โรม...อิตาลี...
หญิงสูงวัยอายุเกือบแปดสิบปี นั่งนิ่วหน้า นางกำลังจิบกาแฟในร้านโปรดที่กรุงโรม เป็นการมาท่องเที่ยวกึ่งทำงาน เพราะมาดามจูเลียถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจหลังเซ็นสัญญาการค้าจบ...มือที่ผิวหนังเหี่ยวย่นเกร็งค้าง ขยุ้มกระดาษหนังสือพิมพ์เจ้าดังจนยับคามือ...เมื่อเห็นข่าวฉาวล่าสุดของแมทธิวหลานรัก...
ในรอบยี่สิบปีนับตั้งแต่หลานชายเป็นหนุ่มเต็มตัว เขามีเดทกับสาวๆ ไม่เลือกหน้า ความฮอตของแมทธิวทำให้นางปวดหัว...แต่หลานชายของนางก็ระวังตัวเป็นอย่างดี ไม่เคยมีภาพหลุด แต่ที่เห็นนี่ มาดามจูเลียรับไม่ไหว...เป็นภาพฉาวที่สุดเท่าที่นางเคยเห็น แม้จะมีสีดำๆ คาดปิดใบหน้ากึ่งหนึ่ง ให้ตายเถอะ!! แค่เส้นผม นางก็จำได้ ที่เห็นนี่คือหลานชายของนางชัดๆ
ท่ามกลางผู้คน แมทธิวกำลัง ‘จูบ’ กับผู้หญิงคนหนึ่ง และหากไม่มีใครอยู่ในบริเวณเดียวกัน เขากับเธอคงร่วมรักกันแบบดุเดือดเพราะลักษณะการจูบที่เห็น...มันคงไม่จบแค่การแลกลิ้นกันแน่ๆ
“แมท!!”
นางคำราม ลดมือลง กระแทกหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ก่อนจะกวักมือเรียกการ์ดส่วนตัว
“เอ็ดมันด์!! หาไฟล์กลับบ้านให้ฉันด่วน”
นางคงเที่ยวต่อได้....แต่เป็นแบบไม่มีความสุขเท่าใด...เมื่อหนังสือพิมพ์ฉบับที่นางอ่านนั้น วางขายทั่วโลก ป่านนี้ข่าวฉาวๆ ของแมทธิวคงเป็นอาหารปากของคนทั่วไป...เป็นตลกร้ายที่มาดามจูเลียขำไม่ออก
การ์ดหนุ่มใหญ่ถอยหลังกลับไป ปล่อยให้นายสาวนั่งจิบกาแฟต่อ...
สามชั่วโมงต่อมา...
มาดามจูเลียนั่งมองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยเรี่ยใต้ปีกเครื่องบินด้วยดวงตาว่างเปล่า ตอนนี้เครื่องที่นางนั่งกำลังลอยลำเหนือท้องฟ้า มุ่งหน้าตรงไปอเมริกา...
“อุ้ย!! นึกว่าใคร คุณพี่นี่เอง...” เสียทักทายจากเบาะข้างตัว ในชั้นเฟิร์ตคลาส...จากคนหน้าตาคุ้นๆ
“ค่ะ...” นางพญายิ้มรับ หางตานางกระตุกเหมือนกำลังจะเจอเหตุร้าย
หนังสือพิมพ์ฉบับเดิม ฉบับที่ทำให้นางนั่งไม่ติดเมื่อได้เปิดอ่าน ถูกยื่นส่งมาให้ พร้อมกับคำพูดที่ฟังเหมือนหวังดี แต่ความจริงคือการเหน็บแนมซึ่งๆ หน้า “คุณพี่อ่านนี่หรือยังคะ น้องไม่คิดว่าจะเป็น แมทธิว...มันเหลือเชื่อเกิน!!” มาดามจูเลียยิ้มเย็น
“มันแปลกตรงไหนคะ แค่ผู้ชายผู้หญิงจูบกัน หรือคุณน้องจะให้หลานชายของคุณพี่...จูบกับผู้ชาย”
“อุ้ยตาย!! ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่า เพียงแต่น้องไม่เคยเห็น” คนตรงหน้าค้อนประหลับประเหลือกให้ กับคำตอบที่ฟังแล้วสะอึก เหมือนกับว่ามาดามจูเลียด่าอ้อมๆ ว่าอย่า ‘เสือก’ กับคนในครอบครัวนาง
“อีกอย่างนะคุณน้อง...แมทธิวก็เป็นผู้ชาย เขาสามสิบห้าไม่ใช่สองขวบ”
มาดามจูเลียตอบเสียงเย็น นางเอื้อมหยิบแมกาซีนเล่มหนึ่งขึ้นมาเปิดอ่าน เพื่อตัดบทการสนทนา
คนพูดมากหุบปากฉับ แอบเบ้ปากให้มาดามจูเลีย...หล่อนรู้มาดามสูงศักดิ์กำลังขุ่นเคือง ตามข่าว... นางน่าจะเดินย่ำเท้าที่โรม...ไม่ใช่การนั่งอยู่บนเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้ากลับไปยังอเมริกา...
หัวอกร้อนเป็นไฟ...เป็นแบบนี้เอง มาดามจูเลียเข่นเขี้ยว...นางคงต้องกลับไปอบรมแมทธิวใหม่อีกครั้ง เขาจะไปเที่ยวหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็ตามแต่...แต่ที่ห้ามขาดเลย ห้ามมีภาพหลุด!!
เมื่อภาพเหล่านั้นเป็นตัวทำลายชื่อเสียงของ ดีแลน!!
แค่ข่าวฉาวเรื่องภาพหลุด...มาดามยังแทบเต้น...หากเดินทางกลับมาถึงบ้าน แล้วรู้ข่าวเรื่องสำคัญกว่านั้น...มาดามจูเลียจะทำเยี่ยงไร...
วอชิงตันดี.ซี...อเมริกา เวลา 8:00 นาฬิกา...
รถลีมูซีนวิ่งจากท่าอากาศยานวอชิงตันดี.ซี. มุ่งสู่ตอนเหนือของเมืองใหญ่ สถานที่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่สีน้ำตาลไหม้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า500เอเคอร์ มีผู้โดยสารกิตติมศักดิ์นั่งอยู่ตอนหลังรถยนต์ นางนั่งเงียบๆ แต่ใบหน้าตึงมาตลอดทาง...
เอ็ดมันด์กระโจนลงจากรถยนต์คันใหญ่ เมื่อตัวรถจอดเทียบโถงทางเดิน เขาค้อมตัวลง ยื่นมือให้ประมุขเฒ่าจับยึด ตอนที่นางกำลังจะก้าวลงจากรถยนต์ช้าๆ
สาวใช้หลายนางวิ่งวุ่น พ่อบ้านชาวแอฟริกันวิ่งมายืนรอ พร้อมกับก้มศีรษะลงขณะที่มาดามจูเลียเดินผ่าน
“มีเรื่องอะไรจะรายงานฉันไหม ชิเอล?” นางหยุดยืนเบื้องหน้าพ่อบ้านวัยชราพลางถามเสียงเรียบกริบ แต่คนที่อยู่รับใช้มาตั้งแต่หนุ่มยันแก่รู้ เวลานี้เพลิงโทสะกำลังครอบคลุมมาดามจูเลีย ทาสที่ซื่อสัตย์ไม่มีใครเหมือนแบบชิเอลยอมตาย ถวายชีวิต หากมีใครคิดทำร้ายเจ้านายคนใดคนหนึ่งของดีแลน ชายชราผู้นี้จะขออาสาตายแทนหากทำได้
พ่อบ้านผู้เฒ่าก้มหน้านิ่ง เขากระอึกกระอัก เหมือนอยากจะพูดแต่ยังไม่มีความกล้าพอ...
“ใครปิดปากแกรึ? แมทธิว หรืออาเธอร์?”
แค่อาการอัดอั้นที่ชิเอลเผลอแสดงออกมา มาดามจูเลียก็รู้แล้วว่า...ขณะนี้ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในบ้านจริงๆ
“ตามฉันมา...”
เสียงทรงอำนาจร้องสั่ง สะบัดหน้าเชิดตรง เดินหน้าตั้งคอแข็ง โดยมีเอ็ดมันด์คอยประคอง ชิเอลพ่อบ้านวัยดึกเดินตามมาติดๆ
มาดามจูเลียแทบเต้น ผู้หญิงขยะคนหนึ่งกำลังทำให้ ‘ดีแลน’ ฉิบหาย!!
นางเดือดจัดจนพูดไม่ออก ได้แต่กลอกตาฟังเสียงแหบๆ ของ ชิเอลรายงานให้ทราบ...
“แม่นั่น...นึกยังไงถึงสะเออะอาสารับ ‘เด็กนั่น’ มาเลี้ยง” เสียงของมาดามจูเลียเคร่งจนคนฟังใจหายวาบ...
เวลานี้คนในคฤหาสน์ส่วนใหญ่ หลงคุณหนูตัวน้อยแทบทั้งนั้น แองเจลิน่าเป็นเด็กร่าเริง หล่อนยิ้มหัวกับผู้คนไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่คนงาน หากพี่เลี้ยงคนใหม่พาลงมาชมสวนหย่อม เด็กน้อยจะยิ้มแฉ่งหน้าเป็นใส่ทุกคนที่แวะเวียนไปทักทาย
“เหอะ!! คงอยากจะเสนอหน้าวางท่าว่าข้าดี...แต่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด...”
นางกล่าวเสียงสะบัด มาดามแพชี่ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่นางโปรดผู้หญิงคนนั้นหัวอ่อนก็จริง...แต่ก็ไม่เคยยอมลงให้นาง ทำตัวเป็นปรปักษ์ อยู่ขวางตานางมาตลอด บุตรชายของนางไปคว้าผู้หญิงกำพืดต่ำกว่ามานั่งเชิดหน้าชูคอ...โดยอ้างคำพูดสวยหรู!! ที่นางเองก็เถียงไม่ออก
“ผมรักเธอครับ”
วันที่อาเธอร์สารภาพ คือวันที่นางตัดสินใจยกส่วนที่เป็นของนางให้แมทธิว เป็นการประชดบุตรชายแบบอ้อมๆ เขาจะได้รู้ว่า สิ่งที่เขาทำเป็นการขัดใจนางอย่างแรง...
แต่ดูเหมือนอาเธอร์จะไม่แคร์ เขาทำหน้าที่บุตรชายที่ดี ขัดใจนางเรื่องเดียวคือเรื่องเมียคนปัจจุบัน
“เด็กนั่นอยู่ไหน?” มาดามจูเลียถามพ่อบ้านเสียงเย็นเยียบ
“เออ...”
“ไม่ต้องบอกฉันพอรู้แล้วล่ะ เอ็ดมันด์ พาฉันไปที”
นางสรุปตัดบท คนอย่างแพชี่ไม่มีทางก้ำกรายพื้นที่ในส่วนของนาง ดังนั้นเดาได้ไม่อยาก...แม่ลูกสะใภ้หัวแข็งต้องเก็บ ‘เด็ก’ ไว้ในส่วนที่หล่อนกุมอำนาจ
ไม่ถึงสามสิบนาทีที่เท้าของมาดามจูเลียแตะอาณาเขต...ของคฤหาสน์ดีแลน
การมาของนางถูกบอกปากต่อปาก...จนลอยมาถึงหูของทิพยอาภา
“มาดามกลับมาแล้ว!! ”
เสียงสาวใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องครัว พร้อมกับตะโกนบอกทุกคนเสียงสั่น
ทิพยอาภาตัวชา...เธอมีความสุขกับการเลี้ยงลูกโดยไม่เปิดเผยตัวไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมง พระเจ้าก็ส่งมหาอำนาจมาทดสอบความอดทนของเธอเสียแล้ว...หญิงสาวสูดลมหายใจแรงๆ เธอบดแครอทต้มผสมกับตับและฟักทองต่อ เพราะหญิงสาวกำลังทำอาหารมื้อกลางวันให้บุตรสาวรับประทาน เมนูวันนี้เธอคิดจะทำอาหารง่ายๆ มีหลายคนยื่นหน้ามาเมียงๆ มอง แต่บางคนก็คอยจิกกัด
และคนคนนั้นคือสาวใช้หน้าตาดีที่ชื่อไวโอเล็ต!!
“ทำเอาหน้า...เด็กหัวเท่ากำปั้นจะให้กินอะไรหนักหนา...”
“อย่ามาปากดีว่ะ...มึงเคยมีลูกจะรู้เหรอหะ อริสแค่ทำตามคุณหมอแนะนำ...เมื่อไม่รู้อย่ามาสาระแน”
สวีตตี้เจ้าเดิม หล่อนทำตัวเหมือนเป็นผู้พิทักษ์ทิพยอาภา หากเวลาไหนก็ตามที่ไวโอเล็ตตามมาแขวะ!!
สาวใช้รูปร่างสมส่วนสะบัดค้อนให้ หล่อนเดินจากไปแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“ทำอะไรอะอริส?”
แองเจลิน่าหลับสนิทหลังเล่นจนเหนื่อยและดื่มนมไป1ขวดใหญ่ เด็กน้อยทำปากหมุบหมับ มองหน้าอกมารดาตาปรอย แต่เพราะมีสวีตตี้อยู่ ทิพยอาภาจึงทำเป็นไม่สนใจ แม้หน้าอกเธอจะปวดแปลบ