บทที่ 3 องค์หญิงจิ่นซี

1320 คำ
“ส่งนางมาให้ข้าเถอะ” ไทเฮากล่าวก่อนจะหันไปทางนางกำนัลที่กำลังอุ้มองค์หญิงอยู่ “พ่อเจ้าคงโกรธมาก ให้เขาได้ไปสงบจิตสงบใจทบทวนตัวเองสักครู่เถิด ระหว่างนี้ก็อยู่กับย่าก่อน เดี๋ยวย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าเอง” ไทเฮาตรัสกับองค์หญิงน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน องค์หญิงน้อยเมื่อเปลี่ยนจากอยู่ในอ้อมอกของนางกำนัลมาอยู่ในอ้อมอกของเสด็จย่าแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย จากที่ร้องไห้งอแงเมื่อสักครู่ มาบัดนี้กลับกลายเป็นว่านอนหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว ทั้งริมฝีปากยังยกยิ้มราวกับว่ากำลังฝันดีอยู่อย่างไรอย่างนั้น ไทเฮาอุ้มองค์หญิงน้อยแกว่งไปมาเป็นการกล่อม ในเมื่อองค์หญิงผู้นี้ไม่มีที่จะไปแล้ว พระนางจึงได้อุ้มไปที่ตำหนักอวิ๋นผิงของพระนางก่อน ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรนั้น คงต้องใช้เวลาคิดอีกสักพัก หรือไม่ คงรอให้ฮ่องเต้พระทัยเย็นก่อน แล้วคิดหารือกันหลังจากนั้น ในขณะที่ตำหนักอื่น ๆ กำลังโศกเศร้า แต่จะจริงใจหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่จะคาดเดา ฮ่องเต้ทรงมีสนมอยู่มากมาย หลังจากที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้ว สนมเหล่านี้คิดอย่างไรก็ไม่อาจจะรู้ได้ แต่กลับมีอยู่ตำหนักหนึ่ง ที่แทบจะจุกประทัดฉลองให้กับการจากไปของฮองเฮา ซึ่งก็คือตำหนักไฉ่อีของหวงกุ้ยเฟย หวงกุ้ยเฟยเป็นบุตรสาวของเจ้ากรมการคลังที่เข้ามาถวายตัวเป็นสนมเมื่อหลายปีก่อน ด้วยตำแหน่งและคุณงามความดีของบิดา จึงทำให้นางได้เลื่อนขั้นขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งกุ้ยเฟยได้เร็วกว่าคนอื่น หลังจากขึ้นมาอยู่ในตำแห่งนี้แล้ว นางก็เริ่มตั้งตนเป็นศัตรูกับฮองเฮาอย่างออกหน้า นางทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะยั่วยวนฮ่องเต้ให้มาบรรทมที่ตำหนัก เพื่อที่จะให้ตนเองตั้งครรภ์ก่อนผู้อื่น ทว่าก็ไม่ประสบผลสำเร็จสักที จนในที่สุดแล้วฮองเฮาก็ทรงตั้งพระครรภ์ก่อน หลายปีมานี้นางถูกฮองเฮากดหัวเอาไว้ใต้อาณัติมาตลอด อีกทั้งฮ่องเต้ก็ยังแทบไม่เสด็จไปตำหนักอื่น อยู่แต่ตำหนักเยี่ยนฟางเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีมาหานางบ้างเพียงแค่เดือนละครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่ว่ายังดีที่ช่วงที่ฮองเฮาตั้งพระครรภ์ ฮ่องเต้ก็เสด็จตำหนักอื่นมากขึ้น ทำให้หวงกุ้ยเฟยเองก็พลอยได้ประโยชน์ไปด้วย “ระฆังมรณะลั่นแล้ว สิ่งที่ข้าคาดหวังไว้ก็เป็นจริงแล้วสินะ” หวงกุ้ยเฟยหันไปกล่าวกับเยี่ยหงนางกำนัลคนสนิทที่ตอนนี้กำลังจัดการชงชาให้นางอยู่ นอกจากนางจะไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ได้รับข่าวการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮา ทว่ายังมีอารมณ์มานั่งดื่มชาอย่างสุนทรีอีก อย่าว่าแต่ไม่เสียใจเลย นางกลับรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ ที่ศัตรูคนสำคัญตายจากไปเสียที มิหนำซ้ำการจากไปของฮองเฮาในครั้งนี้ จะทำให้นางเข้าใกล้ตำแหน่งสูงสุดมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่มีฮองเฮา ตอนนี้นางที่เป็นถึงกุ้ยเฟยก็ถือได้ว่าเป็นใหญ่ที่สุดในวังหลังรองจากไทเฮา และตำแหน่งฮองเฮาคนต่อไปนั้นก็อยู่แค่เอื้อม อีกแค่ขั้นเดียวเท่านั้น จะไม่ให้นางดีใจได้อย่างไร และถ้าหากว่าหลังจากนี้นางตั้งครรภ์แล้วล่ะก็ อำนาจในวังหลังอย่างไรก็ต้องเป็นของนาง “พระสนมจะดื่มชาอะไรหรือเพคะ” เยี่ยหงถาม ตรงหน้านางได้เตรียมชาเอาไว้สี่ห้าอย่างแล้ว เหลือแต่เพียงให้หวงกุ้ยเฟยเลือก “วันนี้ฝนตกอากาศดียิ่ง อีกทั้งยังมีเรื่องมงคลอีก เหมาะที่สุดเห็นเป็นชาหลงจิ่งแล้วกระมัง” หวงกุ้ยเฟยจีบปากจีบคอเอ่ยหน้าระรื่น ชาหลงจิ่งเป็นชาราคาแพงที่จะนิยมดื่มกันในวันที่พิเศษ ส่วนมากแล้วจะมีดื่มกันเฉพาะในวัง หรือไม่ก็จวนขุนนางระดับสูงเท่านั้น วันนี้หวงกุ้ยเฟยคิดว่าเป็นวันดี วันมงคล จึงเลือกเป็นชาหลงจิ่งมาดื่มให้สบายอารมณ์สักหน่อย “เพคะพระสนม” เยี่ยหงรับคำ จากนั้นจึงเริ่มต้นชงชา กลิ่นชาหอมโชยมาถึงโต๊ะที่หวงกุ้ยเฟยนั่งอยู่ เยี่ยหงถือกาน้ำชาร้อน ๆ มาวางลงแล้วรินส่งให้กับนาง “แล้วบุตรของฮองเฮาเล่า เป็นหญิงหรือชาย” หวงกุ้ยเฟยถามแล้วยกน้ำชาขึ้นจิบ “เป็นองค์หญิงเพคะ ตอนนี้ทราบข่าวว่าอยู่ที่ตำหนักอวิ๋นผิง” เยี่ยหงเอ่ยตอบตามข่าวที่ได้รับมาจากนางกำนัลคนอื่นๆ เมื่อทราบว่าตอนนี้องค์หญิงอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาก็แปลกใจ ปกติแล้วสมควรจะอยู่ที่ตำหนักอื่นที่เป็นการส่วนตัวมิใช่หรือถึงแม้ว่าจะไม่มีฮองเฮาแล้ว แต่อย่างน้อยฮ่องเต้ก็ควรต้องจัดหาคนมาดูแลนาง “เหตุใดจึงไปอยู่ที่ตำหนักอวิ๋นผิงได้เล่า” คิดแล้วก็แปลกใจจึงได้ถามออกไป เยี่ยหงขยับเข้ามาใกล้หวงกุ้ยเฟยเล็กน้อย ก่อนจะเล่าอย่างกระซิบกระซาบ เพราะเกรงว่าจะไปเข้าหูผู้อื่น “หม่อมฉันทราบจากนางกำนัลตำหนักเยี่ยนฟางมาว่า ฝ่าบาททรงเสียพระทัยมากที่ฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์ ยิ่งพระนางสิ้นพระชนม์ตอนคลอดบุตร ก็เลยทำให้ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดองค์หญิงเพคะ จึงไม่ได้ตรัสว่าจะให้จัดการเรื่ององค์หญิงอย่างไร ไทเฮาก็เลยรับองค์หญิงไปไว้ที่ตำหนักก่อนเพคะ” หวงกุ้ยเฟยฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ไม่มีเรื่องไหนทำให้นางมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว ฮองเฮาสิ้นพระชนม์สำหรับนางถือเป็นเรื่องดี บุตรที่เกิดจากฮองเฮาก็เป็นองค์หญิง ทั้งยังเป็นองค์หญิงที่ฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดอีก นี่สวรรค์เข้าข้างนางชัด ๆ ดังนั้นหากว่านางตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ก็ย่อมได้รับการโปรดปรานมากกว่าองค์หญิงน้อยผู้นี้อยู่แล้ว มือข้างหนึ่งยกชาขึ้นมาจิบอีกครั้ง มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นพร้อมส่งสายตาที่มาดร้ายออกไปยังเบื้องหน้าที่ปราศจากผู้คน หวงกุ้ยเฟยแค่นเสียงเอ่ย ‘หึ’ออกมาคำหนึ่ง ไทเฮาตอนที่อยู่หน้าตำหนักเยี่ยนฟาง เมื่อทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของฮองเฮาจากหมอหลวงแล้วก็แทบล้มทั้งยืน แม้ว่าฮองเฮาจะไม่ใช่ญาติฝ่ายใดของนาง แต่หลายปีมานี้ ฮองเฮาก็ปรนนิบัติกตัญญูนางอย่างดี หนำซ้ำยังจัดการเรื่องภายในได้อย่างเรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นฮองเฮาที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติและรูปสมบัติโดยแท้ เสียก็แต่ไม่อาจมีบุตรชายให้กับฮ่องเต้เสียที ยามนี้พอมีบุตรได้แล้ว แม่ลูกยังไม่ทันได้พบหน้า นางก็ด่วนจากไปเสียก่อนอีก คิดแล้วอดสงสารทั้งแม่ทั้งลูกไม่ได้ และยิ่งพอมารู้ว่าฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดบุตรของตนคนนี้ ไทเฮาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จึงได้เพียงแต่รับนางมาดูแลก่อนในคืนนี้ พรุ่งนี้จึงจะจัดการมอบตำหนักท้ายวังให้ แล้วส่งคนไปดูแลนาง รอให้ฮ่องเต้พระทัยเย็นก่อน แล้วค่อยเรียกตัวนางกลับมา ไทเฮาทรงอุ้มองค์หญิงน้อยไว้ในอ้อมอก ก้มพระพักตร์ลงไปแล้วกล่าวด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยนว่า “ย่าจะตั้งชื่อให้เจ้าว่าจิ่นซีดีหรือไม่ นามนี้ไพเราะเหมาะกับเจ้าแล้ว” เสียงอ้อแอ้ดังออกมาจากปากของทารกน้อย ราวกับว่านางเข้าใจความหมายของชื่อตนเองอย่างไรอย่างนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม