“แฮกแฮก พะ พระชายาเพคะ”
“พระชายาพ่ะย่ะค่ะ! ทรงออกมาเช่นนี้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“พระชายา ได้โปรดอย่าวิ่งเพคะ! พระชายาอย่าดึงกระโปรงขึ้นเพคะ!!!”
“พวกเจ้าหยุดพระชายาที! มิเช่นนั้นไทจื่อจะมีคำสั่งลงโทษพวกเจ้า”
เสียงเหล่าทหารและเหมยเหมยพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ เหล่าบ่าวและทหารรอบตำหนักพร้อมใจกันวิ่งตามนาง หลันฟู่อิงหันไปมองเหล่าคนทั้งหลายที่ไม่รู้มาจากที่ใดที่เริ่มวิ่งตามนางมากขึ้นเรื่อยๆ
“แฮกแฮก ยกกันมาเป็นโขยงเลยเว้ยยย พวกเจ้า! เลิกตามข้าเสียที!”
“ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ ท่านอย่าขัดคำสั่งไทจื่อเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“พวกเจ้ามิเคยได้ยินรึ แม่น้ำไม่คอยท่า เวลาไม่คอยใคร และข้าจะไม่รอให้ไทจื่อของพวกเจ้ามาฆ่าข้าหรอก!”
ความทรงจำของหลันฟู่อิงที่มาเยือนตำหนักไทจื่อราวกับบ้านตัวเองนั้นฉายชัดเข้ามา นางเห็นบานประตูอยู่ใกล้ๆ นี้ นางวิ่งไปตามเส้นทางที่ปรากฏขึ้นในความทรงจำทันที
หลันฟู่อิงวิ่งผ่านสวนตรงกลางเข้ามาในเขตหนึ่งภายในตำหนัก บริเวณโดยรอบถูกตกแต่งอย่างยิ่งใหญ่อลังการ พื้นที่ปูด้วยหินอ่อน ผนังตกแต่งแกะสลักหยกลงไป ถ้านางแงะไปขายนางจะต้องรวยเป็นแน่
“พระชายาหยุดก่อนนน” เสียงที่ไล่ตามนางมาทำให้นางต้องผละออกจากกองเงินกองทองของนาง ได้แต่ร่ำร้องในใจ หยกจ๋าเดี๋ยวพี่มานะ
แต่เท้าที่กำลังจะออกตัววิ่งอีกครั้งกลับต้องชะงักลงเมื่อความเหนื่อยล้าจากการวิ่งไม่ลืมหูลืมตาเมื่อสักครู่ทำให้ร่างกายที่ไม่เคยจะได้ออกกำลังของหลันฟู่อิง แต่ความซวยนั้นมันยังไม่จบเมื่อนางกลับสะดุดหินตรงหน้านาง หากนางล้มลงไปหน้านางต้องฟาดกับหินพวกนี้แน่!
หมับ!
มือใหญ่ของผู้หนึ่งรับนางไว้ได้ทันก่อนที่ร่างของนางจะแตะลงพื้น ดวงตากลมโตหันไปมองผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือนาง เบื้องหน้านางเห็นดวงหน้าขาวสะอาดราวกับบุรุษเจ้าสำอาง แต่กลับมีความคมเข้มเฉกเช่นบุรุษ ร่างกายกำยำแม้จะไม่เท่าลู่เฉิง แต่กล้ามเนื้อแน่นนั่นบ่งบอกว่าเขาฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี สายตาอ่อนโยนมองมายังนาง เขาอยู่ในชุดอาภรณ์สีขาวยิ่งขับให้เขาดูอ่อนโยนราวกับพระอาทิตย์ยามเช้า
“พระชายา ล่วงเกินท่านแล้ว”
เขาพูดเสียงนุ่มทุ้มก่อนจะพยุงนางให้ลุกขึ้น หลันฟู่อิงเหม่อมองความอบอุ่นนี้พร้อมกับสลักไว้ในใจ นี่แหละผู้ชายจีนที่แสนอบอุ่นต้องแบบนี้เส้!
“ขอบคุณเจ้าคะ”
หลันฟู่อิงตาพร่ามัวไปกับความนุ่มนวลของเขา นางกล่าวขอบคุณและยิ้มราวกับคนเสียสติ ด้านเจินซือที่เห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังล้มลงจึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยอย่างไม่ทันคิดแต่ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหลันฟู่อิง เขาคิดว่านางจะผลักไสราวกับรังเกียจเหมือนเช่นเคย แต่นางกลับกล่าวขอบคุณและยิ้มให้กับเขาแทน
“หลันฟู่อิง!! ยังมิพ้นข้ามวันเจ้าก็ก่อเรื่องเสียแล้วรึ!”
"คารวะไทจื่อ คารวะองค์ชายเจินซือ" เหล่าทหารและนางกำนัลกว่าสิบชีวิตรีบคุกเข่าทำความเคารพคนทั้งสอง
ลู่เฉิงที่เห็นสตรีนางหนึ่งวิ่งมาจากทางตำหนักด้านหลังก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นหลันฟู่อิง แต่สิ่งที่เขาต้องตกตะลึงนั่นคือนางวิ่งและยกกระโปรงสูงจนเห็นขานวลผ่อง
เสียงแข็งกร้าวที่นางจดจำได้ขึ้นใจทันทีที่เข้ามายังร่างของนางร้าย ลู่เฉิง! นางละสายตาจากพ่อเทพบุตรตรงหน้า หันไปมองยังลู่เฉิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักข้างกายเขามีสตรีผู้หนึ่งที่มีใบหน้าอ่อนหวานงดงาม และนั่นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเสียนอวี้ นางเอกของเรื่อง
นางเบะปากมองบนที่แท้ที่เขาสั่งกักขังนางไว้ก็เพื่อกันนางออกจากสตรีในดวงใจงั้นหรอกรึ ไอคนใจดำ นางเบือนหน้าหนีก่อนจะร้อง “เหอะ!” ออกมา หลันฟู่อิงทำเป็นไม่สนใจเสียงนกเสียงกา นางหันไปหาเทพบุตรตรงหน้าของนางแทน
“เจินซือใช่หรือไม่ ขอบคุณท่านมากหากท่านมิได้เข้ามาช่วยข้าคงถูกทิ้งให้หน้าฟาดพื้นตายไปแล้ว”
นางกล่าวราวกับต้องการจะสื่อว่าหากนางล้มลงไปจริงๆลู่เฉิงคงปล่อยให้นางล้มลงหน้าฟาดกับพื้นเป็นแน่ ใบหน้าสวยถูกระบายด้วยรอยยิ้มยามขอบคุณเขา เจินซือได้แต่ยืนตกตะลึงกับรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาของนาง มิใช่รอยยิ้มแสร้งทำอย่างที่เคยทำ
ลู่เฉิงที่เห็นท่าทีของนางที่ทำราวกับไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้ก็พลันเกิดบันดาลโทสะขึ้นมา ร่างสูงกำหมัดแน่น
“สตรีน่าไม่อาย สตรีที่แต่งงานแล้วมิควรใกล้ชิดบุรุษอื่นนอกจากสามีเจ้ารู้หรือไม่!” คำพูดร้ายกาจและดูถูกเหยียดยามถูกพ่นออกมาจากปากคนตรงหน้าอีกครั้ง หลันฟู่อิงถอนหายใจก่อนจะส่งสายตาดูแคลนไปทางเขาทั้งสองคน
“แล้วท่านเล่า บุรุษที่แต่งงานมีภรรยาเช่นท่านเหตุใดจึงมาคลุกอยู่กับสตรีอื่นกัน ในเมื่อท่านทำได้เหตุใดข้าจะทำไม่ได้เล่า!”
“มิใช่นะเพคะพระชายาได้โปรดอย่าได้เข้าใจผิด”
“ข้าไม่ได้ถามเจ้าไม่ต้องพูดก็ได้” หลันฟู่อิงหันไปตอกกลับเสียนอวี้ หน้างามของเสียนอวี้ถึงกับถอดสี
“จะ เจ้า! ฮึ่มนางแค่นำขนมมาให้ข้าชิมเท่านั้น”
ลู่เฉิงตอบความจริง แม่นางเสียนอวี้ต้องการเข้าพบเขาเพียงเพราะจะนำขนมมาให้เขาเท่านั้น เขาจึงตอบรับนางดั่งเช่นทุกที และเขารู้ว่าหลันฟู่อิงจักต้องสร้างเรื่องให้กับเสียนอวี้แน่ เขาจึงสั่งให้นางอยู่แต่ในเรือน แต่เหตุใดนางถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
“มิใช่ว่าเจ้าตามข้ามาจะหาเรื่องแม่นางเสียนอวี้หรอกรึ”
“เหอะ!!!” หลันฟู่อิงส่งเสียงเค้นดังออกมายกใหญ่ ความมั่นหน้าของบุรุษผู้นี้มีมากเกินไปหรือไม่! “เหตุใดข้าต้องสนใจท่านจะทำสิ่งใดกับนางนั้นมิใช่เรื่องของข้า ข้าเพียงจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเพียงเท่านั้น”
“นางมารร้ายจอมวางแผนเยี่ยงเจ้าคิดจะทำสิ่งใดอีก คิดจะเรียกร้องความสนใจจากข้างั้นรึ เจ้าควรหาวิธีที่ดีกว่านี้พระชายา”
ลู่เฉิงไม่คิดว่าสิ่งที่นางพูดจะเชื่อถือได้ นางคงคิดจะเรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยทางอื่นเพียงเท่านั้น หลันฟู่อิงได้แต่กล้ำกลืนความเดือดดาลนี้ไว้ในใจ ผู้ชายอะไรหลงตัวเองสุดๆ!
“เรื่องของท่านเถิด! .. เจินซือ ข้าเจ็บขามากข้าวิ่งมาไม่ได้หยุดพักเลยท่านช่วยพาข้าไปหน่อยได้รึไม่”
นางเลิกสนใจลู่เฉิงที่พ่นแต่คำพูดหลงตัวเองจนนางทนไม่ไหว นางหันไปส่งสายตาออดอ้อนพร้อมกับทำท่าทางน่าสงสารรางกับนกน้อย อย่างไรพระรองผู้แสนดีราวกับบวชชีมานี้ต้องช่วยนางได้มากกว่าลู่เฉิงแน่
“เอ่อ พะ พ่ะย่ะค่ะ” เจินซือที่ไม่รู้ตัวดันตกหลุมพรางการออดอ้อนของนางจึงเผลอตัวตกปากรับคำอย่างช่วยไม่ได้ หลันฟู่อิงที่ได้ยินดังนั้นก็ดีใจ รีบปรี่ตัวเข้าไปหาพร้อมกับทำท่าราวกับจะเป็นลม
แต่แล้วร่างนางกลับถูกกระชากออกไปจากเจินซือทันที ร่างบางลอยติดมือของลู่เฉิงจนใบหน้างามกระแทกกับแผงอกแกร่งของเขา “โอ้ย ท่านทำอันใดของท่านกัน!” นางลูบจมูกที่ขึ้นสีของตัวเองป้อยๆ แต่ชั่ววินาทีนั้นร่างบางก็ถูกอุ้มขึ้นมาจากพื้น
“อ้ะ!” หลันฟู่อิงเอื้อมมือไปคล้องคอหนาของลู่เฉิงอย่างห้ามไม่ได้เพราะกลัวตกและตกใจกับการกระทำที่ไม่ทันตั้งตัวของเขา ลู่เฉิงลอบยิ้มมุมปากเขากระชับอ้อมกอดนางไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงยียวนกวนประสาท
“เจ็บขามิใช่รึ สวามีของเจ้าจะพาเจ้ากลับเอง”
“!” สวามีอะไร!
“อวี้เอ๋อ เจ้ากลับไปก่อนเถิดพระชายาคงมีเรี่ยวแรงมากจึงออกมาวิ่งซนแถวนี้ได้ คงต้องทำให้สิ้นฤทธิ์เสีย”
“!” หลันฟู่อิงเงยหน้าสบตาเจ้าเล่ห์ของลู่เฉิงทันที ในใจหลันฟู่อิงเต้นโครมครามกับคำพูดสองแง่สองง่ามของเขา ทั้งยังพูดต่อหน้าทุกคนตรงนี้อีกด้วย!
ร่างสูงยิ้มราวกับคนชนะ ขายาวก้าวฉับออกไปทันที หลันฟู่อิงที่ได้สติจึงรีบหันไปทางเจินซือที่ยังคงยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“เจินซือ ไว้เจอกันใหม่นะเพคะ! ไทจื่อ! ปล่อยหม่อมฉันนะเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้!!”
ก่อนจะหันไปยังร่างสูงที่อุ้มนางพร้อมกับดิ้นประท้วงอยู่ในอ้อมแขนเขาให้เขาปล่อยนาง เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นจนนางเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก จึงเลิกต่อต้านเขา
“เจ้าเรียกร้องความสนใจจากข้าเก่งขึ้นนะหลันฟู่อิง” ลู่เฉิงกล่าวพร้อมกับเมื่อเห็นสตรีในอ้อมกอดเขาเลิกขัดขืนจึงคลายแขนออกเล็กน้อย ในใจพลางคิด ตัวนางช่างเล็กและบอบบางกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก
“คนอย่างท่านนี่มัน!”
ร่างสูงเดินเข้ามายังตำหนักในคืนวันเข้าหอ เมื่อเข้ามาถึงภายในนั้นกลับมาเป็นสภาพเช่นเดิมแล้ว ร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักราวกับประท้วงให้ปล่อยนางลง ลู่เฉิงก้มมองดวงหน้างามที่มีทีท่าแง่งอนแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ในใจพลันรู้สึกอยากแกล้งนางขึ้นมา เขาขยับลงไปใกล้นางจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายนาง
“เจินซือมิหลงกลเจ้าหรอก”
“เพคะ แต่พระองค์ดันหลงกลหม่อมฉันแทนแล้วนี่เพคะ” หลันฟู่อิงหันมาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ใบหน้าสวยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ลมหายใจลู่เฉิงตัดขัด ดวงหน้าไร้การประทินโฉมของนางยิ่งกลับทำให้นางดูบริสุทธิ์งดงาม ร่างสูงเผลอปล่อยมือที่อุ้มนางออก ร่างบอบบางของหลันฟู่อิงกระแทกลงพื้นเป็นครั้งสามของวัน
ตุบ!
“ไทจื่อ ชายชั่ว!! ท่านทำให้ข้าบาดเจ็บถึงสามครั้งสามหนภายในวันเดียวเชียวรึ!!”
“เจ้า! ชายชั่วงั้นรึ เพียงชั่วข้ามคืนเจ้ากลับวิปริตกลายเป็นสตรีเช่นนี้งั้นรึ!” มือหยาบบีบคางมนของนางอย่างแรง ร่างบางน้ำตาเล็ดเมื่อแรงบีบจากมือเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่! เหตุใดหม่อมฉันต้องอดทนอดกลั้นอยู่กับคนที่คิดจะฆ่าหม่อมฉันเยี่ยงท่านด้วย!”
ลู่เฉิงสะบัดมือออกจากหน้านางเมื่อเห็นตาที่เริ่มแดงระเรื่อน้ำหยดใสปริ่มคลอบนดวงตากลมโตทั้งสองข้าง “หากเจ้ามิได้ทำสิ่งใดผิด ข้าก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเจ้าเสียหน่อย”
“เช่นนั้นท่านก็หย่ากับข้าเลยสิเพคะ”
“สตรีน่าตาย บุรุษเช่นข้ามิใช่เจ้าคิดจะแต่งก็แต่งคิดจะหย่าก็จะได้หย่าง่ายๆ!” ร่างสูงเริ่มส่งเสียงดังจนเหล้าข้ารับใช้ภายนอกตำหนักได้แต่ยืนภาวนาว่าจะไม่เกิดเรื่องใดกับพระชายาที่สงสาร
“ท่านมิได้รักข้าไม่ใช่หรือเพคะ ท่านก็หย่ากับข้าเสียแล้วไปอยู่กับเสียนอวี้ของท่านเถิด”
“หึ สิ่งที่เจ้าทำกับข้า ข้ายังไม่ทันหายแค้น อย่าได้คิดว่าข้าจะยอมหย่าให้เจ้าง่ายๆ หลันฟู่อิง”
“ชิส์ เป็นพวกโรคจิตชอบแก้แค้นหรือไงกัน” หลันฟู่อิงได้แต่สบถเสียงเบา แต่ก็ไม่อาจจะเล็ดลอดจากลู่เฉิงผู้มีวรยุธสูงส่งไปได้
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดสิ่งใด”
“อุ้ย!”
“ฝีปากกล้าเยี่ยงนี้คงไม่อยากมีอยู่แล้วกระมัง” เขาพูดพร้อมกับลูบริมฝีปากอวบอิ่มของนาง ภาพบนเตียงกับนางเมื่อคืนฉายชัดเข้ามายามนางปรือปากร้องครางอยู่ใต้ร่างเขามันช่างเป็นภาพที่น่าชวนมองยิ่งนัก ดั่งต้องมนต์สะกดร่างสูงโน้มใบหน้าลงไป ลมหายใจร้อนรดอยู่บนใบหน้างาม หลันฟู่อิงเผลอกลั้นหายใจเมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้าก็โน้มเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงความนุ่มร้อนจากริมฝีปากของเขา
ลู่เฉิงสัมผัสแผ่วใบไปตามกลีบปากของนาง เขาละเมียดละไมชิมความหวานบนริมฝีปากของนางแต่มันกลับรู้สึกไม่พอ ร่างสูงดึงร่างของนางเข้ามาใกล้ ตัวนางเล็กเพียงอกเขาเท่านั้น เขาประคองใบหน้านางไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะบดริมฝีปากอุ่นร้อนเข้าไปให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ลิ้นร้อนไร้เลียหยอกเย้าส่งลิ้นร้อนเข้าไปดื่มด่ำความหวานภายในโพรงปากของนาง
“อื้ออออ”
หลันฟู่อิงที่เผลอกลั้นหายใจทำให้นางเผลอเผยอปากขึ้นมาแต่กลับถูกลิ้นของเขาบุกลุกเข้ามาพัวพันกับลิ้นเล็กของนาง ใบหน้าสวยเห่อร้อนจนแดงสุกไปทั้งหู ใบหน้า และลำคอ
ลู่เฉิงตักตวงความหวานจากนางเนิ่นนางจึงยอมถอนริมฝีปากออก
“แฮกแฮก” ปากเล็กส่งเสียงหายใจหอบ พร้อมกับสูดอากาศเมื่อปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ใบหน้าแดงก่ำ หลันฟู่อิงเม้มปากจนเป็นเส้นตรง นางไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเขาคิดจะทำให้ปากนางหายไปแบบนี้! ลู่เฉิงลอบอมยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นสตรีร้ายกาจเช่นนางสิ้นฤทธิ์ลง
“เจ้าเก่งมากที่ทำให้ข้าสนใจเจ้าได้ แต่ถึงอย่างไรมารยานี้ของเจ้าก็ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก หึ”
“...”
ว่าจบร่างสูงก็เดินออกไป เมื่อแผ่นหลังของเขาหายไปจากสายตา นางก็ล้มลงกับเตียงด้วยความหมดแรง นางจับใบหน้าของตัวเองที่ร้อนเหมือนคนเป็นไข้ ใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมา เหมยเหมยที่เห็นหน้าพระชายานั้นแดงก่ำจึงคิดว่าคงมีไข้ นางจึงรีบเดินเข้ามาดูอาการทันที
“พระชายา ทรงเป็นไข้หรือเพคะหน้าและตัวพระองค์แดงไปทั้งตัว ให้ข้าไปตามหมอหลวงมาดีหรือไม่”
“ไม่ๆๆๆๆ ไม่ยอม!!! กรี๊ดดๆๆ” หลันฟู่อิงมุดหน้าลงกับหมอนก่อนจะกรีดด้วยความอัดอั้น! เมื่อกี้มัน เขินมาก เขินไส้บิดเลย!!! ม้ายยยย เหมยเหมยได้แต่ทำตัวไม่ถูก นางนั่งพับเพียบมองพระชายาของนางดิ้นบนเตียงไปมา เมื่อสักครู่องค์ไทจื่อทำสิ่งใดกับพระชายากันนางถึงขั้นเสียสติถึงเพียงนี้