ถูกปฏิเสธ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า

1726 คำ
"ทำไมต้องให้อภิสิทธิ์เด็กนั่นขนาดนั้นด้วยครับแม่ ญาติก็ไม่ใช่ ไม่น่าไว้ใจเลย ไม่รู้นิสัยใจคอเป็นยังไง ยิ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดแบบนี้ แม่ไว้ใจเขาเหรอครับ ผมบอกไว้ก่อนนะครับผม ไม่อยากให้ใครที่ไม่ใช่ญาติ เข้ามาวุ่นวายในบ้านเรา" ตะวัน ว่องไววิทย์ บุตรชายคนโตของบ้านหลังนี้ เขารูปร่างสูงใหญ่เหมือนบิดา หน้าตาเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา เพื่อนๆ เขาชอบเรียกเขาว่าเสือยิ้มยาก ด้วยว่าเขาต้องรับผิดชอบกิจการของบิดาที่ด่วนเสียชีวิตไป เขาทำงานช่วยที่บ้านตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ พ่อเขาเสียชีวิตเพราะป่วยด้วยโรคร้าย เจอทั้งเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในการทำงาน คู่แข่งทางการค้า ทำให้เขาระมัดระวังตัวในเรื่องของการคบคน เขาต้องบริหารพนักงานมากมาย และไม่เคยไว้ใจใคร ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เขาเจอคนมากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะกับผู้หญิง เขาเจ็บมามาก มีผู้หญิงเพียงแค่ 2 คน เท่านั้นที่เขารักและไว้ใจ คือนางดุจเดือน แม่ของเขา และกานดารา น้องสาวของเขา กานดาราไม่ค่อยแข็งแรง ร่างกายอ่อนแอ อาจเป็นเพราะตอนที่แม่เขาท้องน้องสาวเขา เป็นช่วงที่มีปัญหาเรื่องธุรกิจ ฐานะทางบ้านเขาช่วงนั้นเรียกว่าแย่ทีเดียว เขายังจำได้ แต่ได้เพื่อนของพ่อยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเงินทอง แต่พอบ้านเขาฐานะดีขึ้น กิจการบริษัทฯ เจริญก้าวหน้า พ่อเขาก็ใช้หนี้เพื่อนหมดทุกบาททุกสตางค์ ถ้าครอบครัวนั้นจะมาทวงบุญคุณ เขาก็ว่าไม่ควร เพราะบ้านเขาก็ชดใช้และคืนไปหมดแล้ว จากประสบการ์ณที่ผ่านมาหลายๆอย่าง ทำให้เขาไม่ไว้ใจใคร เขาไม่ยุ่งสุงสิงกับใคร ทำงาน ดูแลแม่ และน้อง กิจการบริษัท ผลิตอาหารสำเร็จรูปของเขาเติบโตขึ้นมาก "โธ่...ตะวัน น้องเป็นผู้หญิงคงไม่เกเร อะไรหรอกลูก อีกอย่างสมัยก่อนพ่อแม่เขามีบุญคุณกับแม่ ถ้าไม่ได้เขาพ่อกับแม่ก็ไม่ฟื้นมาได้ขนาดนี้ แม่เชื่อว่าลูกเขาก็ต้องเป็นคนดีไม่น้อยกว่าพ่อกับแม่เขาหรอก บ้านเราห้องก็ว่างเยอะแยะ ถ้าตะวันไม่สะดวก แม่ให้น้องไปอยู่บ้านหลังเล็กก็ได้ แค่ลองมาพักเดือนสองเดือนไม่เป็นไรหรอกลูก น้องกานจะได้มีเพื่อนเห็นว่าเรียนปีเดียวกัน อาจพักไม่กี่เดือนหรอกลูก เห็นว่าช่วงปี 4 ต้องฝึกงานนี่" นางดุจเดือนหัวเราะขำลูกชายเธอ ตะวันเป็นลูกชายคนโต สามีนางเสียชีวิต ทิ้งงานหลายอย่างไว้ให้นางต้องดูแล นางได้ลูกชายคนนี้ช่วยหลายอย่าง เขาสานต่อดูแลโรงงานแทนพ่อที่เสียไป ทำให้มันงอกเงย ลูกชายนางก็มีความรับผิดชอบ เสียอย่างเดียว เอาแต่ใจ ใจร้อน ไม่ชอบวุ่นวายกับใคร ดื่มหนัก สูบบุหรี่บ้าง กับเพื่อนๆ ที่สำคัญยังไม่คิดจะมีแฟน ปีนี้ลูกชายนางอายุ 30 ปี เต็ม เสียดายที่สามีนางด่วนเสียชีวิตไปก่อน ไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของลูก ส่วนกานดารา ลูกสาวคนเล็กของนาง ก็ยังต้องดูแลกัน ก่อนที่นางจะได้ลูกสาวคนเล็ก นางแท้งไป 2 ท้อง ทำให้ตะวัน กับกานดาราห่างกันหลายปี ดีที่พี่กับน้องรัก เป็นห่วงกัน แค่นี้นางก็สบายใจ อีกปีเดียวกานดาราก็เรียนจบ ตั้งแต่สามีเสียชีวิต นางก็ครองตัวเป็นโสด ทำงานดูแลลูกทั้งสอง ไม่คิดมีสามีใหม่ วันว่างนางก็ไปวัด ทำบุญ บางทีก็ไปปฎิบัติธรรมกับพวกเพื่อนๆ ชีวิตนี้นางไม่หวังอะไร อยากเห็นลูกชายมีครอบครัว อยากเห็นลูกคนเล็กเรียนจบ ทำงาน แค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับคนเป็นแม่ จริง ๆ นางควรที่จะไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนบ้าง แต่นั่นแหละ ถ้าลูกชายนางไปพาไป นางก็ไปลำบาก เขาเคร่งเครียดกับงานมากเกินไป เขาระแวง ไม่ไว้ใจใครเลย ข้อนี้นางก็เห็นใจลูก เพราะกว่าเขาจะพาธุรกิจครอบครัวมาเป็นปึกแผ่นขนาดนี้ เขาก็ผ่านอะไรต่ออะไรมามากมาย ยิ่งไม่มีสามีนางคอยให้คำปรึกษา บางทีนางก็เกิดอาการเกรงใจลูกชาย มีเรื่องอะไรก็ต้องบอกเขาก่อนเสมอ " สวัสดีค่ะแม่ กานกลับมาแล้วค่ะ คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ พี่ตะวัน ทำไมหน้าเครียดจัง มีอะไรเหรอคะ " ลูกสาวคนเล็กของบ้าน ว่องไววิทย์ เพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัย กานดาราร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ป่วยบ่อย อาจเป็นเพราะเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบกำลังกายด้วย ทั้งๆโรคที่เป็นก็สามารถรักษาหายได้ กานดารารูปร่างเล็กเหมือนมารดาแต่สมส่วน ส่วนพี่ชายเธอสูงใหญ่เหมือนบิดา เธอรู้ตัวเองว่าร่างกายแข็งแรงดี แต่มารดา และพี่ชายเธอจะมองว่าเธอไม่ค่อยแข็งแรง เธอแค่เป็นภูมิแพ้แบบไม่รุนแรง คุณหมอเคยแนะนำให้ออกกำลังกาย แต่เธอก็ขี้เกียจ บางทีเธอก็อยากไปออกกำลังกายที่ยิมบ้าง อยากไปกับเพื่อนบ้าง แม่เธอไม่เท่าไร แต่พี่ชายของเธอห่วงและหวงเธอมาก ทำให้เธอไม่ค่อยมีอิสระ อาการเบื่อเลยมีมากกว่าขยัน เอาไปเอามาเธอก็กลายเป็นขี้เกียจออกกำลังกายไปเลย วันหยุดเธอก็อยู่บ้าน ดูหนัง ดูละครของเธอไป อยากจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนก็ต้องขอพี่ชาย ซึ่งยากมาก กว่าที่เขาจะอนุญาต เธอเลยตัดปัญหาไม่ไปไหน แต่อยู่บ้านเธอก็สะดวกสบายทุกอย่าง ทำให้ไม่เดือดร้อนมากนัก เสียแต่ว่าไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท ซึ่งบางทีเธอก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน " กำลังคุยกันถึงลูกเพื่อนแม่สมัยนานมาแล้วลูก ที่แม่เคยเล่าให้ฟัง ชื่อปรายลดา เป็นลูกสาวเพื่อนเก่าแม่ เขาเรียนปี 4 แล้ว ปกติเขาอยู่กับพี่สาว แต่พี่สาวเขาสอบบรรจุครูได้ทางภาคใต้ เหลืออีกปีเดียวเขาก็จะจบแล้ว พ่อกับแม่ไม่อยากให้ไปอยู่หอพักคนเดียว เลยฝากมาอยู่บ้านเราก่อนที่จะหาหอพักที่ปลอดภัยได้ เห็นว่าช่วงเปิดเทอม หอพักใกล้มหาวิทยาลัย ก็หายากไม่ค่อยว่าง หอในมหาวิทยาลัยก็เต็ม ต้องรอเทอมต่อไป" "ว้าว....ดีจังเลยค่ะ กานอยากเจอแล้วซิ กานจะได้มีเพื่อน หน้าตาเป็นยังไงน้อ ให้เขานอนกับกานก็ได้นะคะแม่ ห้องกานกว้าง แล้วเขาจะมาเมื่อไรคะแม่" กานดาราดูตื่นเต้นมาก ยิ่งรู้ว่าอายุเท่ากัน ยิ่งอยากเจอ แต่พอหันไปทางพี่ชาย เธอก็ต้องเงียบเสียง รับรู้โดยปริยายว่า พี่ชายเธอไม่ชอบใจนัก แค่นั้นเธอก็เงียบเสียง เข้าไปนั่งใกล้ๆ ผู้เป็นมารดา " เขาจะมาพรุ่งนี้ลูก ต้องคุยกันก่อนว่าจะยังไง บางทีแม่คิดว่าเขาอาจจะไม่อยากมาอยู่กับเราก็ได้นะ ที่ต้องมาเพราะว่าพ่อกับแม่ขอร้อง ฟังจากที่เพื่อนแม่พูด ลูกเขาก็โลกส่วนตัวสูงมากเหมือนกัน สมัยก่อนเขาก็อยู่กันสองคนพี่น้อง วันหยุดก็ขับรถกลับบ้านหาพ่อแม่ที่นครนายก " "ขอให้มันจริงเถอะครับแม่ ไม่ใช่มาถึงอยู่แล้วไม่อยากออกไปอยู่หอล่ะ เขาพูดขัดขึ้นมา น้องกานก็ไม่ต้องไปเห่อเขานัก เรายังไม่เคยเห็น ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอเขาเลย พี่เคยบอกแล้วใช่ไหม ดูคนให้ดูนานๆ อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรตามที่ตาเราเห็น บางทีมันอาจไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้" "เอาล่ะๆ ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว ไปๆ ที่ห้องอาหารกัน ยายกานก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วรีบลงมากินข้าวนะ เดี๋ยวแม่ตั้งโต๊ะรอ วันนี้แม่ทำของโปรดไว้ให้ลูกทั้งสองคนเลย " นางดุจเดือนพูดพรางลุกเดินไปที่ห้องอาหาร ไม่เฉพาะแค่ลูกสาวนางที่ตื่นเต้น นางก็ตื่นเต้นเหมือนกัน เพื่อนของนางหน้าตาสวย อยากเห็นว่าลูกสาวจะสวยเหมือนแม่ไหม หนักใจก็กับลูกชาย นางไม่รู้ว่าเด็กที่มาจะมีทีท่ายังไง เอาเถอะยังไม่ถึงเวลา เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ว่าจะเป็นยังไง นางจัดเตรียมอาหารไว้ให้สำหรับ 3 คนแม่ลูก ดีที่ลูกของนางไม่ค่อยชอบออกไปทานอาหารหรือเที่ยวเตร่ข้างนอก ติดกับข้าวฝีมือเธอทั้งสองคน มีบ้างเดือนละครั้ง ออกไปทานร้านประจำสมัยที่สามีนางยังอยู่ เขาชอบพาเธอและลูกไปทาน เป็นร้านโปรดของครอบครัว " แม่ครับ.....เดี๋ยวผมให้ป้านวลกับลุงสรร ไปทำความสะอาดบ้านหลังเล็กนะครับ ให้ลูกสาวเพื่อนแม่ไปอยู่ที่โน้นดีกว่า ถึงจะอยู่แยกออกไปก็เป็นส่วนตัว ยังไงก็ปลอดภัย เรื่องอาหารการกินก็ให้เขามากินกับเรา หรือถ้าเขาอยากจะทำกินเองก็แล้วแต่เขา มาอยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยกันไม่ว่าจะเป็นงานบ้านงานเรือน หรืออะไรก็ตาม แต่ผมบอกก่อนนะครับว่า ไม่ใช่มาอยู่บ้านเราแล้วจะพาใครต่อใครมา ไม่ได้นะครับ ผมไม่ชอบวุ่นวาย มีอะไรต้องมาบอกก่อน อยู่กับเราก็ต้องปฏิบ้ติตามกฎระเบียบ เข้า – ออก ก็ให้เข้าทางเดียวเหมือนเรา ผมไม่อนุญาตให้เปิดประตูฝั่งโน้น เดี๋ยวจะวุ่นวาย อีกอย่าง ยายกานก็ไม่ต้องไปสนิทสนมอะไรกับเขามาก เรายังไม่รู้เลยว่าเขานิสัยใจคอเป็นยังไง เข้าใจไหม" แค่พี่ชายหันหน้านิ่งๆ มาหาเธอ กานดาราก็ยิ่งนิ่งเงียบมากกว่าเดิม " เอาอย่างนั้นก็ได้ลูก แม่เห็นด้วย มาๆกินข้าวกันดีกว่า" นางดุจเดือนยิ้มปลอบใจลูกสาว แค่ลูกชายนางรับปากว่าจะให้ลูกสาวเพื่อนมาพักด้วยได้ นางก็รู้สึกโล่งใจแล้วล่ะ เรื่องอื่นก็ค่อยว่ากัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม