บทที่ 9 เชือดไก่ให้ลิงดู

1599 คำ
ไทเฮาพอรู้ว่าฮ่องเต้มีพระทัยคะนึงหาต่ออดีตฮองเฮาจึงได้เริ่มโน้มน้าวเรื่องเมื่อวานขึ้นมาอีกครั้ง “หากเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะหักใจให้จิ่นซีไปอยู่ที่ตำหนักซู่ฟางได้ลงอย่างนั้นหรือ แม่อยากให้เจ้าคิดดี ๆ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่โปรดปรานนาง แต่ก็ขอให้คิดถึงหน้าของราชวงศ์เอาไว้สักหน่อย ถึงอย่างไรนางยังมีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงใหญ่ เป็นธิดาเพียงคนเดียวที่เกิดกับอดีตฮองเฮา คิดหรือไม่ว่านางจะเสียใจเพียงใดที่บุตรซึ่งนางอุตส่าห์ใช้ชีวิตของตนเองเบ่งท้องคลอดออกมานั้นถูกผู้อื่นรังแกเช่นนี้ ซ้ำยังถูกบิดาผลักไสอีก” ตรัสจบไทเฮาก็สังเกตดูฮ่องเต้ว่าจะทรงมีปฏิกิริยาอันใดตอบสนองต่อคำกล่าวทั้งหมดของนางหรือไม่ แต่ทว่าฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้ตอบอะไรเอาแต่ขบคิดและไม่เอ่ยวาจา ในใจของพระองค์นั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ฝ่ายที่เสนอเรื่องนี้มาก็เป็นหวงกุ้ยเฟย ซึ่งพระองค์มอบหน้าที่ในการจัดการดูแลวังหลังให้ทั้งหมด แต่ทว่าคนที่คัดค้านก็เป็นถึงมารดาของตน จะว่าไปแล้วมีอำนาจมากกว่าหวงกุ้ยเฟยมาก แต่หากจะตัดสินใจตามความเป็นจริงนั้น ก็ควรที่จะทำตามที่ไทเฮากล่าวมา แต่ฮ่องเต้ก็ยังคงคิดไม่ตกอยู่ดี ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่ทำให้ตัดสินใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าบุตรชายนิ่งไปนาน ไทเฮาจึงกล่าวต่อ “คำกล่าวของกุ้ยเฟยนั้นถึงแม้ว่าจะอ้างว่าเป็นผลดีต่อจิ่นซี แต่ว่าหากพิจารณาดูให้ดีแล้ว ที่นางทำนั้นไม่มีอะไรที่ดีต่อจิ่นซีเลยแม้แต่น้อย ไม่จำเป็นว่าต้องไปอยู่ที่ตำหนักซู่ฟางแล้วถึงจะมีพี่น้อง มีสหายเล่นด้วยกัน เรื่องนี้แม่สามารถจัดการให้จิ่นซีได้ หาได้ต้องการให้กุ้ยเฟยสอดมือเข้ามาช่วยไม่” ฮ่องเต้ฟังแล้วก็ยังไม่ตรัสอะไรออกมา พระองค์ครุ่นคิดได้สักพักก็รู้ว่ายังไม่สามารถให้คำตอบกับพระมารดาได้ในตอนนี้ เพราะในพระทัยของพระองค์อยากจะเอาเรื่องนี้ไปคิดดูให้แน่ใจก่อนถึงจะตัดสินใจได้ “เสด็จแม่…ลูกจำเป็นต้องขอตัวก่อน ช่วงนี้มีฎีกามากมายให้ลูกต้องไปสะสางพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นมา จากนั้นก็ลุกขึ้นคำนับให้ไทเฮาหนึ่งครั้งแล้วหมุนตัวเดินจากไป โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองด้านหลังอีก ไทเฮาเห็นท่าทีของบุตรชายก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย เหตุผลทุกอย่างพระนางก็ได้อธิบายไปทั้งหมดแล้ว ด้วยศักดิ์ฐานะระหว่างพระนางกับหวงกุ้ยเฟยนั้น ฮ่องเต้ก็ควรจะตัดสินใจได้อย่างง่ายดายว่าควรจะเชื่อผู้ใด แต่ทว่ายังมีเหตุอันใดที่ตัดสินใจไม่ได้อีก หรือว่าการที่องค์หญิงจิ่นซีหน้าเหมือนกับอดีตฮองเฮามากเกินไปนั้นจะทำให้ฮ่องเต้ถึงกลับจดจำวันที่อดีตฮองเฮาสิ้นพระชนม์ไว้ในจิตใจไม่ลืม ฮ่องเต้ยังคงไม่ละวางความไม่พอใจต่อธิดาคนนี้เช่นนั้นหรือ แต่ก็ไม่เป็นไร ไทเฮายังคงเชื่อว่าเวลาจะสามารถเยียวยาทุกสิ่ง อีกไม่นานฮ่องเต้ก็คงจะเปิดใจรับธิดาคนนี้เข้าในสักวัน ขอเพียงแค่วันนี้ให้เขาตัดสินใจไม่ส่งนางไปตำหนักซู่ฟางก็เป็นพอ พระนางคิดจะหาโอกาสให้ทั้งสองคนพ่อลูกได้พบกัน อย่างน้อยการที่พ่อลูกได้พบหน้ากันบ้างนั้น ก็คงจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างฮ่องเต้กับองค์หญิงใหญ่นี้กลับมาใกล้ชิดกันมากขึ้น คิดได้ดังนั้นพระนางก็เริ่มดำเนินการทันที “เจ้าไปเรียกจิ่นซีมาพบข้าหน่อย ข้ามีเรื่องต้องกล่าวกับนาง” ไทเฮาหันไปตรัสกับนางกำนัลข้างกาย นางกำนัลข้างกายของไทเฮาตอนนี้ก็คือเสี่ยวหลัวผู้ซึ่งเคยเป็นนางกำนัลข้างกายของอดีตฮองเฮามาก่อน หลังจากที่นางไว้ทุกข์ให้อดีตฮองเฮาแล้ว ก็กลับมาปรนนิบัติรับใช้ไทเฮาแทน เสี่ยวหลัวพอได้ยินว่าถูกใช้ให้ไปตามองค์หญิงจิ่นซีก็ดีใจมาก เพราะนาน ๆ ทีจะได้พบองค์หญิงสักครั้งหนึ่ง “เพคะไทเฮา” เสี่ยวหลัวรับคำแล้วรีบวิ่งไปที่ตำหนักท้ายวังทันที สักพักองค์หญิงจิ่นซีพร้อมทั้งเสี่ยวหลัวก็มาถึงตำหนักอวิ๋นผิง ตอนที่เห็นหลานสาวคนนี้ในรอบหลายเดือน ไทเฮาก็รู้สึกปวดพระทัยยิ่งนัก เนื่องจากตัวของนางซูบผอมลงอีกแล้ว เสื้อผ้าชุดที่ใส่อยู่ก็เป็นชุดเดิมที่ไทเฮาเคยประทานให้ปีก่อนตอนวันเกิดครบรอบหกปีของนาง ขนาดใส่ชุดของปีที่แล้ว นางยังใส่เสียหลวมโพรก ขนาดองค์หญิงสี่ที่เกิดหลังนางตั้งสองปี ยังอ้วนท้วนกว่านางเสียอีก “จิ่นซีถวายบังคมเสด็จย่าเพคะ” เสียงหวานใสขององค์หญิงใหญ่กล่าวถวายบังคมก่อนที่จะย่อกายลงคารวะทีหนึ่ง “หลานย่า เจ้ามานั่งตรงนี้เถอะ ไหนมาให้ย่าดูสิว่าเป็นอย่างไรบ้าง” ไทเฮาทรงอ้าพระกรรับหลานสาวเข้ามา พลางสำรวจดูนางอย่างใกล้ชิด เห็นแล้วก็อดที่จะเวทนาสงสารไม่ได้ ไทเฮารู้สึกผิดที่ช่วงนี้ตนเผลอละเลยหลานสาวคนนี้ไป เมื่อเห็นว่าองค์หญิงจิ่นซีดูแล้วจะมีความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีนัก จึงคิดสงสัยในใจ พระนางพยักหน้าให้หลิวกงกงขันทีประจำกายคราหนึ่ง “เจ้าไปดูที่ตำหนักท้ายวังสักหน่อยเถอะ” “พ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงรับคำก่อนจะถอยหลังออกไปจากตำหนัก “มาเถอะ หลานย่า มาเล่าให้ย่าฟังสักหน่อยว่าช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไร ทำอะไรบ้าง” ไทเฮาตรัสกับหลานรักด้วยความเอ็นดู “ช่วงนี้หลานก็ปกติดีเพคะ เวลาว่างก็มักจะเดินหมากหรือไม่ก็อ่านหนังสือ นอกนั้นก็….” องค์หญิงจิ่นซีนึกเรื่องที่ตนเองทำระหว่างที่อยู่ตำหนักท้ายวังไม่ออก เพราะว่านอกจากเดินหมากกับอ่านหนังสือแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นให้ทำจริง ๆ แม้แต่หนังสือที่อยู่ในตำหนัก นางก็อ่านจบไปแล้วเล่มละหลายรอบ “นอกจากนั้นก็พักผ่อนเพคะ” สุดท้ายนางก็ตอบกลับไป ไทเฮาได้ฟังแล้วก็ถึงกลับทอดถอนพระทัยออกมา ไม่คิดว่าชีวิตของหลานสาวผู้นี้จะอ้างว้างและน่าเบื่อเช่นนี้ เมื่อเทียบกับองค์หญิงคนอื่น พวกนางได้ทำอะไรที่อยากทำ บางคนได้เรียนการร่ายรำ บางคนได้เรียนการเย็บปักถักร้อย เท่าที่มารดาของพวกนางจะทูลขอจากฮ่องเต้ แต่ทว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นี้ไม่มีมารดาแล้ว จึงไม่มีผู้ใดทูลขอเรื่องเหล่านี้ให้ “ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีอย่างอื่นที่อยากจะทำบ้างหรือไม่ หากว่าเจ้าต้องการสิ่งใด สามารถบอกกับย่าได้” ไทเฮาตรัสพลางลูบหลังนางไปด้วย “ยังไม่มีเพคะ” องค์หญิงจิ่นซีกล่าวออกมา เพราะนางยังนึกไม่ออก ไทเฮาทรงคุยเล่นกับองค์หญิงจิ่นซีจวบจนกระทั่งที่หลิวกงกงเข้ามารายงานเรื่องที่บ่าวในตำหนักขององค์หญิงใหญ่กำเริบเสิบสานอย่างไร กลั่นแกล้งนางอย่างไร ไทเฮาก็ถึงกลับกริ้วมาก ทรงรับสั่งให้เรียกตัวบ่าวพวกนี้มาให้หมด “ข้าอุตส่าห์ส่งพวกเจ้าให้ไปดูแลหลานสาวของข้า แต่ดูสิ่งที่พวกเจ้าทำนั้น นอกจากจะรังแกหลานสาวของข้าแล้ว พวกเจ้ายังไม่เห็นหัวข้าอีก หลิวกงกงบอกข้ามาทีสิ ว่าข้าควรจะจัดการกับพวกบ่าวที่เลี้ยงไม่เชื่องพวกนี้อย่างไรดี” ไทเฮาตรัสด้วยพระสุรเสียงที่โกรธเกรี้ยว ทั้ง ๆ ที่คนพวกนี้เป็นพระนางส่งไปแท้ ๆ แต่กลับกล้าทำเช่นนี้ได้ “กระหม่อมเห็นควรแล้วแต่ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ” หลิวกงกงกล่าวออกมาอย่างไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะบ่าวพวกนี้มีหวงกุ้ยเฟยหนุนหลังอยู่ เดิมทีแล้วโทษของการกลั่นแกล้ง หรือรังแกเชื้อพระวงศ์นั้นสถานหนักมีโทษถึงประหาร สถานเบามีโทษโบยตี และขังคุกใต้ดินตลอดชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่ถูกรังแกนั้นต้องการให้เป็นแบบใด แต่ทว่าองค์หญิงจิ่นซียังเด็กเกินไป ไทเฮาจึงจะเป็นผู้กำหนดโทษด้วยพระองค์เอง “โบยพวกนางคนละห้าสิบไม้ ผู้ใดยังรอดอยู่ ก็ให้ขังไว้ในคุกใต้ดิน” เมื่อไทเฮาตรัสจบ ทหารก็เข้ามาจับตัวนางกำนัลพวกนี้ไว้ทั้งหมดแล้วโบยตีต่อหน้าพระพักตร์ของไทเฮาและองค์หญิงจิ่นซี เด็กน้อยจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เป็นปกติ เดิมทีไทเฮาไม่อยากให้นางเห็นภาพพวกนี้ แต่นางเอ่ยว่าจะขอดูเอง ไทเฮาจึงทรงอนุญาต พระนางทรงยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างพอใจ ที่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าจิตใจของจิ่นซีก็ไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม