“เนื้อหาดีเลย น้องเพลิงทำเต็มที่นะเพราะวันนี้คุณเหนือนภาจะมาดูเอง” กระแตที่ดูเนื้อหาการพรีเซ้นท์ของพระเพลิงก็ได้แต่เอ่ยปากชมและวันนี้มันก็คือครั้งแรกของการพรีเซ้นท์งานของพระเพลิง
ที่กระแตให้พระเพลิงเป็นคนพรีเซ้นท์เองนั่นเพราะสินค้าตัวนี้พระเพลิงเป็นคนคิดขึ้นมา หากกระแตจะเอาความดีความชอบก็คงไม่ได้เพราะหลักๆของความคิดนี้คือพระเพลิง ส่วนกระแตก็คอยให้คำปรึกษาเสนอสินค้าให้ทุกฝ่ายรับรู้จนถึงวันนี้ก็จะได้รู้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
“คุณเหนือนภาหรอครับ” พระเพลิงที่ไม่คุ้นกับชื่อที่ได้ยินก็ได้แต่พูดขึ้นเพราะตั้งแต่มาฝึกงานได้หนึ่งเดือนกว่าๆชื่อนี้พระเพลิงไม่เคยได้ยินเลย
“คุณเหนือนภาเจ้าของบริษัท วันนี้เขาจะมาฟังพรีเซ้นท์หัวข้อการเสนอสินค้าของน้องเพลิงเอง”
แน่นอนว่าคำพูดของกระแตทำพระเพลิงตกใจไม่น้อยกับสิ่งได้ยิน ความประหม่าเกิดขึ้นกับตัวเองเพราะคำว่าเจ้าของบริษัท
“พี่กระแต เพลิงไม่มั่นใจเลย”
ตอนนี้ความกังวลกำลังย่างเข้ามาเพราะอีกคนเป็นถึงเจ้าของบริษัทต่างกับพระเพลิงที่เป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัทด้วยซ้ำ
“น้องเพลิงทำได้พี่มั่นใจ ตัวเองเป็นคนคิดสินค้านี้เองต้องพรีเซ้นท์ทำให้ทุกคนเห็นชอบที่จะผลิตให้ได้โอเคไหม” กระแตได้แต่ตบไหล่พระเพลิงเพื่อเป็นการให้กำลังใจ
น้องเพลิงคนนี้น่ารักน่าเอ็นดู อีกทั้งยังเก่งมากๆจนตัวกระแตเองก็ยอมรับในความเก่ง อยากผลักดันเด็กคนนี้ไปให้ไกลกว่านี้
“คุณเหนือนภาเป็นถึงเจ้าของบริษัท เพลิงกังวลครับ”
“น้องเพลิงทำได้และพี่มั่นใจว่าน้องเพลิงจะทำออกมาได้ดี”
ตอนนี้พระเพลิงได้แต่ฮึบสู้กับคำพูดให้กำลังใจของกระแต อย่างแรกที่พระเพลิงควรจะทำคือเลิกกังวลและเลิกประหม่าเพราะเขาควรมั่นใจในตัวเอง
พร่ำซ้อมและเตรียมการพรีเซ้นท์มาอย่างดีจะมาตกม้าตายเพราะความกังวลและความประหม่าก็คงไม่ได้
“เราไปกันครับพี่กระแต ใกล้ถึงเวลาแล้ว” พระเพลิงพูดจบก็เดินตรงมายังห้องประชุมกับกระแตก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆกระแต
แน่นอนว่าตอนนี้ทุกคนมาครบหมดแล้วจะเหลือก็แค่เก้าอี้หัวโต๊ะที่คงเป็นเก้าอี้ของคุณเหนือนภาเจ้าของบริษัท อีกทั้งเด็กฝึกงานในบริษัทนี้ก็ไม่ได้มีพระเพลิงคนเดียว ยังมีเพื่อนที่มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพระเพลิงอีกสองคนแต่จะเรียกเพื่อนก็ไม่ถูกเพราะทั้งสองคนนั้นไม่ได้มองว่าพระเพลิงเป็นเพื่อนเลย
“ขอโทษที่มาช้านะคะ พอดีว่ารถติดมาก” เสียงหวานพูดขึ้นเรียกสายตาของคนทั้งห้องประชุมได้เป็นอย่างดีแม้แต่พระเพลิงเองก็ต้องหันไปมองจนตอนนี้ไม่สามารถละสายตาไปไหนได้
ผู้หญิงคนที่เดินเข้ามาแต่งตัวด้วยชุดสูทสีขาวพร้อมกับรองเท้าส้นสูง ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนสวยสะดุดตา ส่วนผมก็ถูกลอนและปล่อยยาวลงกลางหลัง
แน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณเหนือนภาเพราะมันคงเป็นคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว
“เริ่มประชุมได้เลยค่ะ เราเสียเวลามามากแล้ว” เหนือนภาพูดขึ้นทันทีเพราะตัวเธอเองมาช้าจนตอนนี้เวลาในการประชุมล่วงเลยไปกว่ายี่สิบนาทีแล้ว
“น้องเพลิงลุกได้แล้ว” กระแตเป็นเหมือนคนเรียกสติเพราะตอนนี้พระเพลิงกำลังเหม่อ เหม่อลอยไปกับเหนือนภาที่เดินเข้ามา
“น้องเพลิง”
“น้องเพลิง”
แต่ทว่ากระแตไม่ได้เรียกเพียงครั้งเดียวเพราะกระแตเรียกพระเพลิงไปมากกว่าสามครั้งก่อนที่มือเรียวจะเขย่าตัวพระเพลิงเบาๆเพราะตอนนี้ทุกสายตาต่างหันมามองหมดแล้ว
“น้องเพลิง”
“คะ...ครับๆ” พระเพลิงที่ได้สติพูดขึ้นทันทีก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินตรงมายังด้านหน้าเพื่อพรีเซ้นท์งานสินค้าตัวใหม่ที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมา
“สวัสดีครับ ผมชื่อพระเพลิงครับเป็นเด็กฝึกงานแผนกวิจัยและพัฒนาครับ วันนี้ผมจะมานำเสนอสินค้า...” พระเพลิงพูดขึ้นก่อนจะเริ่มพรีเซ้นท์งาน
ตอนนี้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้กำลังให้ความสนใจกับพระเพลิงไม่แม้แต่เหนือนภา เหนือนภาได้แต่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าเพราะทั้งท่าทางและความคิดต่างๆที่แสดงออกมาให้เห็นมันดีมาก
“ใครเป็นคนคิดสินค้าชิ้นนี้” เมื่อเข้าสู่ถามคำถาม เหนือนภาก็ไม่รอช้าที่จะถามขึ้นเพราะไอเดียดีๆแบบนี้ เธอเองก็อยากสั่งผลิตเพราะคงเป็นที่ต้องการของท้องตลาด
“ผมเองครับ” คำตอบของพระเพลิงทำเหนือนภาแทบไม่เชื่อเพราะใครจะคิดว่าเด็กฝึกงานจะมีหัวคิดไอเดียดีๆ
“ฉันสนใจสินค้าที่นายพรีเซ้นท์นะเพราะมันคงเป็นที่ต้องการของท้องตลาดแต่รูปแบบมันยังดูไม่โดดเด่น” ทุกอย่างถูกใจเหนือนภาหมดแล้ว จะเหลือก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกที่มันดูไม่ตอบโจทย์กับแบรนด์ของเธอ
“ผมทราบครับแต่อยากให้คุณเหนือนภารับไอเดียของผมไว้พิจารณา”
พระเพลิงคาดหวังไม่น้อย ถึงมันจะไม่ได้ทำให้พระเพลิงมีอะไรมากมายเพราะเป็นแค่เด็กฝึกงานแต่หากสินค้าที่ตัวเองคิดค้นเปิดขายสู่ตลาดก็ภูมิใจไม่น้อย
“เอาเป็นว่าเรื่องไอเดียฉันโอเคแต่ที่นายต้องทำเพิ่มคือการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอก” คำพูดของเหนือนภาทำพระเพลิงยกยิ้มออกมา
“ครับ”
“ฉันให้เวลานายสองอาทิตย์คงไม่น้อยไปใช่ไหม”
“ไม่ครับ”
“ระหว่างนี้ก็ย้ายโต๊ะทำงานจากแผนกของนายไปอยู่ชั้นผู้บริหารเพราะฉันจะเป็นช่วยนายพัฒนาสินค้าตัวนี้เอง” เหนือนภาพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเธอเองก็ถูกใจเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อย
ไม่ว่าจะหน้าตา ท่าทางและความคิดความฉลาด คนแบบนี้เหนือนภาอยากทำงานด้วย ยิ่งเก่งๆแบบนี้ยิ่งต้องเอาไว้ใกล้ตัวเพราะหากมีอะไรจะได้คุยกันได้ง่ายๆ
“มะ...หมายความว่ายังไงครับ” พระเพลิงที่ได้ยินก็ได้แต่ถามขึ้นเพราะเขาเองค่อนข้างงุนงงกับคำพูดของเหนือนภา
“ฉันหมายความว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โต๊ะทำงานของนายจะถูกย้ายไปชั้นผู้บริหาร นายจะต้องทำงานกับฉันจนกว่าสินค้าตัวนี้จะสำเร็จลุล่วง”
“เข้าใจแล้วครับ” พระเพลิงตอบกลับไปเพราะตอนนี้ตัวเขาเองเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว
หลังจากที่คุยกับคุณเหนือนภาเสร็จ การประชุมก็ถูกสรุปอีกครั้งโดยพระเพลิงก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายออกจากห้องประชุมแต่ทว่าในระหว่างที่พระเพลิงจะลุกจากเก้าอี้เดินตามกระแตออกไป เสียงหวานของเหนือนภาก็เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มคนนี้ไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนพระเพลิง”
“มะ...มีอะไรกับเพลิงหรือเปล่าครับคุณเหนือนภา” พระเพลิงถามขึ้นทันทีเพราะอยู่ๆคุณเหนือนภาก็เรียกตัวเขาไว้
“เพลิง ?” แน่นอนว่าเหนือนภาสงสัยไม่น้อยกับสรรพนามแทนตัวเองของพระเพลิง
“ขอโทษครับคุณเหนือนภา พอดีผมลืมตัว” พระเพลิงตอบกลับไปตามตรง เขาลืมตัวจริงๆเพราะปกติพระเพลิงก็ชอบแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นแบบนี้อยู่แล้ว
“เอาตามที่นายสะดวก จะแทนตัวเองว่าเพลิงฉันก็ไม่ว่า” เพราะมันก็ดูน่ารักเหมาะสมกับหน้าตาไม่น้อยเมื่อพูดแบบนี้ออกมา
เด็กหนุ่มอย่างพระเพลิง หากจะมองว่าหล่อก็หล่อไร้ที่ติแต่หากจะมองว่าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มก็คงมองได้เหมือนกันเพราะท่าทางนิ่มๆ อ่อนน้อม ถ่อมตนแบบนี้ทำให้บุคลิกของพระเพลิงมันไปทางเดียวกับคำพูดที่แทนตัวเองด้วยชื่อ
“เข้าใจแล้วครับ”
“ไม่ต้องทำหน้าประหม่าแบบนั้น ฉันแค่จะถามนายว่าสินค้าชิ้นนี้เป็นนายคิดคนเดียวหรือมีใครร่วมคิดด้วย” เหนือนภาถามขึ้นเพราะมันเป็นครั้งแรกเลยที่หัวหน้าแผนกยกให้เด็กฝึกงานเป็นคนพรีเซ้นท์งาน
“ไอเดียเริ่มต้นคือเพลิงครับ ส่วนที่ปรึกษาคือพี่กระแต” พระเพลิงตอบกลับไปตามตรงเพราะหากไม่มีพี่กระแตคนที่เป็นพี่เลี้ยงของพระเพลิง งานชิ้นนี้ก็คงไม่มาถึงขนาดนี้
“อีกกี่เดือนนายถึงจะฝึกงานจบ” เหนือนภาถามขึ้นเพราะก่อนหน้านี้ตัวเธอเองก็ไม่ค่อยได้เข้าบริษัทแต่หลังจากนี้คงจะเข้าทุกวันเพราะเธอเคลียร์ธุรกิจอื่นๆที่กำลังขยายลงตัวแล้ว
“อีกสามเดือนครับ ระยะเวลาการฝึกงานของเพลิงคือสี่เดือน” พระเพลิงตอบกลับไปตามตรงก่อนจะยกมือเกาท้ายทอยเพื่อแก้เขิน
รู้สึกแปลกๆไม่น้อยเมื่อคุยกับคุณเหนือนภาสองต่อสองแบบนี้ อีกทั้งความสวยของคุณเหนือนภายังทำพระเพลิงไม่เป็นตัวเอง ให้ตายสิ ! พระเพลิงไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
“สนใจทำงานที่นี่ไหมพระเพลิง” เพราะคนเก่งๆแบบนี้เหนือนภาไม่อยากปล่อยไปให้กับบริษัทอื่นๆ
ขนาดทำงานเป็นเด็กฝึกงานยังคิดค้นพัฒนาสินค้าได้ถึงขนาดนี้ หากทำงานเต็มตัวมีทีมของตัวเองก็คงจะเก่งกว่านี้เป็นไหนๆ
“ทำงานหลังเรียนจบหรอครับ” พระเพลิงถามขึ้นด้วยความตกใจเพราะพระเพลิงเองก็อยากมีงานทำในตอนที่เรียนจบ หากคุณเหนือนภายื่นข้อเสนอให้แบบนี้ แน่นอนว่าพระเพลิงไม่ปฏิเสธแน่ๆ
“ใช่”
“สนใจครับคุณเหนือนภา”
แน่นอนว่าพระเพลิงไม่ปฏิเสธเพราะตัวพระเพลิงเองก็อยากมีงานดีๆทำเพื่อจุนเจือครอบครัวเพราะทุกวันนี้มันก็แทบไม่พออยู่แล้ว
“ฉันจองตัวนายไว้ เอาไว้ฉันจะทำเอกสารให้เพราะคนอย่างนายฉันอยากมีไว้ในบริษัท”
“เพลิงยินดีมากๆครับคุณเหนือนภา จากนี้เพลิงจะตั้งใจทำงานไม่ให้คุณเหนือนภาผิดหวัง”
“นภา”
“...”
“เรียกฉันว่าคุณนภา”
❤️
เลยเลอคุณเหนือนภา !