ตอนที่ 3

1423 คำ
“กูบอกให้ออกไปไง ส่งมันมา มันมีชู้ กูจะกระทืบมันให้ตาย” “ไม่จริงนะคะ ฉันแค่เป็นแฟนกับเขา และก็กำลังจะขอเลิก แต่เขาไม่ยอม เลยซ้อมฉันค่ะ” ผู้หญิงที่หลบอยู่ด้านหลังของเขาละล่ำละลักเสแสร้งออกมา และบรูซก็เชื่อแน่ว่าคำพูดของหล่อนคือความจริง “มึงจะเลิกกับกูไปหาผัวใหม่ล่ะสิ กูไม่ยอม ถ้ากูไม่ได้ใครก็ไม่ได้” ไอ้ผู้ชายตะโกนลั่น แต่ก็ยังไม่กล้าเข้ามาทำอะไร เพราะเขาตัวใหญ่กว่ามาก “ส่งมันมาให้กู แล้วกูจะไว้ชีวิตมึง” “ไปซะ ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจ” หน้าตามันซีดไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจจากปากของเขา แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังคงทำใจดีสู้เสืออยู่ “ตำรวจอะไร กูไม่กลัว มึงรู้ไหมว่าพ่อกูเป็นใคร” “เป็นภารโรง” ผู้หญิงที่หลบอยู่หลังเขาตะโกนสวนออกมา “คุณคะ เรียกตำรวจเลยค่ะ มันค้ายา ตำรวจมามันจะได้ติดคุก” บรูซไม่ได้พูดอะไร นอกจากล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก มันเห็นท่าทางของเขาเอาจริง จึงชี้หน้าอาฆาต “ฝากไว้ก่อนเถอะ เจอกูอีกเมื่อไหร่ มึงตาย” มันพูดจบก็รีบวิ่งไป ท่ามกลางความโล่งใจของเขา “มันไปแล้วครับ คุณไม่เป็นไรนะ” เขาหันกลับมามองผู้หญิงที่อยู่ด้านหลัง มองด้วยความห่วงใยในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคง...” แล้วหล่อนก็ร่ำไห้ออกมา เขาจึงจำต้องส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้กับหล่อน ซึ่งเจ้าหล่อนก็รับไปซับน้ำตาโดยไม่คิดอิดออด “ผมว่าคุณควรจะไปแจ้งความเอาไว้นะครับ” “ฉันแจ้งไปหลายรอบแล้วค่ะ แต่ก็ไม่เห็นช่วยอะไรฉันได้เลย มันก็ยังตามมาทำร้ายฉันได้ทุกที ตอนนี้ฉันไม่รู้จะหนีไปที่ไหนแล้ว” บรูซมองอย่างเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง “ผมขอให้คุณโชคดีไม่พบมันอีกก็แล้วกันนะครับ ผมขอตัว” ชายหนุ่มก้าวเดินจากไปไม่กี่ก้าว หญิงสาวคนที่เขาช่วยเอาไว้ก็ร้องเรียกเอาไว้ เขาจำต้องหยุดเดินและหันกลับไปมอง ซึ่งก็ได้เห็นเจ้าหล่อนซอยเท้าเข้ามาหาอย่างคล่องแคล่ว แต่แล้วจู่ๆ ก็สะดุดล้มลงไปกับพื้นทรายซะอย่างนั้น “โอ๊ย...” ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษบรูซจึงจำเป็นต้องเดินกลับไปหา และประคองร่างเล็กนั้นให้ลุกขึ้นยืน แต่เจ้าหล่อนอ่อนปวกเปียกไปทั้งกาย จึงต้องพิงร่างของเขาเอาไว้เป็นหลัก “ไม่เป็นอะไรนะครับ” “ฉัน... หน้ามืดน่ะค่ะ คงเป็นเพราะถูกตบ...” แล้วก็ยกมือขึ้นแตะแก้มของตัวเองที่เขียวช้ำ บรูซมองอย่างเห็นใจ “งั้นผมจะพาคุณไปนั่งพักก่อนก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวอาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับที่พัก” บรูซพยุงร่างอ่อนระทวยของสาวนิรนามไปนั่งที่ใต้ต้นมะพร้าว พลางทรุดกายลงนั่งข้างๆ อย่างไม่มี ทางเลือก เพราะหากทิ้งไปตอนนี้เขาคงได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายใจจืดใจดำ “ขอบคุณมากเลยนะคะ คุณ...” “ผมบรูซครับ” “คุณบรูซ” เจ้าของชื่อระบายยิ้มน้อยๆ ขยับตัวออกห่างทีละนิดจนมีระยะห่างเป็นที่น่าพอใจ “แล้วคุณล่ะครับเป็นไงมาไงถึงได้มาถูกทำร้ายแบบนี้” บรูซเห็นสีหน้าของคู่สนทนาเศร้าหมอง หยาดน้ำตาคลอเบ้าก็อดสงสารไม่ได้ “ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมแค่ถามเฉยๆ” หล่อนหันมามองเขา จับมือของเขาเอาไว้ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเวทนา “เล่าได้สิคะ ในเมื่อคุณคือผู้มีพระคุณของฉัน” ว่าแล้วหญิงสาวก็เริ่มต้นเล่าเรื่องของตัวเองออกมา “ฉันเป็นเด็กกำพร้าค่ะ เรียนจบแค่มัธยมศึกษาปีที่หกจากนั้นก็หางานทำมาเรื่อยๆ ทำทุกอย่างเลยนะคะเพื่อความอยู่รอด เงินเดือนได้เท่าไหร่ ฉันส่งไปให้กับคุณแม่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งหมดเลยค่ะ ฉันไม่เคยนำมาใช้จ่ายฟุ่มเฟื่อยเหมือนเด็กสาวทั่วๆ ไปเลย เพราะฉันคิดว่าคุณแม่และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ฉันเติบโตมานั้นมีพระคุณกับฉันมากมายเหลือเกิน อะไรที่ฉันทำได้ฉันก็ทำให้ทุกอย่าง แต่แล้ว...” หญิงสาวคนนั้นเล่าไปสักพักก็เริ่มมีน้ำตา และสะอื้นหนักขึ้น จนเขาต้องยกมือขึ้นตบไหล่เบาๆ อย่างปลอบโยน “แต่แล้วฉันก็ถูกหลอกค่ะ ถูกหลอกให้ขายตัว และไอ้ผู้ชายคนที่คุณต่อยซะหน้าหงายเป็นคนช่วยฉันออกมาค่ะ” “งั้นผู้ชายคนนั้นก็คือคนที่มีพระคุณกับคุณน่ะสิครับ” นัยน์ตาของหญิงสาวเปลี่ยนสีแต่บรูซไม่เห็น “ก็ใช่ค่ะ แต่ก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนะคะ เมื่อมันเอาฉันไปขายต่ออีกทีค่ะ พอฉันไม่ทำ มันก็ตบก็ตีอย่างที่คุณเห็นนั่นแหละค่ะ” “ผมเห็นใจในชะตาชีวิตของคุณจังเลยครับ แต่ต่อไปผมเชื่อว่าคุณจะพบแต่คนดีๆ” “ใช่ค่ะ... ตอนนี้ฉันก็ได้พบ... ผู้ชายดีๆ แบบคุณแล้ว คุณบรูซ” มือใหญ่ของบรูซถูกผู้หญิงตรงหน้าดึงไปกุมเอาไว้ พร้อมๆ กับน้ำตาของเจ้าหล่อนทำให้บรูซรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก จนต้องรีบดึงมือออก “ผมไม่ใช่คนดีหรอกครับ” เขาตอบและยกมือขึ้นมองนาฬิกาข้อมือ “เอ่อ ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ต้องรีบกลับที่พัก” บรูซลุกขึ้นยืน โดยมีผู้หญิงอีกคนรีบลุกขึ้นตามด้วยกิริยาคล่องแคล่วจนไม่หลงเหลืออาการอ่อนแรงแบบเมื่อครู่นี้อีกเลย “คุณหายดีแล้วหรือครับ” บรูซถามด้วยความสงสัย “เอ่อ ค่ะ ค่อยยังชั่วแล้วค่ะ ว่าแต่คุณบรูซจะไม่ถามชื่อของฉันเลยเหรอคะ” เขาไม่ได้อยากรู้เลย และก็ไม่คิดว่าจะจำเป็นต้องพบเจอกันอีก แต่ก็ไม่อยากทำให้ผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกเสียใจจึงเอ่ยขึ้น “ขอโทษครับ ผมลืมไปเลย คุณชื่ออะไรครับ” คนที่ถูกเขาถามยิ้มกว้าง ยิ้มด้วยความดีใจ “ฉันชื่อเมธาวีค่ะ เมธาวี เลิศสกุล เรียกสั้นๆ ว่าเมก็ได้ค่ะ” “ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเม” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คุณบรูซ” สายตาของคู่สนทนามองเขาด้วยความหลงใหลชัดเจน แต่บรูซไม่ใส่ใจ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ถ้ามีโอกาส เราคงได้พบกันอีก” แต่เขาคิดว่าไม่มีทางหรอก บรูซคิดในใจก่อนจะหมุนตัวและเดินจากไป เสียงตะโกนเรียกชื่อเขาดังขึ้นด้านหลังอีกครั้ง เขาจำต้องหยุดเดิน “ครับ คุณเม?” “ผ้าเช็ดหน้าของคุณบรูซ...” หล่อนชูผ้าเช็ดหน้าขึ้น และบอกเขาเป็นเชิงถาม บรูซเข้าใจความหมายดีจึงตอบสวนกลับไปด้วยความสุภาพ “ผมให้คุณครับ ไม่ต้องคืน ขอตัวครับ” แล้วคราวนี้เขาก็หมุนตัวและเดินจากไปทันทีโดยไม่คิดจะหันหลังกลับมาอีกหากมีเสียงเรียกจากเมธาวี ซึ่งเจ้าหล่อนก็ไม่ได้เรียกอีกครั้ง นอกจากยืนมองด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ “ผู้ชายอะไรหล๊อหล่อ ไม่เสียแรงที่ลงทุนเจ็บตัว” เมธาวีหัวเราะหึหึในลำคอ ก่อนจะโทรตามไอ้ผู้ชายที่หล่อนจ้างให้มาเป็นแฟนของตัวเองให้มารับเงิน ไม่นานมันก็วิ่งมาหาด้วยใบหน้าที่กระหยิ่มยิ้มย่อง “เป็นไงครับคุณเม ผมแสดงได้ดีไหมครับ” เมธาวีมองค้อนอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะรีบส่งเงินให้กับคู่สนทนา “นี่ค่าจ้างของแก เอาไป แล้วอย่ามาแถวนี้อีก” “ได้ครับคุณเม แต่ถ้ามีงานดีๆ แบบนี้อีกเรียกใช้ผมได้นะครับ ผมยินดีครับ” “เออ รู้แล้วล่ะน่ะ ไปได้แล้ว” หมอนั่นยกเงินปึกใหญ่ขึ้นมาจูบ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป เมธาวีที่ยืนอยู่ยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้ารูปไข่ขาวสะอาดมากมายนัก “ฉันจะต้อง... ได้คุณ คุณบรูซ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม