แม้ว่าอวัศยาจะเอ่ยปากขอหย่า ทว่าณภัทรก็ยังทำตัวเหมือนเช่นที่ผ่านมา เขาไม่ยี่หระกับเรื่องนี้สักนิด คิดแต่ว่าภรรยาทำไปเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ เธอรักเขาจะตาย ทุกลมหายใจเข้าออกของเจ้าหล่อนมีแต่เขา เป็นเช่นนี้ถ้าหย่าขาดจากกันจริงๆ อวัศยาคงดิ้นทุรนทุรายทรมานหัวใจจนอยู่ไม่ได้เป็นแน่
เขามั่นใจ..
เจ้าของร่างสูงสง่าเดินก้าวขาเข้าไปในตัวบ้าน ยามนี้เวลาเที่ยงคืนสี่สิบห้านาที หลอดไฟที่โถงของบ้านยังคงเปิดสว่างไสว เป็นเช่นนี้ไม่แปลกอะไร เพราะทุกชีวิตใต้การปกครองของเขาล้วนรู้ดีว่าหากเข็มนาฬิกาไม่เลยเวลาหลังเที่ยงคืน เขาไม่มีทางกลับบ้านเด็ดขาด
เวลานี้อวัศยาก็คงนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานฆ่าเวลารอเขาเช่นทุกวัน ผู้หญิงคนนี้ถือคติที่ว่าต้องตื่นก่อนและนอนทีหลังสามีเสมอ นึกถึงตรงนี้แล้วณภัทรอดยิ้มเยาะไม่ได้ รักเขามากขนาดนี้ ยังกล้ามั่นหน้ามาเอ่ยปากขอหย่า ฮึ! เรียกร้องความสนใจล่ะสิไม่ว่า
ทว่าพอณภัทรเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ภายในห้องกลับไร้เงาเจ้าของร่างแบบบางเหมือนอย่างเช่นทุกวัน พลันหัวคิ้วชายหนุ่มก็ขมวดมุ่นเมื่อมองไปรอบห้องแล้วเห็นอะไรหลายอย่างผิดแผกแปลกตาไป
เหลือเพียงข้าวของเครื่องใช้ของเขา ส่วนของอวัศยากลับหายไปไม่เหลือแม้เพียงชิ้นเดียว สังหรณ์บางอย่างกำลังบอกเขาว่าสิ่งที่เคยคิดนั้นผิดเสียแล้ว
ประตูห้องนอนปิดดังปัง!
เสียงดังสนั่นบ่งบอกว่าเจ้าของห้องนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ใด ทว่าอวัศยากลับไม่รู้สึกอะไร หัวใจเจ้าหล่อนปล่อยวาง ว่างเปล่า.. เธอเพียงยกยิ้มบางเบาแล้วก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อ
คนหนึ่งนิ่งเสมือนน้ำ อีกคนร้อนรุ่มยิ่งกว่าถูกไฟแผดเผา ณภัทรเดินวนรอบห้อง เสื้อผ้าข้าวของอวัศยาไม่เหลือสักชิ้น แม้กระทั่งตุ๊กตาสีชมพูตัวเน่าที่เขามองทีไรก็นึกรำคาญลูกตา เวลานี้ก็ไม่อยู่แล้ว
“โธ่เว้ย! เธอคิดจะทำอะไรกันแน่เอ๋ย”
จากที่เคยมั่นใจว่าอวัศยารักตนมากจนไม่กล้าหย่าขาดจริงๆ แน่นอน ทว่ายามนี้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกกระวนกระวายเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงไปของอะไรหลายๆ อย่าง
กลางวันขอหย่า ตกกลางคืนมาแยกห้องนอน จากที่เคยมั่นอกมั่นใจนักหนาว่าที่ภรรยาทำไปเพราะเรียกร้องความสนใจ หาใช่เพราะเจ้าหล่อนต้องการหย่าขาดจากเขาเช่นปากพูดออกมา ทว่าพอถึงเวลานี้ณภัทรไม่สามารถบอกได้เต็มปากแล้วว่าเขายังมั่นใจเช่นนั้นอยู่จริงๆ
ณภัทรยืนเท้าเอว เขายกมือข้างขวาขึ้นกุมขมับอย่างคนคิดไม่ตกว่าทำไมอยู่ดีๆ อวัศยาถึงลุกขึ้นมาท้าหย่า แถมยังขนข้าวขนของหนีไปนอนที่อื่นเช่นนี้ ทั้งที่ผ่านมาเจ้าหล่อนก็ดูปกติดีทุกอย่าง ไม่เห็นมาร่ำไห้กอดแข้งกอดขาอ้อนวอนให้เขาหยุดพฤติกรรมเลวทรามเหมือนเช่นที่ผ่านมา
พลันคิดได้เช่นนั้นณภัทรก็ชะงักทันที คำตอบอยู่ที่คำถามเมื่อครู่ หลายเดือนให้หลังอวัศยาดูนิ่งไป เธอไม่โวยวายหรือร้องไห้เป็นหญิงเจ้าน้ำตาเมื่อรู้ว่าเขามีผู้หญิงอื่น ทำราวกับว่าไม่รับรู้สิ่งที่เขาทำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอวัศยาเพียรพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเป็นของเจ้าหล่อนคนเดียว ทั้งอ้อนวอน ทั้งตามราวีผู้หญิงทุกคนที่เขาไปยุ่งด้วย
หรือว่านี่จะเป็นแผนการเรียกร้องความสนใจขั้นสูงของผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยา เจ้าหล่อนเพียงแค่พยายามทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เขาทำแล้วทำเหมือนต้องการยุติสถานะความเป็นสามีภรรยากับเขาจริงๆ แต่แท้ที่จริงทุกอย่างมันเป็นแค่แผนการของอวัศยา ณภัทรยังพยายามหาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาสนับสนุนความคิดตัวเองว่ามันถูกต้อง
“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมเอ๋ย ได้!” ผู้หญิงคนนั้นย้ายไปนอนห้องอื่นก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีอะไรมาเกะกะสายตาเขาให้รู้สึกรำคาญ
หัวใจที่พยายามทำให้สงบโดยการคิดเข้าข้างตัวเองพลันกรุ่นโกรธขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วมองไม่เห็นชุดนอนซึ่งปกติอวัศยาจะเป็นคนเตรียมไว้ให้เขาสวมใส่ทุกวัน
แต่วันนี้มันไม่มี!
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ณภัทรเคยมองข้าม วันนี้กลับทำให้หงุดหงิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ชายหนุ่มก้าวขาโดยตั้งใจว่าจะไปถามอวัศยาให้รู้ความว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงไม่เตรียมชุดนอนไว้ให้เขา แต่พอเดินไปได้เพียงสามก้าว เขาก็ชะงักเท้าเอาไว้กะทันหัน เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าหากไปหาเรื่องภรรยา นั่นก็แสดงว่าการกระทำของหญิงสาวมีผลต่อความรู้สึกเขา ซึ่งมันคงทำให้อวัศยาหัวเราะเยาะทีหลังได้ ดังนั้นณภัทรจึงหันหลังกลับแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าค้นหาชุดนอนมาสวมใส่เอง
ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม เขาหันมองพื้นที่ว่างข้างกาย “คิดว่าสนใจเหรอ ไปซะได้ก็ดี” ปากพูดไปเช่นนั้น แต่หัวใจกลับรู้สึกหน่วงหนึบแปลกๆ