แทบเท้าเหนือนภา | 1

2093 คำ
“เฮ้อ...เหนื่อยจัง” เสียงบ่นของพระเพลิงดังขึ้น ในตอนนี้เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสองปีที่พึ่งจะทำงานเสร็จก็ได้แต่นั่งพักเหนื่อยอยู่ด้านหลังของร้าน “ฮึบๆหน่าเพลิง เหนื่อยแค่นี้ไม่ตายหรอก” เสียงปลอบใจตัวเองดังขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเป็นแบบนี้เสมอ พระเพลิงมักจะพูดปลอบใจและให้กำลังตัวเองอยู่บ่อยๆเพราะมันไม่มีใครเลยสักคนที่พูดคำนี้กับพระเพลิง “ค่าจ้างวันนี้สามร้อยนะเพลิง” คุณป้าเจ้าของร้านที่เดินเข้ามาพูดขึ้นก่อนจะส่งเงินสามร้อยบาทให้กับพระเพลิง เวลาตอนเย็นตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน พระเพลิงจะทำงานเป็นเด็กล้างจานให้กับร้านอาหารแห่งหนึ่ง ส่วนเวลากลางวันก็จะฝึกสหกิจหรือฝึกงานของมหาวิทยาลัยเพราะตอนนี้พระเพลิงเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สี่แล้ว หลังจากการฝึกงานเสร็จก็จะจบเลยทันที “ขอบคุณครับป้า งานเพลิงเสร็จแล้วเพลิงกลับก่อนนะครับ” พระเพลิงที่รับเงินจากคุณป้าเจ้าของร้านก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้และพูดขึ้น “กลับดีๆล่ะ พรุ่งนี้ก็มาทำงานเร็วๆอย่าให้สายเหมือนวันนี้” คุณป้าเจ้าของร้านพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป ส่วนพระเพลิงก็เดินตรงมาถอดผ้ากันเปื้อนและกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านก็ไม่ลืมที่จะซื้อของกินติดไม้ติดมือมาด้วยเพราะไม่ใช่พระเพลิงที่ยังไม่ได้กินอะไรแต่ยังมีพ่อที่ตอนนี้คงรอพระเพลิงให้ซื้อของกินมาให้ “มาสักทีนะไอ้เพลิง รู้ไหมกูรอมึงจนหิวไส้แทบขาด” เสียงตะโกนของคนเป็นพ่อดังขึ้นพร้อมกับในมือที่ถือขวดสุราอย่างไม่ห่าง “วันนี้มีไข่พะโล้นะพ่อ ที่ร้านข้าวแกงเหลืออยู่อย่างเดียว เพลิงเลยซื้อมาแค่นี้” พระเพลิงพูดขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆคุณพ่อก่อนจะจัดการจัดแจงอาหารตรงหน้า “แค่อย่างเดียวมันจะพอยาไส้อะไร มึงนี่มันจริงๆเลยไอ้เพลิง เอาเงินมากูจะไปหาซื้อกินข้างนอก” น้ำเสียงหงุดหงิดของคุณพ่อดังขึ้นด้วยความไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวมองพระเพลิงอย่างเอาเรื่อง “พ่อกินเลยเพลิงไม่กินก็ได้ หากพ่อกลัวว่ามันจะไม่พอ” “กูไม่กิน ! แค่ไข่พะโล้ง่อยๆมันจะไปอร่อยอะไร มึงเอาเงินมาไอ้เพลิง กูจะไปหากินเอง” “เพลิงไม่มีเลยพ่อ พ่อกินไข่พะโล้ไปก่อนนะ เพลิงสัญญาว่าพรุ่งนี้เพลิงจะซื้อกับข้าวมามากกว่านี้” อั่ก ! “อ๊ะ...โอ๊ย ! เพลิงเจ็บพ่อ เพลิงเจ็บ” พระเพลิงร้องออกมาทันทีเมื่อส้นเท้าของคนเป็นพ่อถีบเข้าเต็มๆที่ลำตัวของตัวเอง แน่นอนว่ามันเป็นแบบนี้เสมอ หากพระเพลิงขัดใจพ่อ เขามักจะโดนทำร้ายแต่จะทำยังไงได้ในเมื่อตอนนี้พระเพลิงไม่มีเงิน เงินสามร้อยบาทที่ได้จากการทำงานก็ต้องเก็บเอาไว้เพราะพระเพลิงเองก็ต้องกินต้องใช้ “มึงอย่ามาสำออยไอ้เพลิง แล้วมึงจะไม่มีเงินอะไร มึงไปทำงานทุกวัน” คนเป็นพ่อถามขึ้นอีกครั้ง เขาชักจะรำคาญไอ้ลูกชายคนนี้เต็มทน ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง “เพลิงไม่มีจริงๆพ่อ ที่เพลิงไปทำงานมันคือการฝึกงานมันไม่ได้เงินเดือนนะพ่อ” พระเพลิงตอบกลับไปตามความจริงเพราะการฝึกงานมันไม่ได้เงินเดือน “ไม่รู้ล่ะไอ้เพลิง มึงเอาเงินมาให้กูเดี๋ยวนี้” คนเป็นพ่อยังคงยืนยันคำเดิมเพราะตอนนี้สุราในมือก็กำลังจะหมด หากไม่ได้ซื้อเพิ่มเห็นทีตัวเขาคงต้องลงแดงตาย “ฮึก…พ่อครับเพลิงไม่มีเงินแล้วจริงๆ” พระเพลิงได้แต่พูดทั้งน้ำตา ตอนนี้เขาเจ็บปวดร่างกายไปหมดแล้วเพราะคนเป็นพ่อไม่ได้ใช้เท้าถีบแค่ครั้งเดียว “อย่ามาโกหกกูไอ้เพลิง มึงทำงานทุกวันจะไม่มีได้ยังไง” ยิ่งได้ยินคำพูดเดิมๆก็มีแต่จะหงุดหงิด ไอ้เพลิงลูกชายของเขามันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ โตจนอายุเท่านี้ยังหาเงินมาให้คนเป็นพ่อใช้ไม่ได้ “ฮึก…พ่อ ! เพลิงเจ็บ เพลิงเจ็บแล้ว พ่ออย่าทำเพลิง” พระเพลิงได้แต่ร้องออกมาเพราะตอนนี้คนเป็นพ่อทั้งถีบและทุบตีเขาอย่างไม่มีพัก แน่นอนว่าพระเพลิงไม่กล้าทำอะไรได้แต่ยกมือขึ้นมาเป็นเกราะกำบังปิดร่างกายตัวเองไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บ อั่ก ! “อ๊ะ...โอ๊ย พ่อเพลิงเจ็บแล้วพ่อ เพลิงเจ็บ” ใบหน้าหล่อน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายกับความเจ็บที่ได้รับ “ถ้าไม่อยากโดนมึงก็เอาเงินมาให้กู มึงเห็นขวดเหล้าในมือกูไหม ถ้ามึงไม่อยากหัวแตกก็เอาเงินมาไอ้เพลิง” คนเป็นพ่อพูดขึ้นพร้อมยกขวดเหล้าขึ้น พระเพลิงที่เห็นแบบนี้ก็ได้แต่กุรีกุจอรีบหยิบเงินในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา “ฮึก...เพลิงยอมแล้วพ่อ พ่ออย่าทำเพลิงนะ เพลิงมีแค่สองร้อยสี่สิบ พ่อเอาไปหนึ่งร้อยได้ไหม เพลิงต้องเก็บเอาไว้จ่ายค่าบ้านอีก” เพราะตอนนี้มันก็ใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว พระเพลิงเองต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน หากพ่อของเขายังทำงานไม่กินเหล้าเมาหัวราน้ำแบบเมื่อก่อน ค่าใช้จ่ายตรงนี้ก็พอจะเบาลงบ้างแต่ตอนนี้มันไม่ใช่เพราะพ่อของพระเพลิงติดเหล้าเมามายไม่เอาการเอางานเลยสักอย่าง แต่ถึงแบบนั้นพระเพลิงก็ไม่โทษพ่อของตัวเองเลยเพราะพระเพลิงคิดเสมอว่าที่ตัวเองโตมาได้ขนาดนี้ก็เพราะพ่อของเขาเลี้ยงดูมา ถึงมันจะลำบากไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก นั่นแหละก็ได้แต่พูดคำว่าไม่เป็นไร “เออ ! ยอมให้กูตั้งแต่แรกมึงก็ไม่เจ็บตัวแบบนี้หรอกไอ้เพลิง” คนเป็นพ่อพูดขึ้นก่อนจะคว้าเงินสองร้อยสี่สิบไปหมด ไม่เหลือให้พระเพลิงแม้แต่บาทเดียว “เพลิงต้องเอาเงินไว้จ่ายค่าบ้านนะพ่อ พ่ออย่าเอาไปหมดเลยนะ” “ร้อยเดียวมันจะไปพออะไร มึงนั่นแหละไปหามาใหม่ ถ้าไม่อยากหัวแตกก็หาเงินมาเยอะๆ กูจะเอาเงินนี่ไปซื้อข้าวกินไปซื้อเหล้าแดก” คนเป็นพ่อพูดจบก็เดินกอดขวดเหล้าออกไป ไม่แม้แต่จะหันมามองพระเพลิงที่นั่งหมดสภาพอยู่แม้แต่น้อย พระเพลิงได้แต่หยิบโทรศัพท์หน้าจอแตกๆของตัวเองขึ้นมา เปิดแอปธนาคารเพื่อดูเงินในบัญชี ตอนนี้เงินในบัญชีของพระเพลิงมีอยู่สองพันกว่าบาท มันก็พอสำหรับค่าเช่าบ้านเดือนนี้เพราะค่าเช่ามันก็แค่สองพันแต่ที่จะไม่พอคือค่าน้ำค่าไฟและค่าอยู่ค่ากิน เห็นทีหากได้เงินจากการล้างจานที่ร้านอาหาร พระเพลิงคงต้องฝากเงินเข้าบัญชีส่วนหนึ่ง ซื้อกับข้าวส่วนหนึ่งและที่เหลือก็ให้พ่อเพื่อที่ตัวเองจะไม่โดนทำร้ายเหมือนอย่างวันนี้ “ไม่เป็นไรเพลิง แค่นี้เองเจ็บไม่นานหรอก” พระเพลิงได้แต่พูดปลอบใจตัวเองก่อนจะกินข้าวกับไข่พะโล้ที่ซื้อมาแต่ทว่าตัวเองก็ไม่ได้กินหมดแต่อย่างใดเพราะต้องเหลือไว้ในคนเป็นพ่อด้วยเพราะพระเพลิงรู้ดีว่าเงินสองร้อยกว่าบาทที่พ่อเอาไปคงไม่พ้นซื้อเหล้าซื้อสุราที่มันไร้ประโยชน์ ใจจริงก็อยากจะทอดไข่เจียวสักใบเพื่อที่จะมีกับข้าวอย่างอื่นนอกจากไข่พะโล้แต่ทว่าตอนนี้ไข่ในบ้านไม่มีเหลือแม้แต่ฟองเดียว หลังจากที่พระเพลิงกินข้าวเสร็จก็อาบน้ำตรงเข้ามาในห้องนอนของตัวเองแต่จะเรียกว่าห้องนอนของตัวเองก็คงไม่ถูกเพราะมันไม่ได้เป็นห้องหรอก เป็นเพียงผ้าม่านกั้นเพื่อแบ่งพื้นที่เท่านั้น “วันนี้มีเหรียญห้าเหรียญเดียวนะขวดนมน้อย” พระเพลิงพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระปุกออมสินใส่เหรียญของตัวเองออกมาเพื่อหวังจะหยอดเหรียญห้าแต่ทว่าในกระปุกออมสินรูปขวดนมกลับไม่มีแม้แต่เหรียญใดๆหลงเหลืออยู่เลย “เงินเหรียญหายไปไหน” พระเพลิงพูดขึ้นด้วยความตกใจเพราะเงินเหรียญในกระปุกหากนับรวมๆกันก็คงไม่ต่ำกว่าสองสามร้อยแต่ตอนนี้มันไม่มีแม้แต่บาทเดียว “พ่อหรอ” ถึงแม้จะรู้คำตอบแต่ก็เอ่ยถามตัวเองเบาๆเพราะคนเดียวที่จะเอาเงินในกระปุกไปได้ก็คงมีแค่พ่อคนเดียว อุตส่าห์แอบไว้แล้วแท้ๆแต่ทำไมกันนะ ทำไมพ่อถึงรู้และยังขโมยเงินเหรียญไปได้ “ไม่เป็นไรเพลิง แค่นี้เองไม่เป็นไร” คำพูดปลอบใจตัวเองดังขึ้นอีกครั้ง พระเพลิงไม่รู้เหมือนกันว่าหนึ่งวันพระเพลิงพูดคำนี้ไปแล้วกี่ครั้งแต่ก็คงมากกว่าสองสามครั้งเพราะแต่ละวันพระเพลิงเจอเรื่องแบบนี้ไม่หยุดหย่อน “พรุ่งนี้ก็เช้าวันใหม่ ค่อยหาใหม่พรุ่งนี้ก็คงไม่สาย” พระเพลิงพูดขึ้นก่อนจะล้มตัวนอนลง น้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสาย วันนี้ก็เหมือนกับทุกๆวันเพราะเมื่อไหร่ที่พ่อของเขาได้เงินไปก็จะหายออกไปจากบ้าน กลับมาอีกทีก็เช้าของอีกวันและขอเงินก้อนใหม่ วันต่อมา “เหลือสองพันสองร้อยสินะ” พระเพลิงที่กำลังกดเงินออกมาจากตู้เอทีเอ็มพูดขึ้นกับตัวเองเบาๆเพราะเงินในส่วนของเมื่อวานพระเพลิงให้พ่อไปหมดแล้ว เช้าวันนี้พระเพลิงจึงต้องกดเงินในบัญชีมาใช้ “น้ำเต้าหู้หนึ่งถุงครับลุง” อาหารยามเช้าของพระเพลิงคือน้ำเต้าหู้ ถึงมันจะไม่อิ่มท้องแต่เพราะความประหยัดจึงกินได้แค่นี้ “ไม่เอาปาท่องโก๋หรือไงพ่อหนุ่ม เอาไหมสองตัวห้าบาทลุงให้ตัวใหญ่เลย” คุณลุงเจ้าของร้านถามขึ้นเพราะเขาเองก็พอรู้เรื่องราวชีวิตของพระเพลิง คนอาศัยอยู่ชุมชนสลัมเดียวกันมีเรื่องอะไรก็รู้กันหมด “ไม่เป็นไรครับลุง เพลิงเอาแค่น้ำเต้าหู้ถุงเดียวก็พอ” “พ่อเอ็งเอาเงินไปหมดแล้วใช่ไหม ถึงไม่กล้าซื้ออะไรกินแบบนี้” แน่นอนว่าคุณลุงดูออกแต่ถึงแบบนั้นก็หยิบปาท่องโก๋สองตัวใส่ถุงพร้อมกับน้ำเต้าหู้ให้กับพระเพลิง “ลุงแถมให้ กินรองท้องหน่อยจะได้มีแรงทำงาน” พระเพลิงได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณกับน้ำใจที่ได้รับก่อนจะขึ้นรถเมล์ตรงมายังบริษัทที่ตัวเองฝึกงานอยู่ โชคดีที่พระเพลิงเป็นเด็กเรียนดีจึงทำให้ได้ทุนการศึกษาพร้อมกับกู้ กยศ. เพื่อมีเงินเข้าบัญชีให้พอใช้จ่ายในทุกๆเดือนและเพราะความเรียนดีของพระเพลิงทำให้พระเพลิงได้ฝึกงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศ “น้องเพลิงเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอแล้วใช่ไหม” เสียงของกระแตรุ่นพี่พนักงานที่ดูแลพระเพลิงถามขึ้น “เรียบร้อยครับ พี่กระแตลองดูก่อนนะครับ” พระเพลิงตอบกลับไปตามตรงก่อนจะยื่น IPad ให้กระแตดู แน่นอนหากถามถึง IPad เครื่องนี้ก็ไม่พ้นกับมหาวิทยาลัยนั่นแหละที่มอบให้ ไม่อย่างนั้นแล้วคนอย่างพระเพลิงก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ “เนื้อหาดีเลย น้องเพลิงทำเต็มที่นะเพราะวันนี้คุณเหนือนภาจะมาดูเอง” “คุณเหนือนภาหรอครับ” “คุณเหนือนภาเจ้าของบริษัท วันนี้เขาจะมาฟังพรีเซ้นท์หัวข้อการเสนอสินค้าของน้องเพลิงเอง” ❤️ ฝากติดตามเรื่องนี้ด้วยนะคะ รับรองไม่ดราม่าเพราะฟีลกู๊ดสุดๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม