เจ้าของร่างแบบบางยืนมองเตียงใหญ่ที่เคยร่วมหลับนอนกับสามีมานานนับสามปี พื้นที่แทบทุกตารางนิ้วล้วนมีคราบน้ำตาของหญิงสาว มองไปมุมไหนก็พบเพียงความเจ็บปวดที่ต้องแลกเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขจอมปลอม
แต่จะโทษณภัทรฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกต้อง เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอต้องการครอบครองเขา ดิ้นรนอยากได้ผู้ชายคนนี้มาไว้ข้างตัว เมื่อสามปีก่อนพอเห็นช่องทางที่สามารถบังคับณภัทรได้ เธอจึงรีบคว้ามันไว้โดยไม่เสียเวลาคิด สมควรแล้วที่ชีวิตหลังสมรสหาความสุขไม่ได้
“พี่น้อย ช่วยย้ายของใช้ส่วนตัวของเอ๋ยทั้งหมดไปไว้ที่ห้องนอนที่ติดกับห้องพระทีนะคะ” เธอพูดกับสาวใช้ที่ครองสุขส่งมาคอยดูแลพวกเราสองผัวเมียหลังแยกบ้านออกมาจากบ้านใหญ่
นอกจากดูแลหลานชายและหลานสะใภ้ของครองสุขแล้ว อีกหนึ่งหน้าที่ของน้อยคือสอดส่องดูแลความเป็นไปของชีวิตทั้งคู่ หากพบเห็นอะไรผิดปกติต้องรีบรายงานให้ครองสุขรู้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาน้อยทำหน้าที่นี้ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่อง
น้อยเป็นคนพูดน้อยสมชื่อแต่ช่างเก็บรายละเอียด เป็นสาวใช้ที่ฉลาดทั้งยังช่างสังเกต “เดี๋ยวน้อยจัดการให้นะคะ” เธอไม่ถามถึงเหตุผลสักคำว่าทำไมนายหญิงของบ้านถึงสั่งให้กระทำการเช่นนี้ ที่ผ่านมาน้อยเห็นมาตลอดว่าณภัทรปฏิบัติต่อผู้เป็นภรรยาเช่นไร อวัศยาหมดความอดทนจนต้องขอแยกห้องนอนก็คงไม่แปลก เพราะหากเป็นเธอคงเผ่นแน่บตั้งแต่ปีแรกแล้ว นับว่าอวัศยามีความอดทนนักที่อยู่กับผู้ชายเช่นณภัทรได้ถึงสามปีเต็ม
“ไม่ต้องเอาเรื่องนี้ไปรายงานคุณย่านะ เดี๋ยวถึงเวลาเอ๋ยกับคุณเชาน์จะเป็นคนบอกคุณย่าเอง” น้อยไม่ใช่คนปากมาก แต่ทุกอย่างที่สาวใช้คนนี้ทำล้วนทำเพราะเป็นหน้าที่ “รายงานคุณย่าว่าที่บ้านหลังนี้ปกติดีทุกอย่างก็พอ”
‘บ้านนี้ปกติดีทุกอย่าง’ ในความหมายของอวัศยาคือณภัทรทำตัวเย็นชาใส่เธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกของการแต่งงานจนถึงปัจจุบัน หากไม่ถูกชายหนุ่มมองด้วยหางตา ก็ต้องได้ยินเขาพ่นวาจาร้ายกาจที่ทำให้คนฟังแสบสันไปถึงกลางขั้วหัวใจออกมาทำร้ายหัวใจเธอให้เจ็บปวด เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวันจนทำให้คนที่ต้องรองรับการกระทำของเขาอย่างเธอนั้นชาชิน
ที่ผ่านมาไม่ว่านำเรื่องอะไรไปรายงานครองสุข อวัศยาไม่เคยห้าม แต่พอมาถึงเรื่องนี้คุณผู้หญิงของบ้านกลับออกปาก แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ น้อยเห็นสมควรว่าให้ครองสุขรู้จากปากของณภัทรและหลานสะใภ้คงดีกว่ารู้จากคนรับใช้
น้อยพยักหน้า “ค่ะคุณเอ๋ย คุณเอ๋ยมีอะไรจะใช้น้อยอีกไหมคะ” อวัศยาส่ายหน้า น้อยจึงขอตัวไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
อวัศยามองไปรอบห้องนอนใหม่ของตัวเองด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกทั้งสองข้าง แม้ว่าขนาดห้องนั้นเล็กกว่าห้องหอของเธอกับณภัทรเกินครึ่ง ทว่ามันกลับไร้ซึ่งความ อึดอัดเหมือนห้องนั้น มิน่าเล่าถึงมีประโยคที่บอกว่าคับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก
“อดทนนะเอ๋ย อีกสามเดือนเธอก็หลุดพ้นจากนรกขุมนี้แล้ว” หญิงสาวทิ้งตัวนอนลงบนเตียงที่น้อยเตรียมไว้ให้อย่างดี กลิ่นหอมสะอาดที่มาพร้อมกับสัมผัสนุ่มทำให้อวัศยาผ่อนคลายได้ไม่น้อย เธอมองเพดานแล้วนึกถึงช่วงกลางวันที่ไปแจ้งความประสงค์ของตัวเองต่อณภัทรว่าต้องการยุติการเป็นสามีภรรยากับเขา คราแรกเธอคิดว่าชายหนุ่มจะรีบเรียกทนายมาจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยเดี๋ยวนั้น แต่เหนือความคาดหมายยิ่งนักที่เขาเอ่ยปากขอเวลาจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยถึงสามเดือน
เจ้าของใบหน้าหวานหยดถอนหายใจเฮือกใหญ่ ใจจริงอวัศยาอยากหย่าขาดจากสามีให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด แต่ในเมื่อณภัทรขอเวลา เธอก็ต้องรอเพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นคนเช่นไร เขาไม่ใช่คนยอมอะไรง่ายๆ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด หากเธอไม่ยอมถอยหนึ่งก้าวแล้วดึงดันว่าจะรีบหย่าเสียให้ได้ ก็รังแต่จะทำให้เรื่องราววุ่นวายไปกันใหญ่เท่านั้น
“อยู่มาได้ตั้งสามปี รออีกแค่สามเดือนคงไม่ตายหรอกมั้ง”
หวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วช่างเวทนาและอดสูนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าอะไรที่ทำให้เธอหลงรักณภัทรหัวปักหัวปำถึงขนาดยอมกรีดหัวใจตัวเองให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพียงเพื่อแค่ให้มีเขาอยู่ข้างกาย
ผู้หญิงโง่!
ด่าตัวเองว่าโง่นับพันครั้งก็ยังไม่พอ
หลายเหตุการณ์ที่ไหลย้อนกลับเข้ามาในหัว มีเรื่องหนึ่งที่จำได้แม่นกว่าเรื่องไหนๆ ครั้งหนึ่งเธอเคยทำอาหารให้ณภัทรรับประทาน แต่เขากลับนำมันไปเทให้สุนัขจรจัดหน้าบ้านกินต่อหน้าต่อตาเธอ หลังจากที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดได้สำเร็จ เขาก็หันมาบอกเธอหน้าระรื่นว่าจะออกไปดินเนอร์กับผู้หญิงอื่น ปล่อยให้เธอนั่งร้องไห้ข้างสุนัขตัวนั้นโดยไม่สนใจไยดีสักนิด นึกแล้วยังเจ็บใจไม่หาย
ไอ้ผัวเฮงซวย!