ทที่ 5 แก้ข่าว

2423 คำ
-Other- กว่าจะเลิกงานคุณหมอหนุ่มต้องทำวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลคนไข้ในการดูแล เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดกาวน์ออกแขวนที่ราวแขวนเสื้อภายในห้องทำงานของเขาเอง เตชินท์พ่นลมหายใจออกมาเมื่อไม่สามารถสลัดความคิดบางอย่างออกจากหัวได้ ร่างหนาคว้ากระเป๋าเอกสารก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องทำงานของเขาออก “กลับแล้วเหรอคะ” “ครับ...พรุ่งนี้เหมือนเดิมนะครับ” พยาบาลสาวฉีกยิ้มรับคำสั่งของคุณหมอหนุ่ม เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังจากนั่งดูข่าวในทีวีหน้าห้องทำงาน วันนี้เธออยู่เวร ทว่า “เอาล่ะค่ะ ข่าวใหญ่ของวงการบันเทิงในวันนี้ที่ยังคงเป็นกระแสตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้นะคะ คุณพิ้งค์พลอยดาราสาวที่ขับรถชนรถเก๋ง Honda Civic จนท้ายรถพังยับเยิน แต่รถหรูพอร์ชรุ่นใหม่ของเธอไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่ว่าประเด็นมันเลยเถิดมาไกลมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เมื่อคู่กรณีของเธอได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าดาราสาวจะให้เงินค่าทำขวัญมากถึงสามล้านบาท ซึ่งคุณพิ้งค์พลอยก็ได้ปฏิเสธไปเบื้องต้น แล้วทีนี้...ก็ไม่รู้เลยน่ะสิคะว่าใครพูดจริงใครพูดไม่จริงกันแน่ เอาเป็นว่าเราไปดูภาพเหตุการณ์ย้อนหลังกันอีกทีค่ะ” เตชินท์ข่มเปลือกตาลงหลังจากที่เผลอหันไปดูข่าวบนหน้าจอทีวี เขาไม่สามารถดึงความคิดของตัวเองออกจากเรื่องของพิ้งค์พลอยได้เลยสักนิด ชายหนุ่มละสายตาออกจากหน้าจอทีวีหันกลับมามองหน้าพยาบาลสาวอีกครั้ง “เป็นห่วงคุณพลอยจังเลยค่ะ” “_” “ฉันไม่คิดว่าเธอจะพูดอย่างนั้นนะคะ คิดว่าเธอน่าจะระวังคำพูดพอควรเลย แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อเธอแล้ว” ภาพฟ้ารู้จักพิ้งค์พลอยเป็นอย่างดี แม้ว่าเธอจะปากร้ายแต่หญิงสาวก็รู้ว่าเธอเป็นคนจิตใจดี “ผมกลับก่อน” ชายหนุ่มไม่มีท่าทีสนใจเรื่องที่พยาบาลสาวพูด เตชินท์เดินออกจากโรงพยาบาลไปที่รถยนต์ของเขา ลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นออกจากปลายจมูกคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เตชินท์ขับรถมาถึงทางแยก เขาหันมองซ้ายมือที่จะสามารถกลับไปที่บ้านของเขา ชายหนุ่มลังเล เขารู้สึกอยากกลับบ้านไปคุยเรื่องบางเรื่องกับลุงของเขา ก็คงไม่พ้นเรื่องของพิ้งค์พลอย ขณะเดียวกันทางด้านขวามือ เขาก็สามารถขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนี่ยมได้ในเวลาเพียงแค่สิบห้านาที ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ เขาควรปล่อยเรื่องของพิ้งค์พลอยให้เป็นไปตามทางของเธอ เตชินท์เลือกที่จะเลี้ยวไปทางด้านขวามือเพื่อกลับคอนโด ทว่า “บ้าเอ๊ย...” เขาก็ยูเทิร์นรถกลับบ้านในที่สุด รถเมอร์เซเดสเบนซ์สีขาววิ่งด้วยความเร็ว เตชินท์รู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถกระทำตามสมองสั่งได้ ไม่นานรถคันหรูก็พาเขามาถึงบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า บ้านเดี่ยวสามชั้นตั้งอยู่ในหมู่บ้านกลุ่มคนมีเงิน หรือเรียกได้ว่าเป็นบ้านของมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของประเทศ ตระกูลของเขาเป็นผู้ดีเก่า เตชินท์ลงจากรถพร้อมกับมีแม่บ้านวิ่งมาเปิดประตูรั้วให้กับเขา เขามองบ้านหลังใหญ่นี้พร้อมกับยกยิ้มมุมปากเบา ๆ คฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางเมืองหลวง อาจนรงค์กุล เป็นสกุลเก่าแก่ ที่สืบเชื้อสายมาจากขุนนางและเจ้านายในวงศ์พระร่วงแห่งกรุงศรีอยุธยา ติณณภพ อาจนรงค์กุล บุตรคนที่สองของบ้านซึ่งเป็นบิดาของเตชินท์ อาจนรงค์กุล “สวัสดีค่ะ...” คุณหมอหนุ่มยื่นกุญแจรถคันหรูให้แม่บ้านจัดการเก็บรถให้ เขาเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้บอกใครล่วงหน้าว่าวันนี้เขาจะกลับบ้าน ทำเอาน้ำชาที่เป็นแม่เลี้ยงของเขาตกใจ “อ้าว...เต” หญิงวัยกลางคนที่ยังสวยเช้งเหมือนสมัยสาว ๆ ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนที่เตชินท์จะยกมือไหว้ “สวัสดีครับ” “ลมอะไรหอบมาเอ่ย ลมข่าวหรือเปล่านะ” น้ำชาดูออกว่าเตชินท์กลับบ้านมาเพราะอะไร เธอโอบกอดเตชินท์ด้วยความคิดถึง แม้ว่าจะอยู่ประเทศเดียวกัน แต่นานทีปีหนเตชินท์จะกลับมาบ้าน “คุณน้าครับ ต้องตาล่ะ” “นอนแล้ว กลับมาจากโรงเรียนก็เหนื่อย น่าจะหลับไปแล้ว” ชายหนุ่มยิ้มรับ ต้องตาเป็นน้องสาวของเขา แต่เป็นน้องสาวคนละแม่ “พ่อล่ะครับ” “อ้อ...อยู่ที่ห้องทำงานคุณลุงน่ะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “งั้นผมขอไปหาพ่อก่อนนะครับ” น้ำชาฉีกยิ้ม เธอรู้ว่าเตชินท์กำลังคิดอะไรอยู่ “โอเค ไว้ลงมาหาน้าหน่อยนะ น้าอยากรู้ว่าเราสบายดีไหม” “หึ ผมสบายดีครับ” เตชินท์ว่าพร้อมกับยิ้มให้กับแม่เลี้ยงของเขา ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านโดยมีสายตาของน้ำชามองด้วยความเป็นห่วง เธอไม่รู้ว่าเตชินท์หายดีแล้วหรือยัง ได้แต่ภาวนาให้เขาใช้ชีวิตเหมือนกับคนปกติเสียที ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่บนชั้นสองของบ้าน ชายวัยกลางคนหน้าตาดี เขาไม่ทิ้งเคล้าความหล่อเหลาสมัยเป็นหนุ่ม ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันเรื่องข่าว “เขินอาย โทรมาบอกว่าอยากให้พี่ปิดข่าวของพิ้งค์พลอยให้ เหมือนกับตอนปิดข่าวของเธอ แต่...มันไม่เหมือนกัน” ตรัยคุณอาจนรงค์กุล พูดถึงบุตรสาวที่เป็นเพื่อนของพิ้งค์พลอย ตอนนี้คนเป็นลูกอยู่ที่ต่างประเทศ เธอโทรมารบเร้าผู้เป็นพ่อ อยากให้พ่อใช้อำนาจในวงการบันเทิงปิดข่าวเหมือนกับข่าวของเธอในอดีต ซึ่งตรัยคุณเป็นเจ้าของโมเดลลิ่งที่พิ้งค์พลอยสังกัดอยู่ ทว่ามันไม่ง่ายเหมือนกับตอนนั้น “ข่าวมันออกเร็วมาก แถมพิ้งค์พลอยยังทำให้ข่าวมันยุ่งยากมากกว่าเดิมอีก” “พี่ก็เลยจะปล่อยไปว่างั้นเถอะ” ติณณภพว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เหมือนจะถึงคราวลอยแพพิ้งค์พลอยเสียแล้ว “ก็ไม่อยากให้พูดอย่างนั้น เดี๋ยวเตก็จะคิดไม่ดี ก็ตอนนี้ดาราในสังกัดคนอื่นที่อยากเป็นนักแสดงจริง ๆ ก็พร้อมขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว” เสียงพูดคุยของผู้เป็นพ่อกับลุงของเขาทำให้คุณหมอหนุ่มชะงักฝ่าเท้าไป เขาผลักประตูที่ปิดไม่สนิทนั้นเข้าไปด้วยความไม่พอใจ แอ๊ดด~ “หมายความว่าไงครับ” เสียงของบุตรชายทำให้ติณณภพหันขวับไปมอง เขาไม่คาดคิดว่าเตชินท์จะกลับมาบ้าน เช่นเดียวกับตรัยคุณ “เอ่อ...มาตอนไหนน่ะเรา” “มานานพอได้ยินว่าลุงจะลอยแพพิ้งค์พลอยมั้งครับ” ชายหนุ่มว่าด้วยความไม่พอใจ ว่ากันตามตรงบริษัทของคุณลุงเติบโตมาได้เพราะพิ้งค์พลอยเสียด้วยซ้ำ เธอทำงานตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เธอเสียอีก “ไม่ได้คิดจะลอยแพ แค่อยากปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมัน พิ้งค์พลอยเล่นพูดอย่างนั้นมันไม่ถูก” “เต...มานั่งดี ๆ” ชายหนุ่มหันไปมองบิดาวัยห้าสิบต้น ๆ เขามีลูกตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นทำให้อายุห่างกันเพียงยี่สิบกว่าปี “เตฟังลุงนะ กระแสข่าวตอนนี้คือทุกคนคิดว่าพิ้งค์พลอยรวยแล้วจะทำอะไรก็ได้ ทางนั้นเล่นพูดว่าเธอจะให้เงินทำขวัญเยอะขนาดนั้น” “แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีหลักฐานว่าพูดจริงนิครับ” เตชินท์นั่งลงที่โซฟาตามคำสั่งของบิดา เขาว่าน้ำเสียงจริงจัง “แต่พิ้งค์พลอยเป็นคนมีชื่อเสียง อย่ามีเรื่องเลยจะดีกว่า มีแค่เธอที่เป็นฝ่ายเสียหาย” เตชินท์มองหน้าคุณลุงตรัยคุณ คุณลุงตรัยคุณเป็นพี่ชายของพ่อเขา ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์โมโห เพราะดูเหมือนว่าท่านจะลอยแพพิ้งค์พลอยจริง ๆ “แต่ถ้าเธอจ่ายเงินให้ สังคมก็จะบอกว่าเธอใช้เงินฟาดอีก” “_” “ผมมองไม่เห็นทางที่จะช่วยเธอไม่ให้เป็นข่าว” บิดาของเจ้าของคำพูดหันมามองหน้าบุตรชาย คำพูดนี้มันแปลก ๆ ไม่น่าออกมาจากคนที่บอกว่าไม่คิดอะไรกับพิ้งค์พลอยแล้ว “เป็นห่วงน้องเหรอ” “เปล่า” เขาตอบกลับทันควัน ติณณภพถอนหายใจออกมา เป็นห่วงจนถ่อมาถึงที่นี่ ยังทำเป็นปากแข็งอีก “ซื่อสัตย์กับหัวใจหน่อย” “...ไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้วครับ” เตชินท์บ่ายเบี่ยง ทำเอาคนเป็นพ่อหัวเราะออกมาเบา ๆ “แล้วเราคิดว่าไง คิดว่าจะทำยังไง” คนเป็นพ่อเอ่ยถาม ซึ่งคำถามนี้ก็ไม่มีคำตอบจากเขา ชายหนุ่มคิดไม่ออกเช่นกัน “มีแค่ทางเดียว...ก็คงต้องปิดปาก ให้อีกฝ่ายแก้ข่าวให้ บอกว่าพิ้งค์พลอยไม่ได้พูด” “ปิดปาก?” “หลานจะยอมไหมล่ะ ไอ้นั่นบอกว่าพิ้งค์พลอยจะให้สามล้าน เราก็ต้องให้มากกว่านั้น สี่ถึงห้าล้านเลยล่ะ” เตชินท์เม้มริมฝีปาก เขาพ่นลมหายใจออกมา เงินมากขนาดนั้นเขาจะหามาจากที่ไหนถ้าไม่ปรึกษาพ่อของเขา “เงินเดือนหมอไม่เท่าไรเองนะ...” ติณณภพเอ่ยพูดขึ้น เงินเดือนจิตแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชน ดีที่เขามีชื่อเสียงอยู่พอควร เงินเดือนก็หกหลักต้น ๆ แต่สี่ถึงห้าล้านแบบนั้นมันไม่ง่ายเลย “ทางนั้นโทรมาหาลุงแล้วล่ะ แม่เธอน่ะ...เห็นบอกว่าพิ้งค์พลอยอยากเลิกเป็นดารา” “มันไม่ใช่ว่าเลิกเป็นดาราแล้วเรื่องจะจบครับ เธอยังคงถูกพูดถึงตลอด” เตชินท์ยกมือขึ้นเสยผม พิ้งค์พลอยคิดไม่เป็นสักเท่าไร เธอมีสมองเท่าเมล็ดถั่วเขียวกระมัง “แล้วเราจะเอาไง มาทำงานกับลุงสิ รายการโทรทัศน์ที่ลุงบอกไง” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง เขาสามารถขอเงินบิดาได้ แต่ก็นั่นแหละ เตชินท์คิดว่าเขาโตเกินกว่าที่จะทำอย่างนั้น “นานไหม” “ดูเรตติ้ง ดีก็ยาวเลย ไม่ดีก็จบ ๆ ไป แต่เดี๋ยวนี้คนมีปัญหาสุขภาพจิตเยอะ ถ้าเรามาเป็นหมอที่ปรึกษาให้ หน้าตาเราอีก รายการน่าจะมีคนดูเยอะ” ได้ยินอย่างนั้นเตชินท์ก็พ่นลมหายใจออกมา ลุงของเขาก็เป็นเช่นนี้ มองเห็นผลประโยชน์เป็นอันดับแรก หัวของนักธุรกิจมักคิดแค่ผลประโยชน์เป็นปกติ “โอเค หวังว่าผมจะได้ยินข่าวดี” คำตอบรับของเตชินท์ทำให้ติณณภพส่ายหน้าเบา ๆ ลูกชายของเขายังคงมีความรู้สึกดี ๆ กับพิ้งค์พลอยอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เหตุไฉนเขาถึงปฏิเสธอยู่ร่ำไป “อยู่กินข้าวที่นี่นะ” “ไม่ดีกว่าครับ ผมมีงานวิจัยค้างอยู่ ขอกลับไปทำงานก่อน” “โอเค พ่อไม่บังคับ” ทว่าพอบิดาว่าเช่นนี้ชายหนุ่มก็ต้องยอมโดยที่ท่านไม่ได้บังคับ “ก็ได้ครับ กินแล้วผมกลับเลย” “ได้ ได้เลย” พอโตขึ้นเตชินท์ก็มีความเป็นส่วนตัวสูงมากกว่าเดิม ผู้เป็นพ่อพยายามไม่ก้าวก่าย ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เขาโตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ ทว่าปัญหาทางจิตของเขานั้น เขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง เห็นแพทย์เจ้าของไข้บอกว่าเขาไม่ต้องรับยาแล้ว ได้แต่ภาวนาว่าเขาไม่ได้โกหก ไม่เช่นนั้นมันอาจจะสายไป เวลาต่อมา... -พิ้งค์พลอย- พ่อกับแม่ทะเลาะกันจริง ๆ ด้วย แม้ว่าพ่อจะขึ้นมาบอกกับฉันว่าไม่ต้องห่วง แต่ดูเหมือนว่าเรื่องของฉันจะทำให้แม่โกรธมาก ท่านไม่คุยกับฉันแม้ว่าฉันจะเดินกะเผลกมาหาก็ตาม “หนู...ขอโทษค่ะ” ฉันเอ่ยปากบอกแม่ที่กำลังนั่งตะไบเล็บอยู่บนโซฟาภายในห้องนอนของท่าน โดยที่คุณพ่ออยู่ข้างนอกห้องเพราะอยากให้เราสองคนปรับความเข้าใจกัน “จะเลิกเป็นดารา?” “_” “แม่ถามคำเดียวพลอย...แล้วลูกจะทำอะไรชีวิตนี้” ฉันเม้มริมฝีปากเพราะไม่สามารถตอบคำถามของคุณแม่ได้ “แม่ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่างมาอยู่บ้านพ่อตัวเปล่า ทำได้แค่เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้าในห้างฯ ให้พ่อ นอกนั้นแม่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม่รู้ว่าหนูอึดอัด แต่บอกแม่สิ...ถ้าเราไม่เป็นดาราเราจะทำอะไร” ฉันก้มหน้าลง เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว แม่พูดถูก ฉันทำอะไรไม่ได้เลย เรียนไม่เก่ง แล้วก็ไม่ค่อยฉลาด คิดไม่เป็นประมาณนั้น “คุณอารู้แล้วนะ ไม่พอใจมาก ๆ ด้วยที่เราบอกว่าไม่อยากเป็นดาราแล้ว สินค้าก็จะขายไม่ออกไปพร้อมกับเรา มันแย่มากแค่ไหนพลอยคิดไหม หรือพลอยคิดแค่ว่าถ้าทำตัวแย่ ๆ ก็จะได้เลิกเป็นดารา” “ไม่ใช่นะ อึก หนูแค่...” “รอบที่แล้วเหมือนกัน หนูก็ไปบอกนักข่าวว่ามีแฟน แล้วเป็นไง ทางนั้นเขาออกมาพูดอะไรไหม” “_” “เขาไม่สนใจหนูเสียด้วยซ้ำ ไปบอกคุณอา ไปขอให้เขาช่วยถ้ายังอยากจะช่วยธุรกิจที่บ้าน อย่างน้อยก็ได้ช่วยดีกว่าทำตัวไม่มีประโยชน์ใช้เงินไปวัน ๆ” คำพูดของคุณแม่ทำให้ฉันร้องไห้ออกมา ไม่ชอบให้แม่พูดแบบนี้เลย แม่ย้ำตลอดว่าฉันไม่เก่ง ไม่มีประโยชน์ และก็เป็นได้แค่เครื่องหมายการค้า บางทีฉันก็อยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง รวมถึงเรื่องพี่เตชินท์ ไม่คิดว่าแม่จะยกเรื่องนี้มาพูดอีก ถ้าพี่เขาออกมาบอกนักข่าวสักหน่อยมันก็ดี แต่เขากลับทำเมินจนนักข่าวตีข่าวของฉันเละเลย บ้างก็ว่าฉันออกตัวแรงแต่เขาไม่เอา ข่าวแรงขนาดนี้เขายังไม่ออกมาพูดเลยสักคำ...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม