Secret to be
:: 3 ::
ร้อยเล่ห์มารยาของแป้งร่ำ
“เฮียแจ้ พูดอะไรก็ไม่รู้ ขนลุกฉิบหาย”
“เฮียแค่เล่าให้ฟังเฉยๆ นี่นา”
“แต่พูดให้ฉันกับเธอ... แม่ง มันไม่ได้ปะวะ ทำไมใครต่อใครถึงมองฉันกับเธอมากกว่าเพื่อน” ซันทำหน้าครุ่นคิด “ทั้งไอ้สอง ทั้งเฮียไนท์ตอนนั้นก็เหมือนกัน ถ้าจะบ้า”
“อืม บ้าจริงๆ นั่นแหละ” หมายถึงนายนะที่ทั้งบ้า ทั้งโง่และซื่อบื้อสุดๆ
“ใช่ปะ อย่างเธอเนี่ยนะจะมาคบกับฉันได้ เหอะ สวยแซ่บขนาดนี้ หาผัวที่ไม่ใช่ฉันยังได้”
“อือ”
“อีกอย่างเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ เปลี่ยนไม่ได้หรอกเอาจริง อยากจะบ้ากับคนรอบข้าง” ฉันก็อยากจะบ้ากับเขาเหมือนกันนั่นแหละ โง่มาก ขนาดมีคนปูทางให้ขนาดนี้น่าจะคิดสักหน่อยปะ แล้วอะไรคืออย่างฉันจะคบกับเขาเป็นผัวไม่ได้เหรอ มันได้อยู่แล้วเพราะฉันชอบเขาไงอยู่ที่เขานั่นแหละว่ารู้สึกอะไรกับฉันมากกว่าเพื่อนหรือเปล่า “เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ 5 ขวบ จนตอนนี้ 23 ละ จะเปลี่ยนคงเปลี่ยนตั้งแต่วัยกำลังอยากรู้อยากลองแล้ว”
ก็ฉันเปลี่ยนไปแล้วไงตอน 17 ความรู้สึกของฉันชัดเจนตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นายไม่รู้เลยซันหรือไม่คิดจะรับรู้มันล่ะ
“ไม่คิดจะเถียงแทนหน่อยหรือไงวะ?”
“เถียงทำไม คนเรามีความคิดที่ไม่เหมือนกันนะซัน จะให้ไปห้ามเขาก็คงไม่ได้” อันนี้เหตุผลหลักๆ คือจะให้ไปเถียงใส่ได้ยังไงกันล่ะ ทั้งที่มันคือเรื่องจริงสำหรับฉัน แต่ซันมันไม่ใช่เรื่องจริงเขาถึงได้เถียงขาดใจ
“เออว่ะ”
“เพราะงั้นปล่อยไปเถอะ ใครจะคิดยังไงก็ช่าง” ใช่ เลิกเถียงให้ฉันเจ็บช้ำใจสักที “มันไม่ใช่เรื่องจริงนายก็ไม่เห็นต้องเถียงเลย นอกซะจากนายคิดกับฉันมากกว่านั้น”
“บ้าหรือไง! ใครจะไปคิดกับเธอแบบนั้นกัน”
“ถ้าไม่ได้คิดก็แค่ไม่เถียง แค่นี้ก็จบ” เพราะฉันเองก็ชอบที่คนรอบข้างมองว่าฉันกับซันเป็นคู่รักมากกว่าเพื่อน ยกเว้นเขาคนเดียวที่มองว่าเราคือเพื่อน เหอะ อยากจะตบศีรษะเขา เอาให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนจะได้หายโง่สักที
“โอเค ตามนี้ เหนื่อยจะเถียงเหมือนกันว่ะ” รถของซันเลี้ยวเข้ามาภายในบ้านที่เงียบสงบ อันเนื่องจากแม่บ้านคงจะหลับนอนกันไปหมดแล้ว ซันจอดรถขณะที่ฉันกำลังเปิดประตูหากแต่ว่าก็ดันคิดอะไรขึ้นมาได้ว่าตัวเองควรใช้มารยากับเขา
“โอ๊ย!”
“เป็นอะไรแป้ง”
“จู่ๆ ข้อเท้ามันก็เสียวแปลบอะ” หันไปสบตากับซันที่รีบลงจากรถเดินอ้อมมานั่งตรงหน้าฉัน เพื่อพลิกข้อเท้าดูไปมา อันที่จริงฉันสำออย มันไม่ได้เจ็บขนาดนั้นหรอกนะบางทีอาจจะหายแล้วก็ได้ “คงเพราะลงน้ำหนักตอนที่เดินหนีนาย”
“เฮ้อ”
“อุ้มหน่อย” กางแขนให้ซันที่ส่ายหน้าไปมา แอบเห็นว่าเขายิ้มให้ด้วยนะ
“เธอนี่นะ เหมือนเด็กน้อยที่ฉันต้องคอยดูแลไปตลอดจริงๆ”
“บอกเองนะว่าจะดูแลฉันไปตลอด”
“จนกว่าจะหาผัวได้” คงไม่มีวันนั้นหรอก ถึงต่อให้นายจะไม่ได้รู้สึกแต่ฉันก็คงไม่มีวันหาผัวได้หรือต่อให้ผู้ชายหลายคนต่อคิวเพื่อจะคบหากับฉันก็ตามที ซันลุกขึ้นโน้มตัวเข้ามาจังหวะนั้นริมฝีปากของฉันก็เฉียดตรงแก้มสาก เขาไม่ได้สนใจอะไร แต่กลับเป็นฉันเองที่หัวใจเต้นแรงขณะคล้องลำคอแกร่ง โดยที่ซันอุ้มฉันในท่าเจ้าหญิงเอาเท้าถีบประตูรถและเดินเข้ามาในบ้านที่มืดมีเพียงแสงจากโคมไฟและด้านบน ซันพาฉันมาถึงห้องนอนและวางฉันลงบนโซฟาปลายเตียง “เอาผ้าชุบน้ำเย็นประคบน่าจะลดบวมได้ อย่าลืมทำนะ ไปละ”
หมับ
“เดี๋ยวสิ แล้วใครจะประคบให้ฉัน”
“...”
“ค้างที่นี่กับฉันสักคืนได้ไหม? ฉันเจ็บข้อเท้ามากเลย” ว่าไงล่ะซัน ฉันอ่อยนายขนาดนี้แล้วนะ ถึงนายจะมองว่าเป็นการชวนเพื่อนหลับนอนปกติเพราะเราสองคนก็เคยค้างด้วยกันบ่อยๆ ทว่ามันต่างกันออกไปคือความรู้สึกที่แปรเปลี่ยน ซันขมวดคิ้วพลางสบตากับฉันที่ทำสีหน้าอ้อนๆ จนซันเบือนหน้าหนีเอามือลูบไล้ใบหน้าตัวเองราวกับหมดหนทางที่จะปฏิเสธ
“เธอนี่นะ เรื่องมากชะมัด”
“ไม่ได้เหรอ?” ทำเสียงอ่อนเสียงหวานและโน้มเอามือไปแตะตรงข้อเท้า “บวมจนปวดเลย”
“โอเคๆ ค้างก็ค้าง เดี๋ยวลงไปดูน้ำแข็งที่ครัว จะเอาผ้ามาประคบให้ พอใจยัง”
“จริงนะ”
“กระดี๊กระด๊าเชียวนะ ยัยบ๊อง”
ซันได้ทีผลักศีรษะฉันจนเอนไปตามแรง แม้จะไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำให้ฉันยกมือลูบไล้ตำแหน่งนั้น พลางมองร่างสูงเดินออกจากห้องไป ฉันก็ไม่รีรอที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่เป็นห้องสำหรับเก็บเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าต่างๆ โน้มตัวลงไปเปิดลิ้นชักและหยิบกางเกงผ้าบางสีดำกับเสื้อยืดสีขาว แน่นอนว่ามันเป็นของซันตั้งแต่ตอนสอบเข้ามหาลัย ช่วงนั้นฉัน ซันและสองมาติวหนังสือที่บ้าน แทบจะนอนสิงกันเลยทีเดียว ชุดของเขาฉันก็เลยเก็บมันเอาไว้อย่างดี พอได้มาก็รีบมานั่งบนเตียงแสร้งทำเป็นเจ็บข้อเท้าทั้งที่เมื่อกี้ยังเดินได้ปกติ
ดีใจจนแบบต้องเก็บอาการไม่ให้ซันเห็นว่าฉันตื่นเต้นแค่ไหน ปกติซันแทบจะไม่เคยมาค้างกับฉันเลยนับตั้งแต่เราสองคนเติบโตขึ้น มันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่เขาเจอลูกอ้อนแล้วก็ยอมฉันทุกอย่างจริงๆ มันน่าปลื้มใจนะที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อฉัน จะดีกว่านี้ถ้าหากมันไม่ใช่การทำเพราะฐานะเพื่อน แต่เป็นในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาจะทำให้
“น้ำแข็งมี ไปอาบน้ำดิ”
“นายนั่นแหละอาบก่อน เสื้อผ้านาย”
“ถามจริง นึกว่าทิ้งไปแล้วนะเนี่ย” ซันปิดประตูห้องเดินฉีกยิ้มมาหยิบชุดเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาดม “หอมด้วย”
“ใครจะไปทิ้งของนายกัน อีกอย่างฉันซักและเก็บเอาไว้อย่างดี”
“คิดถึงวันวานเลยแหะ ตอนที่มานอนค้างที่บ้านเธอช่วงสอบเข้ามหาลัย” พอนึกไปถึงตอนนั้นนะฉันก็ดันโง่ไม่ยอมสอบติดคณะเดียวกับซัน ไม่สิ ต้องบอกก่อนว่าดันไปติดที่อื่นที่ไม่ใช่ที่เดียวกับที่ซันและสองเรียน เพราะแบบนี้เราถึงห่างกันไง อย่างน้อยถ้าอยู่มหาลัยเดียวกันฉันก็จะได้เดินไปที่คณะของเขาได้อย่างสบายใจ แต่ตอนนี้แค่จะให้เขามารับมาส่งยังยากเลย เพราะต่างคนก็ต่างมีภาระหน้าที่ ทว่าฉันก็จะไม่ยอมให้เราสองคนต้องห่างไกลกันเด็ดขาด
“ไปอาบน้ำดิ จะได้มาประคบข้อเท้าให้ฉัน”
“รู้แล้ว ให้คิดถึงวันวานก่อนก็ไม่ได้” ซันบ่นใส่ฉัน จากนั้นเขาก็ล้วงมือหยิบรีโมทกุญแจรถ กระเป๋าเงินและมือถือสุดหรูสีน้ำเงินเข้มวางบนลิ้นชักหัวเตียง หยิบผ้าขนหนูที่พาดบ่าและเดินเข้าห้องน้ำไป ทันทีที่ประตูปิดลงฉันก็รีบคว้ามือถือของเขามากดเปิดหน้าจอ แน่นอนว่าหน้าจอเป็นรูปโปรโฟล์ปกติ
“รหัสของนาย...”
ถ้าจำไม่ผิดหรือถ้าไม่ได้เปลี่ยนก็จะเป็น 1505SUN เป็นรหัสวันเดือนที่เขาเกิดกับชื่อย่อภาษาอังกฤษ ซันเป็นพวกที่ไม่ค่อยเปลี่ยนรหัสผ่านมือถือ ดังนั้นพอกดปลดล็อกได้ฉันก็รีบกดเข้าไปที่ข้อความ ซึ่งต้องบอกก่อนนะว่าข้อความของฉันแทบจะไม่เห็นและเลื่อนกว่าจะเจอ คือโดนบดบังไปด้วยแชทจากสาวที่ซันหว่านเสน่ห์ใส่หรือร่วมหลับนอนแค่ครั้งคราวก็แยกย้าย พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดแทบบ้าเลยแหะ โปรไฟล์ของฉันเลยถูกดันลงไปด้านล่างเลย ซันไม่อ่านข้อความจากสาวที่ส่งมานับสิบข้อความเลย สงสัยที่เขาพูดคือเรื่องจริงตรงที่ว่าเรียนเหนื่อยก็เลยอยากพัก
พอค้นมือถือของซันว่าไม่มีอะไรหรือใครสำคัญกับเขานอกเหนือจากฉัน ก็วางมือถือไว้ตำแหน่งเดิม ลุกขึ้นไปหยิบชุดนอนที่จะสวมใส่นอนในคืนนี้ จึงเหลือหยิบชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวกับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วแบบเดียวกับเสื้อออกมาถือไว้เพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ หวังว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่ฉันนอนหลับฝันดีนะ
ฉันเปิดทีวีนั่งรอซันอาบน้ำในห้องน้ำ ไม่แน่ใจว่าอาบน้ำหรือตายกันแน่ หายไปนานมากๆ จนฉันเริ่มสงสัยลุกขึ้นเดินหวังจะไปเปิดประตูห้องน้ำที่เป็นแบบบานเลื่อนกระจกใสขุ่น ด้านนอกจะเป็นโซนอ่างล้างหน้าและไว้สำหรับแต่งตัว มีประตูกระจกบานเลื่อนใสขุ่นอีกห้องเป็นห้องอาบน้ำขนาดกว้างมีอ่างกุชชี่ให้แช่ตัวและชักโครก เอาจริงห้องฉันเหมือนห้องๆ หนึ่งที่ครบครันไปหมดซะทุกอย่าง ทันทีที่มือจับไปที่ขอบประตูบานเลื่อนยังไม่ทันได้ออกแรง ประตูเปิดขึ้นปรากฏให้เห็นร่างสูงใหญ่เวลานี้มีหยดน้ำบนเรือนร่างที่แข็งแกร่งและกำยำ
“จะมาอาบน้ำด้วยกันหรือไง?”
“จะบ้าเหรอ เห็นหายไปนานนึกว่าตกชักโครกตายไปแล้วน่ะสิ!” ฉันขึ้นเสียงใส่ซันเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง ก็หมอนี่เล่นนุ่งเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันเอวผืนเดียว มีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดลำคอ เส้นผมสีดำสนิทถูกเสยขึ้นรับกับใบหน้าหล่อคมคาย สีผิวของซันจะไม่ได้ออกขาวมากและไม่ได้คล้ำจนเกินไปยิ่งบวกกับรอยสักบนเรือนร่างเขาแล้ว บอกตามตรงนะซันดูฮอตและร้อนแรงจนฉันไปไม่ไปเลยทีเดียว ถ้าเป็นปกติคิดกับเขาแค่เพื่อนเห็นเขาในสภาพนี้ก็จะไม่หวั่นไหวหรอก
“มาแล้วก็ไปอาบน้ำดิ เดี๋ยวลงไปเอาน้ำแข็งมาประคบข้อเท้าให้”
“อือ” เบือนหน้าหนีซันที่ทำไมหมอนี่เดินเข้ามาใกล้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกหัวใจเต้นแรงจนหน้าร้อนไปหมด
“เป็นอะไร ทำยังกับไม่เคยเห็น”
“เคยเห็น” แต่มันต่างกันเพราะว่าฉันไม่ได้คิดกับนายเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้วไง แค่นี้ก็ไม่เข้าใจคิดดู เขาต้องโง่ขนาดนี้เวลาเห็นผู้หญิงเบือนหน้าหนีต้องคิดแล้วปะว่าเขาอาจจะเขินก็ได้ หมอนี่กลับไม่คิดแบบนั้นและเอื้อมมือมาบีบปลายคางฉัน เป็นการบีบแบบเบาไม่ได้รุนแรงแบบฉลาม
“แล้วหลบหน้าทำไม?”
“หลบตรงไหน แค่เห็นแล้วมันอุจาดตาเฉยๆ”
“หุ่นฉันดีจะตาย ใครเห็นก็หลงใหลด้วยกันทั้งนั้น” ข้อนี้ไม่เถียง แต่จะให้บอกเหรอว่า ‘เออ ฉันโคตรหวั่นไหวเลยว่ะ’ หมอนี่คงมึนงงเป็นไก่ตาแตกแน่ว่าทำไมเพื่อนสาวคนสนิทมาเขินกับอีแค่เขาเปลือยหลังอาบน้ำเสร็จ ไม่เชิงกับเปลือยโป๊ แบบเห็นร่างกายของซันบ่อยจริง แต่มันก็ไม่ได้ใกล้ขนาดที่ว่าเห็นแม้กระทั่งหัวนมของเขาอะนึกออกไหม? “อย่างว่านะ เธอจะมาหลงใหลได้ไง เป็นเพื่อนนี่หวา”
“...”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว”
ซันผลักศีรษะฉันและเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนฉันก็ได้แต่ยกมือทาบทับตำแหน่งหัวใจของตัวเอง เต้นแรงเป็นบ้าเลย อยากจะจิกทึ้งเส้นผมของตัวเองให้ขาดสะบั้น ทำไมต้องแสดงออกให้ซันเห็นแบบนั้นด้วยนะ แต่ถึงแบบนั้นต่อให้แสดงออกว่ารู้สึกยังไง คนโง่ก็ยังคงเป็นคนโง่อยู่วันยันค่ำนั่นแหละ เหอะ
[50%]
*---------------------------------------------*