เสียนอวี้ที่ตอนนี้แอบลอบออกมาจากจวนได้สำเร็จนางกำลังรอเขาในจุดนัดพบของเขาและนาง ทันทีที่นางเดินใกล้ถึงจุดนัดพบนั้นนางก็สามารถเห็นเงาของบุรุษสูงร่างหนึ่งยืนอยู่ไกลๆ นางรับรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นองค์ไทจื่อเป็นแน่ นางยิ้มอย่างดีใจก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปหาเขาในทันที
“ไทจื่อ” เสียนอวี้น้อมคารวะลู่เฉิงอย่างอ่อนช้อยงดงาม ลู่เฉิงมองความงดงามบริสุทธิ์ตรงหน้าในใจพลางหนักอึ้งเมื่อต้องพูดถึงการอภิเษกที่จะเกิดขึ้นในอีกสามวันนี้
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นางกลั่นแกล้งเจ้าอยู่หรือไม่” ร่างสูงกล่าวเสียงทุ้มอย่างอ่อนโยน นางยิ้มรับกับความอ่อนโยนของเขา
“หม่อมฉันสบายดีเพคะ ท่านกลับมาแล้วข้าก็รีบส่งจดหมายไปหาท่านโดยทันที”
“อืม ข้าขอโทษที่มาหาเจ้าช้าถึงเพียงนี้มีเรื่องที่ข้าต้องรีบสะสาง”
เสียนอวี้ยิ้มรับแม้ในใจจะรู้ว่าสิ่งที่เขาต้องสะสางนั้นคือข่าวลือเรื่องของเขากับหลันฟู่อิง แม้นางอยากจะถามเขาใจจะขาดแต่ก็ยังคงแสดงยิ้มเฝ้ารอเขากล่าวกับนางเองอย่างใจเย็น
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ องค์ไท่จื่อมีงานล้นมือยิ่งนัก”
“ข้า มีเรื่องจะต้องบอกเจ้า” ลู่เฉิงกล่าวขึ้นมาในความเงียบ
“เพคะ”
“ข้าจะต้องอภิเษกในสามวันหลังจากนี้ ..ข้าขอโทษที่ข้าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าไม่ได้” เสียนอวี้ที่ได้ยินดังนั้นกลับนิ่งเงียบไม่ไหวติง แม้นางจะคิดเตรียมใจกับความจริงนี้แต่มันไม่ง่ายเลย นางพยายามส่งยิ้มให้เขา
“หม่อมฉันเข้าใจเพคะ ฐานะของหม่อมฉันต่ำต้อยมิคู่ควรกับบุรุษเช่นพระองค์”
“อวี้เอ๋ออย่าได้พูดเช่นนี้ เจ้าเป็นสตรีที่งดงาม ต้องมีชายมากมายที่เพียบพร้อมและเหมาะสมกับเจ้าเป็นแน่ อย่างไรเสียนางก็วางแผนหลอกล่อข้าสตรีร้ายกาจเช่นนางเทียบกับเจ้าไม่ได้” ลู่เฉิงสัมผัสที่ไหล่ของนางอย่าแผ่วเบา เสียนอวี้ใบหน้าแดงก่ำเมื่อถูกคำกล่าวชมที่อ่อนโยนเช่นนี้ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่ยินยอมนักที่ต้องแต่งเข้าจวนผู้อื่นที่ไม่ใช่ตำหนักไทจื่อ
“ไทจื่อ” หน้างดงามหันหนีไปทางอื่นใบหน้าแดงก่ำจนถึงใบหู ลู่เฉิงยิ้มเล็กน้อย
“ข้าต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีอวี้เอ๋อ”
“หม่อมฉันจะเจอพระองค์อีกได้หรือไม่”
ลู่เฉิงชะงักฝีเท้าก่อนจะหันกลับมายังดวงหน้างดงามของนางอีกครั้ง เขายิ้มรับเล็กน้อย
“ย่อมได้อยู่แล้ว อวี้เอ๋อ”
ทั้งสองได้จากไปแล้ว แต่กลับมีสายตาคมกริบคู่หนึ่งเฝ้ามองการกระทำของทั้งสองคนอยู่ตลอด คนสอดแนมที่หลันฟู่อิงจ้างมาให้ติดตามเสียนอวี้ได้เฝ้าตามนางออกมาตั้งแต่นางออกจากจวนท่านแม่ทัพ เขาต้องนำความนี้ไปบอกแก่แม่นางหลันฟู่อิง เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างในชุดสีดำสนิทก็อันตรธานหายไป
ทางด้านหนึ่งลู่เฉิงรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นี้มาตั้งแต่เริ่มแล้ว และคนที่จะปองร้ายเสียนอวี้ได้มีแค่คนเดียวนั่นคือ หลันฟู่อิง ต้องเป็นคนของนางเป็นแน่ แต่เขาไม่คิดจะเข้าไปขัดขวาง เขาจะทำให้นางได้ยินบทสนทนาทุกอย่าง
“ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป หลันฟู่อิง” ร่างสูงกล่าวเสียงเย็น มันคงจะน่าสนุกไม่น้อยที่จะได้เห็นนางอาละวาดเมื่อได้ยินบทสนทนาของเขากับเสียนอวี้
ภายในเรือนของหลันฟู่อิง ชายชุดดำคุกเข่าคำนับอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวผู้มีดวงหน้าหวานงดงาม ผมดำยาวสลวยสะบัดด้วยความโกรธเมื่อเจ้าตัวทุบโต๊ะจนมือบอบบางของนางขึ้นสีแดงเรื่อ แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย นางทำทุกอย่างถึงเพียงนี้และคิดว่าเสียนอวี้จะมีความละอายบ้าง!
“ข้ากับเจ้าคงอยู่ร่วมกับอีกต่อไปไม่ได้แล้ว”
เมื่อถึงงานอภิเษกสมรส เหล่าผู้คนมากมายเข้ามาร่วมแสดงความยินดีให้กับงานมงคลของนางและลู่เฉิง รวมถึงเสียนอวี้และมารดาของนาง ท่านแม่ทัพพาฮูหยินทั้งสองมาร่วมงาน ฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพนั้นมีบุตรีและบุตรชายด้วยกัน บุตรชายนั้นได้ไปประจำการอยู่ที่ทัพหน้า ฮองเฮาปรายตามองบุตรีใหญ่ของท่านแม่ทัพแม้ไม่ได้งดงามเทียบเท่ากับเสียนอวี้และหลันฟู่อิงแต่ก็นับได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามนางหนึ่ง แม้บุตรีใหญ่ของท่านแม่ทัพจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่จะได้อภิเษกสมรสกับองค์รัชทายาทลู่เฉิง แต่หากเทียบกับอำนาจและเส้นสายยังห่างชั้นอยู่มากนัก ตระกูลของท่านราชครูนั้นเป็นถึงราชครูของเหล่าฮ่องเต้มาแล้วหลายชั่วอายุทั้งยังเป็นสหายกับองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันอีกด้วย
“เกี้ยวเจ้าสาวมาถึงแล้ว”
ร่างบางงดงามในอาภรณ์สีแดงลายปักสีทอง หลันฟู่อิงในชุดสีแดงตกแต่งเครื่องประทินจนสวยจรดดงดงามสะกดทุกคู่สายตาแก่ผู้ที่มองมายังนาง สีแดงขับให้ผิวของนางนั้นขาวนวลแก้มที่ปัดด้วยสีชมพูอ่อนทำให้หน้าของนางนั้นดูหวานงดงามมากยิ่งขึ้น ดวงตากลมตาตกแต่งออกมาให้ดูคมเชี่ยวริมฝีปากทาสีแดงฉาน ร่างบางเดินมาก่อนจะปรายตามองเสียนอวี้ที่มองไปยังบุรุษของนาง
ร่างสูงใส่ชุดไม่ต่างกันจากนาง ผมยาวของเขาถูกรวบขึ้นเผยใบหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมกริบหันมามองนาง เขาต้องยอมรับว่านางเป็นสตรีที่งดงามอย่างมาก หากไม่นับเรื่องนิสัยของนาง นางคงเป็นสตรีที่เหล่าบุรุษยินยอมแย่งชิงเพื่อให้ได้มาเป็นแน่
“คำนับฟ้าดิน”
หลันฟู่อิงและลู่เฉิงคำนับฟ้าดินพร้อมกัน นับแต่นี้นางและเขานับว่าเป็นสามีภรรยา งานมงคลยังคงดำเนินต่อไปงานเลี้ยงสำหรับงานมงคลถูกจัดขึ้นจนถึงตอนกลางคืน เหล่าผู้คนมากมายยกจอกเหล้าเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับนางและลู่เฉิง
“เสียนอวี้ ขอร่วมยินดีกับทั้งสองพระองค์ในครั้งนี้พระชายา ฝ่าบาท” เสียนอวี้เดินเข้ามาเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับทั้งสอง สายตาของนางหม่นหมองลงยามมองไปที่ลู่เฉิง ลู่เฉิงลอบมองใบหน้าของนางก่อนจะยื่นมือไปรับจอกจากมือของนางอย่างเชื่องช้า หลันฟู่อิงเห็นดังนั้นทำได้แต่เก็บความแค้นเอาไว้ในใจอย่างไรนางจะต้องกำจัดเสียนอวี้ในคืนนี้ให้ได้
“ที่แท้ก็ลูกอนุของจวนท่านแม่ทัพนี่เอง อะไรบังตาท่านแม่ทัพคิดพาเจ้าออกงานสำคัญเช่นนี้ด้วย” หลันฟู่อิงกล่าวเสียงเย้ยหยัน เสียนอวี้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเหมือนโดนตีเข้าที่หน้าอย่างแรง
“ทะ ท่านพ่ออนุญาตให้ข้า”
“เจ้าเรียกร้องจะมาดูหน้าสามีผู้อื่นเช่นนี้นับว่าเป็นสตรีที่กล้าหาญยิ่งนัก ข้านับถือเจ้าจากใจจริง”
“ขะ ขอบพระทัยเจ้าค่ะพระชายา”
“ถือแก่ความหน้าทนของเจ้า รับจอกจากข้าสักจอกดีหรือไม่” นางหยิบจอกของตัวเองขึ้นมา ก่อนหน้านั้นนางเห็นแล้วว่าเสียนอวี้จะเดินเข้ามา นางให้บ่าวของนางสับเปลี่ยนจอกเหล้าที่ปากจอกเคลือบยาพิษไร้สีไร้กลิ่นเอาไว้ หากใครได้รับพิษนี้ไปเมื่อสัมผัสกับเหล้าหรือน้ำแล้วจะเริ่มออกฤทธิ์อย่างช้าๆ และตายโดยที่หยุดหายใจไปเสียดื้อๆ ยาพิษนี้นางยอมจ่ายไปหลายตำลึงเพื่อให้ได้มา มันเป็นยาพิษที่หาได้ยากยิ่งแต่นางก็หามันมาจนได้
นางรีบยกจอกตรงหน้าขึ้นมาก่อนจะส่งไปให้เสียนอวี้ เสียนอวี้รับมาก่อนจะหยิบจอกขึ้นมาจรดริมฝีปากเพื่อดื่มน้ำเข้าไป หลันฟู่อิงนางมองการกระทำนั้นพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย แต่เพียงชั่วครู่สีหน้าของนางก็กลับมาเรียบเฉย บ่าวรินจอกอีกใบส่งให้กับนาง นางรับมาก่อนจะดื่มจนหมด ท่าทียินดีของนางไม่อาจจะเล็ดลอดสายตาของลู่เฉิงไปได้ นางมารร้ายผู้นี้คิดสิ่งใดอีกกัน ลู่เฉิงที่รู้สึกไม่วางใจกับการกระทำของนาง จึงคิดจะแยกนางและเสียนอวี้ออกโดยเร็ว
ร่างสูงลุกขึ้นมาก่อนจะพูดเสียงนุ่มทุ้มไปทางเสียนอวี้
“อวี้เอ๋อ ให้ข้าเดินไปส่งเจ้าที่นั่งดีหรือไม่”
“ไทจื่อ หม่อมฉัน”
“อย่าปฏิเสธข้าเลยอย่างไรก็คนกันเอง พระชายาข้าจะเดินไปส่งสหายของเจ้าเจ้าคงไม่ว่ากระไร”
“ไทจื่อท่านจะหักหน้าหม่อมฉันหรือเพคะ” หลันฟู่อิงพยายามสงบสติอารมณ์เพราะตรงนี้ฮองเฮาก็ทรงทอดพระเนตรอยู่ด้วย
“ข้าไม่ได้ขออนุญาตเจ้า ข้าเพียงแค่บอกเจ้าเท่านั้น ไปกันเถิด” เมื่อพูดจบลู่เฉิงก็เดินออกไปพร้อมกับเสียนอวี้ที่ทำหน้าลำบากใจ แม้ในใจนางจะรู้สึกไม่ยินยอมนักแต่อีกสายหนึ่งก็รู้สึกสะใจเมื่อรู้ว่าแผนของนางนั้นสำเร็จแล้ว คืนนี้อย่างไรหนามตำใจของนางจะต้องหายไปอย่างแน่นอน
ทางด้านหนึ่ง
“เจ้าว่าอย่างไร!”
“ตายแน่ข้าตายแน่ๆ”
“เจ้าตั้งสติของเจ้าเดี๋ยวนี้ เจ้าว่าอย่างไร” เหมยเหมยจับไหล่ของนางผู้นั้น เขย่าไหล่นางด้วยความตกใจ ก่อนจะถามบ่าวที่เป็นคนส่งจอกให้คุณหนูของนางอย่างร้อนใจ เมื่อท่าทีของนางนั้นดูผิดปกติไปอย่างมาก
“ข้า ข้าสลับจอกผิดไป! ข้าจำได้แม่นว่าข้าสลับจอกไว้ดีแล้วแต่เหตุใดจอกที่เคลือบยาพิษถึงมาอยู่ในของจัดเตรียมไปได้”
“เจ้ามั่นใจได้อย่างไร”
“จอกนั้นข้าเป็นผู้ทำตำหนิไว้เอง ตอนที่ข้าเข้าไปรินจอกให้คุณหนูข้าแอบสังเกตเห็น ขะ ข้าไม่ได้ตั้งใจขะ ข้าไม่ได้ตั้งจะฆ่าคุณหนูนะ”
“ชู่! เจ้าจะเสียงดังไปใยประเดี๋ยวมีใครมาได้ยินหรอก”
“ฮืออ เหมยเหมย ข้าจะทำเช่นไรดี ข้าต้องตายแน่ๆ แล้วพ่อแม่ข้าจะอยู่เช่นไรนะ ฮืออ”
“พอก่อน ข้าจะรีบไปตามหมอหลวงมา”
ว่าแล้วนางก็รีบเดินออกไปในทันที