเด็ดพริกขี้หนู เก็บแตงกวา ถั่วฟักยาว มะนาวกับต้นหอมผักชีไปด้วย
ฉันรีบห้ามท่าน ว่าไม่ต้องเก็บมาเยอะ เพราะไม่ได้กลับไปที่บ้านใหญ่ จากนั้นป้าสร้อยไปตัดใบตองมา นำผักที่เก็บมาห่อแล้วใส่ในไว้ตะกร้า ที่มีผัก แตงกวา มะนาว มะเขือเทศ มะนาวและพริก ยังมีผักอีกมากมายที่ไม่คุ้น
“ขอบคุณป้าสร้อยมากนะจ๊ะ” “จ้ะ ถ้าอยากกินอะไรลงมาหาป้าได้ตลอด ที่นี่มีของกินทุกอย่าง ป้าและลุงไม่ต้องซื้ออะไร ตอนกลางคืนลุงไปส่องกบและเขียด จริงสี เขียดแห้งป้ามีอยู่ หนูจะเอาไปด้วยไหม”
“ป้าสร้อยเอาไว้กินกับลุงเถอะจ้ะ วันนี้พี่ปราบได้ปลามาเยอะแยะ”
ไม่นานพี่ปราบกับลุงกลับมา พวกเราแบ่งปลาให้ป้าด้วย ที่เหลือป้าสร้อยให้ถุงพลาสติก จึงใส่ปลากลับมาทางเดิมที่ลงมา พี่ปราบถือปลา ส่วนอุปกรณ์ตกปลาและถังเก็บไว้กับลุงกบ
ฉันถือตะกร้าผักเดินตามพี่เขา มองขึ้นไปเป็นนาขั้นบันได แล้วเห็นกระท่อมอยู่ไกลลิบ ตอนนี้เหงื่อไหลอาบแก้มเป็นเม็ดๆ
“ไหวไหมครับ” ปราบรู้สึกว่าคนน้องเดินห่างจากเขาไปเรื่อย ๆ “พี่ปราบขึ้นไปก่อน น้องขอนั่งพักสักครู่” ฉันนั่งบนคันนา คิดว่าต่อไปต้องตื่นมาวิ่งกับพี่เขาเสียแล้ว
คนที่ขึ้นไปเกือบถึงแล้วเดินลงมานั่งข้างเธอ ถ้ามีใครเดินผ่านแถวลำธาร มองขึ้นมาจะเห็นพวกเขาสองผัวเมียนั่งบนคันนาที่รายล้อมไปด้วยต้นข้าวที่เหลืองอร่าม เป็นภาพที่งดงามพอๆกับรวงข้าวสีทองที่พลิ้วไหวไปตามสายลม
“พี่ปราบจะลงมาอีกทำไม น้องขอชื่นชมบรรยากาศตรงหน้าก่อน จริงสิตั้งแต่พรุ่งนี้ น้องจะตื่นมาวิ่งกับพี่ด้วย ได้ไหม” เป็นสะใภ้ชาวนา ขึ้นดอยแค่นี้ขาสั่นแล้ว
“เอาสิครับ แต่พี่มีข้อแลกเปลี่ยน” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้อแลกเปลี่ยนอะไรของพี่” ฉันไม่น่าถามเลย “เอาหูมาใกล้ๆสิคะ” เกวชั่งใจก่อนแล้วเอียงหูไปใกล้
“ให้รางวัลพี่ก่อนไปวิ่งทุกเช้า” แก้มเนียนใสแดงระรื่น รางวัลที่ว่าคงจะไม่พ้นเรื่องนั้น แล้วหันหน้าไปทางต้นข้าว “งั้นน้องไม่ไปแล้วก็ได้ค่ะ”
“ว้าว เสียดายจัง ไม่เป็นไรครับงั้นขอรางวัลก่อนนอนทุกคืนก็ได้” แล้วเขาไปนั่งตรงหน้า “มาสิครับ พี่จะแบกขึ้นไป” เขาพูดเล่นให้เธอเขินเท่านั้น แต่ถ้าเป็นไปได้ก็จะดีมาก เพราะตอนนี้เขาอยากมีลูกทันเพื่อนๆแล้ว
“เร็วสิครับ ยังมีนาอีกหลายขั้นนะ” “พี่ปราบ ที่นี่คนเขาถือไม่ใช่เหรอ” ฉันเคยได้ยินว่าชาวบ้านชนบทจะไม่ให้ผู้หญิงขี่หลัง เพราะจะทำอะไรไม่ขึ้น ก็เลยคิดว่าที่นี่น่าจะมีความเชื่อแบบนั้นอยู่
“ยกเว้นเมียพี่ครับ” เขาหันข้างส่งยิ้มให้เธอ “แล้วพี่ปราบอย่ามาบ่นว่าหนักนะคะ” ฉันถือตะกร้าติดมือมาด้วย
“หึ หึ หึ ไม่บ่นครับ” แผ่นหลังกว้างและแข็งแกร่งนี้ทำเอาเกวลินใจอุ่นใจ ฉันยิ้มแล้วกอดคอคนพี่ไว้แน่น มืออีกข้างก็ถือตะกร้าผักไว้
เมื่อขึ้นมาถึงที่วางปลา เขาก้มลงหยิบถุงปลาขึ้นมา พอมาถึงกระท่อม เจอน้องชายยืนยิ้มหน้าบาน “โอ๊ะ อิจฉาคนมีความรัก แล้วน้องปลายเป็นอะไรครับพี่ปราบ” ปราบนั่งบนแคร่วางภรรยาลง “ทำไม ต้องเป็นก่อนเหรอ ยุ่ง” ปินยิ้มกว้างและรู้ว่าพี่ชายเขิน
“น้องปลาย พี่ลงไปในอำเภอซื้อขนมชั้นมาให้ นี่ครับ” “ขอบคุณคะพี่ปิน” “เดี๋ยวพี่กินเอง น้องเขาไม่ชอบกินแล้ว”
น้องชายมองหน้าพี่ชายตัวเอง พี่ปราบไม่เคยชอบของหวาน แล้วน้องปลายไม่ชอบขนมชั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน
“งั้นตามใจพี่ละกัน ว่าแต่ทำไมน้องปลายไม่ชอบขนมชั้นแล้วครับ เมื่อวันยังกินอยู่เลย” เกวลินกำลังจะบอกว่าไม่ได้ไม่ชอบ แต่เธอจะลดของหวานลง และตั้งใจว่าจะดูแลร่างนี้ให้ดีที่สุด ในเมื่อได้มีโอกาสได้กลับมาอยู่ที่นี่
“เอ่อ ความจริงปลายยังทานได้ แต่ลดปริมาณลงค่ะ” คนนำขนมมาฝากยิ้ม “เห็นไหมว่าน้องไม่ชอบแล้ว อีกอย่าง วันหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาให้เมียพี่อีก พี่มีเงิน”
“โอ้ยย น้องปลายครับ ถ้าเบื่อคนแถวนี้กลับไปที่บ้านก็ได้นะครับ” ปินรู้สึกว่าพี่ชายเปลี่ยนไป เวลามองหน้าน้องปลายกลายเป็นสายตาคลั่งรักไปหมดแล้วพี่กู
“ว่าแต่พี่ไปหาปลามาเหรอ ได้มากี่ตัวครับเนี่ย โอ้ว พี่ปราบฝีมือยังดีไม่เปลี่ยนเลยครับ” เขาไปดูปลาที่อยู่ในถุงที่พี่ชายแขวนไว้
“ไม่เหมือนนาย เมื่อไรจะหาปลาจับกบได้ พ่อกับแม่ก็กลัวว่าน้องพี่จะหาเมียไม่ได้” เขาตั้งใจจะพูดประชดน้องชายเล่น
“พี่จะพูดความจริงทำไม ผมขออยู่กับพ่อแม่ไปตลอดชีวิตแล้วได้กินปลาจากพี่และน้องปลายนี่แหละ” ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่ปินผู้ชายที่ดูดี ใบหน้าคมเข้ม โครงหน้าได้มาจากพ่อทิดและแม่แก้ว เขากลายเป็นหนุ่มหน้าคม หล่อแบบพระเอกผู้ดี เขาจับปลา จับกบไม่ได้
“พูดแล้วพี่ก็มีส่วนผิด ตอนนั้นไม่ยอมพานายไปหาปลาด้วย” พอน้องชายเกิดมา เขาก็ออกไปหาปลาหาเขียด แล้วให้น้องชายอยู่กับแม่ที่บ้าน
“แล้วพี่จะซีเรียสทำไม ผมจะกลับแล้ว พี่ไม่รู้หรือหาปลาไม่ได้สบายจะตาย รอกินอย่างเดียว 5555 งั้นขอปลา 3 ตัวนะครับพี่ชายพี่สะใภ้”
เขายิ้มให้พี่ชาย ปราบเก็บปลาไว้กินแค่ 3 ตัว ที่เหลือให้น้องชายเอากลับบ้านแบ่งให้แม่และยายหอม “เอ่อ ความจริงผมมาหาน้องปลายด้วย พี่ขอเบอร์ยัยแก้มใสหน่อยครับ”
“หึ ถ้าชอบน้องเขา ทำไมไม่ไปขอเอง มาขอกับเมียพี่ทำไม” “โอ้ยย พี่ปราบอย่างผมนี่นะจะชอบยัยกะโปโลนั่น พี่คิดไปถึงไหน” ปินบอกว่าที่มาขอเบอร์เพราะพ่อบอกว่าให้โทรไปถามว่าลุงก้างว่าจะได้กลับเมื่อไร
“งั้นพี่ปินรอแป๊บหนึ่ง ฉันจะขึ้นไปเอาให้” เกวลินปล่อยให้พี่น้องอยู่ด้วยกัน เธอขึ้นไปเห็นโทรศัพท์คนพี่วางอยู่ข้างๆ เลยลองกดไปที่ Messenger แต่ไม่เห็นชื่อของยาหยี แล้วกดเข้าไปดูที่ประวัติการบล็อก เห็นว่าพี่ปราบบล็อกคนชื่อยาหยีเรียบเรียบแล้ว
ใบหน้าเล็ก ๆยิ้มกว้างด้วยหัวใจที่พองฟู จากนั้นลงไปหาพวกเขา เมื่อได้เบอร์แล้ว ปินกลับไปพร้อมปลา ก่อนมาแม่แก้วบอกว่าไม่ต้องอยู่นาน แม่นะแม่ อย่าได้หลานก็บอกพี่ปราบไปตรงๆ
เขาบ่นคนเดียว ส่วนปราบเมื่อน้องชายไปแล้วเขามานั่งข้างๆภรรยา “หายเหนื่อยหรือยังครับ” พร้อมยื่นขนมมาให้ “ขอบคุณค่ะพี่ปราบ ทำไมพี่ถึงไม่อยากให้น้องกินขนมชั้น” ยายหอมบอกว่าน้องปลายชอบกินขนมชั้นมากๆ พอว่างจะทำไปวางขายด้วย
“พี่ไม่อยากให้น้องทานของหวานมากเกินไป หรือถ้าจะกิน พี่ว่าทำเองดีกว่า จะได้ลดน้ำตาลด้วย พี่อ่านข่าวเห็นว่าคนไทยเป็นเบาหวานมากขึ้นทุกปี พวกเราอยู่ชนบท อยู่กับธรรมชาติให้เป็น แล้วโรคภัยจะไม่มาหาเรา”
ฉันเข้าใจแล้ว ที่แท้เขาเป็นห่วง ขนมชั้นที่อยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กกินไปแค่ 3 คำ จากนั้นพวกเขาช่วยกันนำปลาไปล้างทำความสะอาด ให้เลือกเมนู แล้วก็ได้เมนูปลาช่อนเผาเกลือ แล้วฉันทำน้ำจิ้มสมใจนึก
เกวลินรู้สึกว่าเหมือนกลับมาอยู่ในช่วงวัยเรียนมหาลัยที่เคยทำอาหารตอนไปเข้าค่ายจิตอาสา เธอเอากระเทียมมาทุบแกะเปลือกออก ซอยหอมแดง พริกขี้หนู 5 เม็ด นำรากผักชี 2 ต้นมาตำรวมกันให้ละเอียดใส่น้ำตาลทราย 1 ช้อน น้ำปลา 1 ช้อน มะนาว 1 ช้อน คนให้เข้ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำจิ้มซีฟู้ดที่ไม่เผ็ด มีความเปรี้ยวหวานเค็มพอดี ส่วนพี่เขาหุงข้าวและเผาปลา เอาแตงกวากับถั่วฝักยาวไปล้าง มาทำเป็นเครื่องเคียง
“พี่ปราบ ควายพวกนั้นกินอะไร พี่ไม่ให้มันไปหากินเหรอ” ตั้งแต่มาอยู่ เห็นมันอยู่แต่ในคอกทุกวัน “พี่เอาฟางข้าวให้กิน เปลือกแตงกวานั่นน้องเอาไปให้พวกมันกินได้นะครับ บางวันพี่ไปตัดหญ้าที่ข้างลำธารให้มัน”
ฉันรีบเอาเปลือกแตงกวาโยนไปให้ ดูเหมือนพวกมันจะมากันหลายตัว “น้องเอาฟางข้าวให้พวกมันได้หรือเปล่าคะ” เห็นฟางข้าวเหลืออยู่หนึ่งมัดใหญ่ ตอนแรกที่เห็นฟางข้าวคิดว่าพี่เขาจะเอามาคลุมแปลงผัก
“ตามสบายครับ แต่ให้เสร็จแล้วรีบอาบน้ำเลยนะ” แล้วก็เป็นอย่างที่คนพี่บอก ตอนนี้หญิงสาวรู้สึกคันตามตัว จึงไปอาบน้ำ พอออกกับข้าวทุกอย่างเสร็จแล้ว คลุมไว้ด้วยฝาชี เขาขึ้นไปเอาผ้าลงมาเห็น เธอซักเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“คราวหน้าเอาผ้าน้องใส่ไว้ในตะกร้านะครับ พี่จะซักเอง” ปกติเกวซักผ้าทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพราะเป็นเสื้อที่เธอชอบใส่นั่นเอง
“ขอบคุณค่ะพี่ปราบ น้องควรจะพูดคำนั้นกับพี่ไม่ใช่เหรอ” “พี่พาน้องมาลำบากอยู่ที่นี่ พี่จะดูแลน้องเองครับ” เธอส่งยิ้มให้เขา
“เป็นสะใภ้ชาวนาแล้ว เรื่องนี้ไม่หนักหนาอะไรมั้งค่ะ” เธอพูดจบรีบเดินขึ้นไปข้างบน เขายิ้มคนเดียวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
มื้อเย็นเป็นกับข้าวที่พวกเขาช่วยกันทำ และเป็นมื้อที่อร่อยเต็มไปด้วยกลิ่นอายความรักของคู่ใหม่ปลามัน
หลังจากที่พวกเขากินข้าวเสร็จแล้ว ปราบพาภรรยาไปดูพระอาทิตย์ตก “พี่ปราบ พี่เคยพาใครมาดูด้วยหรือเปล่าคะ” เขายิ้มที่คนตัวเล็กที่สนใจเรื่องราวเขาบ้าง ไม่ได้เฉยชาเหมือนวันที่เขาเมากลับมา
“ไม่เคยครับ น้องปลายคืนคนแรกที่ยอมมายืนดูพระอาทิตย์ตกกับพี่ แล้วเป็นคนแรกที่พี่พาไปสวนของพี่ด้วย” ที่ผ่านมามีหลายครั้งที่เขาชวนยาหยีมาเที่ยวที่นี่เพื่อจะพาเธอมาดูพระอาทิตย์ตก แต่เธออ้างว่ามีการบ้านต้องตรวจ
พอเขาชวนไป 2 - 3 ครั้งคำตอบที่ได้แตกต่างกันทุกครั้งเลยเลิกชวนเธอ แล้วมานั่งดูคนเดียว “มันสวยมากเลย น้องชอบมากค่ะ” บรรยากาศตรงหน้าสวยงามเหลือเกิน พระอาทิตย์สีสวยตัดกับท้องทุ่งสีทอง ยามเย็นลมพัดผ่าน ได้ยินเสียงนกร้องประสานกัน ชายหนุ่มสวมกอดเมียจากด้านหลัง กุมมือเธอไว้ พร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“งั้นพี่จะพามาดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันบ่อยๆ ดีไหมครับ” ฉันยิ้มมองไปที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน “ค่ะ คุณพระอาทิตย์” ยิ่งนับวันฉันรู้สึกว่าเขาเข้ามาเฉิดฉายในหัวใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสวยงามในยามนี้ ที่เปล่งประกายลงมาในใจ
“อื้ออ” ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนใส พร้อมสูดดมกลิ่นกายจากเมีย