...พราวฟ้าไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จะมีคนบ้าที่ไหนอยากเข้าคุก แต่ใบหน้าจริงจังของเขาก็ทำให้รู้ว่าคนบ้าที่นี่แหละจะเข้าคุก
“ฉันไม่อยากมีเรื่องค่ะ” เธอไม่ยอมลงจากรถ ขณะที่คนทำผิดไม่สบายใจ
“ผมไม่สบายใจเลยตั้งแต่วันที่ทำผิดกับคุณไป กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ดีและไม่ควรมีชีวิตอยู่ เสียงร้องไห้ของคุณยังดังก้องอยู่ในหัว ถ้าไม่แจ้งตำรวจจับผมก็ให้ผมรับผิดชอบชีวิตคุณนะครับ” กฤตยนัยมีแววตาที่ทำให้คนใจอ่อนอย่างเธอเห็นใจ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ช่างมัน” เธอว่าอย่างไม่ยี่หระ เห็นว่าเขาสำนึกผิดก็ดีใจแล้ว แต่สำหรับอาจารย์หนุ่มนั้นไม่ใช่
“ผมอยากรับผิดชอบชีวิตของคุณจริง ๆ นะ แต่งงานกับผมได้ไหมครับ”
“ห้ะ ตะ แต่งงาน” ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเอ่ยคำนี้ออกมา ดูอย่างพ่อของเธอ ผู้ชายบางคนไม่อยากเอาชีวิตไปผูกมัดกับใครด้วยการแต่งงานแน่นอน
“ผมล่วงเกินคุณ ทำคุณเจ็บ” พราวฟ้าส่ายหน้า แม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดและสำนึกผิดต่อบาป แต่คนที่ไร้สติถึงขนาดข่มขืนคนอื่นได้ เขาคนนั้นย่อมเป็นคนไม่ดี เรื่องอะไรเธอจะแต่งงานกับเขา
“ไม่ค่ะ ถ้าคุณอยากรับผิดชอบจริง ๆ ช่วยอย่ายุ่งกับฉันจะดีกว่าค่ะ” เธอปลดสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะลงจากรถของเขา มันเหมือนกับว่าชีวิตได้ก้าวผิดพลาดไม่มีเวลามาอิดออดกับเรื่องนี้ เวลานี้เธอต้องรีบไปทำงาน
“ผมขอโทษ คุณนับถือศาสนาอะไรครับ ถ้านับถือศาสนาพุทธ ผมจะบวชอุทิศส่วนกุศลให้คุณเป็นการตอบแทนที่คุณอโหสิให้กับผม”
“ห๊า อาจารย์เพี้ยนป่ะเนี่ย” ใครคงไม่เข้าใจ บางอย่างที่ทำผิดมันเหมือนว่ามีชนักมาติดในใจต้องรีบแก้ไขไม่งั้นก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อได้
“ผมรู้สึกผิดจริง ๆ”
“_”
“ผมอยากชดเชยทุกอย่างให้กับคุณ” เขาว่าน้ำตาคลอ พ่อแม่ก็ไม่เคยสอนให้เขาทำแบบนั้นกับคนแปลกหน้า “วันนั้นผมรู้สึกถูกใจคุณมากแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปจีบ แล้วพอได้เจอคุณตอนสติอยู่ไม่ครบ ผมก็เลยเห็นแก่ตัวทำแบบนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจแต่สองรอบ?” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ เธอไม่อยากยุ่งกับเขา “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันมีหลายอย่างที่ต้องทำ และคนอย่างฉันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรมาก”
“อย่าคิดงั้นเลยครับ ทุกคนมีคุณค่า” เขาช่างไม่รู้อะไรเลย พราวฟ้าคิดในใจก่อนจะเดินหนีเขา แต่คนตัวโตก็เดินตามดังเดิม
“ไปไหนครับ”
“_”
“ให้ผมไปส่งนะครับ” พราวฟ้าชะงักฝ่าเท้า เธอไม่อยากยุ่งกับเขาหรอก แต่พอยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาก็เห็นว่าใกล้ถึงเวลาทำงานแล้ว เจ้าของร่างบางยอมหมุนตัวกลับเดินไปขึ้นรถของอาจารย์หนุ่มตามเดิม
“คุณทำงานพาร์ทไทม์ด้วยเหรอครับ” หลังจากเธอบอกสถานที่ทำงานกฤตยนัยก็เอ่ยปากถามอีกทันที ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนพูดมาก แต่พอเป็นเธอเขาก็ไม่รู้ไปเอาความกล้าที่ไหนมาพูดกับเธอมากขนาดนี้
“_”
“เก่งจังครับ ผมชื่นชมนักศึกษาทุกคนที่ทำงานไปเรียนไป เก่งมากเลยครับ” เพราะรู้ว่าเรียนแต่ละวันก็หนักหนามากแล้ว ทำงานพาร์ทไทม์อีก ไม่ใช่เล่น ๆ เลยผู้หญิงตัวแค่นี้
“_”
“ว่าแต่ว่า...ทำงานจริง ๆ เหรอครับ” พอคิดอีกที เธอเรียนมหา'ลัยเอกชนที่ค่าเทอมแพงมากที่สุดในประเทศแต่กลับไปทำงาน ชายหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ แต่พอจะอ้าปากถามอีกครั้ง
“หยุดพูดได้แล้วค่ะ คุณควรอยู่เงียบ ๆ บ้าง” เธอก็เอ่ยปรามเสียก่อน เขาหุบปากแทบไม่ทันแหนะ
...พอมาถึงร้านอาหารที่ทำงานของสาวเจ้า พราวฟ้าก็ลงจากรถของเขาในทันที หญิงสาวรีบไปสแกนนิ้วเข้าทำงาน โดยมีคนสอดรู้สอดเห็นชะโงกหน้ามองตามหลังของเธอไม่วางตา
“หึ ดีชะมัด” เขายกมือขึ้นกุมแผ่นอกข้างซ้าย รู้สึกว่าไอ้เจ้าก้อนเนื้อข้างซ้ายขยันเต้นแรงเสียจริง รอสักพักก็เห็นคนตัวเล็กออกมาหน้าร้านด้วยชุดยูนิฟอร์มของร้านอาหารไทยแล้ว ชายหนุ่มมองป้ายร้านที่เปลี่ยนจากปิดเป็นเปิดเขาจึงลงจากรถเพื่อเข้าไปในร้านอาหาร ทำเอาพราวฟ้าถลึงตามองทันที
“มากี่คนคะ” เพื่อนพนักงานของเธอเอ่ยต้อนรับลูกค้ารายแรกของวันอย่างเขา
“เอ่อ คนเดียวครับ” ฝ่ามือบางของมะลิผายให้ลูกค้าไปนั่งโต๊ะชิดกับริมหน้าต่าง
“นี่เป็นเมนูค่ะ ส่วนโปรโมชั่นของทางร้านอยู่ทางด้านหลังนะคะ”
“ครับ” เขารับมาเปิดดู ก่อนจะใช้นิ้วจิ้ม สี่ห้าอย่างซึ่งมันเยอะมากสำหรับทานคนเดียว “แล้วก็ข้าวสองจานครับ”
“คะ?”
“อ้อ จานหนึ่งเอาให้ผม ส่วนอีกจานให้ผู้หญิงคนนั้นครับ กับข้าวสองสามอย่างนี้ด้วยครับ” มะลิมองตามนิ้วมือของลูกค้าหนุ่มก็ต้องตกใจ
“พราวฟ้าเหรอคะ” ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักรับ ขณะเดียวกันคนลอบมองอยู่ก็มึนงง เขาต้องการอะไรกันแน่ มีท่าทีแปลก ๆ ซุบซิบแถมยังขยิบตาให้เธออีกด้วย
“อะไรของเขา” เธอพึมพำคนเดียว ก่อนที่มะลิจะเดินเข้ามาหา
“เขาสั่งอาหารให้เธอด้วย ให้ตายสิ...เธอไปรู้จักผู้ชายหน้าตาดีแถมรวยขนาดนี้ได้ยังไง ไหนเล่ามาซิ” พราวฟ้ากะพริบตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าจะต้องตกใจที่เขาสั่งอาหารให้หรือตกใจกับคำถามของคนเป็นเพื่อนดี...จะให้บอกอย่างไรกันเล่า จะบอกว่ารู้จักเพราะถูกข่มขืนมาอย่างนั้นหรือ