ตอนที่ 8

1653 คำ
8 ตลอดสองอาทิตย์มาคัสไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวคลาดจากสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเขาก็จะตามติดเป็นเงาตามตัว แม้กระทั่งว่าเธอจะเข้าห้องน้ำถ้าเป็นไปได้เขาก็ยังอยากจะตามเข้าไปด้วยซ้ำ จากที่เคยหวาดกลัวและรังเกียจรังงอน มะลิวัลย์เริ่มรู้สึกถึงความน่ารักที่ชายหนุ่มมี ถึงแม้ว่าเขาจะเอาแต่ใจไปบ้างและชอบขมขู่ แต่เธอกลับรับรู้ถึงความรู้สึกโหยหาความรักอยู่ในจิตใจอันดุดันและแข็งกร้าว “คิดอะไรอยู่น่ะมะลิ เห็นนั่งเหม่อเชียว” มือใหญ่จับตัวหญิงสาวมานั่งบนตักหนา สอบแขนโอบรอบเอวคอดกิ่ว จับมือเล็กเรียววางบนมือใหญ่ ปากหนากดลงบนลำคอเนียนนุ่มและหอมกรุ่น สองหนุ่มสาวนั่งเคียงคู่กันอยู่บนเรือยอร์ชลำเล็ก มือใหญ่ชี้ชวนให้หญิงในอ้อมแขนมองดูบรรยากาศยามเย็นสายลมพัดแผ่วๆ  พระอาทิตย์ฉายแสงเป็นสีส้มอ่อน ท้องฟ้ากว้างสีครามสดใส น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต เรือลำนี้ความจริงแล้วไม่ใช่ของเขาหรอกแต่เป็นของนายอนันต์บิดาบุญธรรมที่มอบให้ในตอนที่เขาอายุได้ 25 ปี ย่างเข้าวัยเบญจเพสที่คนอื่นๆ จะต้องโชคร้ายแต่เขากลับโชคดี นอกจากจะมีครอบครัวอันแสนจะอบอุ่นมีน้องสาวที่น่ารัก และหน้าที่การงานที่รับผิดชอบก็เป็นไปด้วยดี มะลิวัลย์เอนตัวพิงอกกว้าง บีบมือใหญ่เบาๆ ตลอดสองอาทิตย์มาคัสพาเธอไปเที่ยวจนทั่วชายทะเลแห่งนี้ บางก็พาเธอไปเที่ยวชมเมืองยามค่ำคืน แล้วพอกลับถึงบ้านเขาก็จะมอบความรักให้จนเธอหมดแรงและนอนหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน แล้วยังบังคับให้เธอเรียกเขาว่าพี่มาร์ค ตอนแรกๆ ที่เธอไม่ทำตามเขาก็ลงโทษเธอเสียจนอ่อนระทวยแทบจะลุกจากเตียงไม่ขึ้นถึงหนึ่งวันเต็มๆ มือใหญ่เริ่มลากไล้ไปตามลำตัวเนียนนุ่ม “พอเถอะค่ะพี่มาร์ค พี่ไม่เหนื่อยแต่หนูเหนื่อยนะคะ” หญิงสาวร้องห้ามเมื่อรับรู้ถึงความแข็งแกร่งและร้อนผ่าวที่กำลังดุนดันสะโพก ปากห้ามก็จริงแต่ใจกลับเป็นสุขที่เขาไม่เบื่อหน่ายเมื่อมอบความสุขให้เธอ ไม่รู้ว่าคืนและวันเหล่านี้จะยาวนานไปอีกสักเพียงใด เธอได้แต่หวังว่ามาคัสจะไม่เบื่อและขับไล่ไสส่งเธอเร็วนัก ถึงแม้ตอนแรกเธออาจจะกลัวและรังเกียจอยากจะหนีเขาไปให้เร็วที่สุด แต่พอมาถึงตอนนี้เธอเสียกายให้เขาโดยไม่ยินยอมแต่กลับมอบใจให้เขาด้วยความสมัครใจ ถ้าเขาเบื่อและทิ้งเธอไปเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงถ้ามีแต่ร่างกายแต่ปราศจากหัวใจ “เหนื่อยอะไรกัน ฉันเห็นเธอไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” มาคัสถามพร้อมกับหัวเราะในลำคอ มองใบหน้าสวยที่เอ่อแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็วและลามไล้ไปตลอดจนถึงลำคอ มือใหญ่ลากแผ่วเบาไปบนลำขาเนียนนุ่ม ปากก็ขบเม้มหลังเนียนลากไล้ปากลงไปดึงสายบิกินี่ที่ผูกไว้ด้านหลังเนียนนุ่มออก “บ้า พี่มาร์คน่ะ อุ้ย พี่มาร์คคะ ยะ...หยุดเถอะนะคะ” หญิงสาวจับมือใหญ่ที่กำลังลากไปหากลีบดอกไม้อันอ่อนเยาว์และสะกิดมันอย่างแผ่วเบา ปากหนาก้มปิดปากที่กำลังจะร้องห้าม สองมือใหญ่ดันสะโพกกลมมลขึ้นและเกี่ยวบิกินี่ชิ้นเล็กออกจากเรือนกาย นิ้วยาวใหญ่กระตุ้นอารมณ์ปรารถนาในกายหญิงสาวจนร้อนเป็นไฟ มือใหญ่จับร่างบางหันมาประจันหน้ากับตัวเอง สองขาเรียวโอบรอบเอวแกร่ง “ฉันว่าเธอคงไม่อยากให้ฉันหยุดแล้วล่ะมะลิ” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มเมื่อนิ้วยาวใหญ่แทรกเข้าไปแหวกว่ายในกลีบดอกไม้อันหวานหอมที่กำลังพร้อมพรั่ง “บอกซิมะลิว่าต้องการให้ฉันหยุดหรือเปล่า” มาคัสคงถามเสียงแหบพร่าและไล้คลึงเกสรสีแดงจนน้ำหวานเอ่อล้นซึมออกมาจากกายนุ่ม มะลิวัลย์กัดริมฝีปาก สองมือโอบรอบลำคอแกร่ง สะโพกส่ายน้อยๆ ตอบรับปลายนิ้วยาวใหญ่ ปากก็กดปิดปากหนาแทนคำตอบว่าต้องการให้เขาหยุดหรือไม่ มาคัสอมยิ้มตอนนี้แม่สาวน้อยมะลิวัลย์ของเขาได้กลายร่างเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์และเร่าร้อน ทั้งน่ารักและสดใส อีกทั้งยังมีความหวานซ่อนอยู่ในเรือนกาย แล้วเมื่อไหร่ที่ถูกเขาแตะต้องแม้เพียงเล็กน้อย เธอก็จะร้อนเป็นไฟและตอบสนองความต้องการเขาได้ทุกอย่าง สองมือใหญ่ช้อนปทุมเต่งตึงขึ้น ลิ้นสากร้อนไล้วนรอบปลายยอดถัน ฟันสีขาวขบกัดเบาๆ พอให้หญิงสาวได้เสียวซ่านเรือนกาย “อื้อ...พี่มาร์ค” “ว่าไงจ้ะมะลิต้องการอะไร” ชายหนุ่มถามทั้งที่ตัวเขาเองก็ร้อนเป็นไฟจนแทบจะทนไม่ไหว มือใหญ่เกี่ยวกางเกงอาบน้ำของตัวเองและแทรกความแข็งแกร่งเข้าไปในกายนุ่มทันที กายแกร่งเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่มันกระเจิดกระเจิงเพราะฝีมือแม่มดสาวตัวน้อย แสงสีขาวสาดส่องสว่างและห้อมล้อมรอบกายเนียนนุ่ม ริมฝีปากเล็กๆ ลากไปตามลำตัวใหญ่ และจุมพิตแผ่วเบาบนแผลเป็นขนาดใหญ่ที่อยู่เหนืออกด้านซ้ายไปเพียงแค่สองนิ้ว ร่างกายก็ตอบรับความสุขความอบอุ่นและเร่าร้อนที่ชายหนุ่มหยิบยื่นให้ไม่ขาดตอน สะโพกส่ายร่อนหลบหลีกและหยอกล้อกับความแข็งขืนที่ร้อนผ่าวดุจเหล็กถูกเผาไฟ มาคัสเกร็งตอบรับการท้าทายบทใหม่ที่สาวน้อยเจ้าเสน่ห์ของเขาเริ่มขึ้น ปากหนาเคลื่อนมาประกบกับเนินเนื้อนุ่มหวาน สองมือจับเอวเล็กคอดถูกไถความแข็งแกร่งและร้อนผ่าวกับเนินเนื้อนิ่มและอบอุ่นจนถึงร้อน มะลิวัลย์แทบจะกลืนกินมังกรตัวใหญ่ที่แทรกเข้ามาในร่างเธอ สะโพกก็เคลื่อนไหวบีบรัดตอบรับความแข็งแกร่งจนมาคัสถึงกับร้องครางไม่เป็นประสาปลดปล่อยสายฝนฉ่ำร้อนในกายนุ่มจนหมด สองกายกอดรัดแนบแน่นแล้วทั้งคู่ก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลาอย่างหมดแรงบนกาบเรือ หญิงสาวเคลื่อนตัวขึ้นนอนบนร่างใหญ่ซบหน้ากับลำคอแกร่ง ไล้ปลายนิ้วไปบนบาดแผลขนาดใหญ่บนอกกว้าง มอบจุมพิตหวานให้กับบาดแผลนั้นอีกครั้ง ตอนแรกที่เธอเห็นบาดแผลนี้ทำเอาเธอถึงกับตกใจจนหน้าซีด ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผ่านช่วงเวลาอันแสนจะเจ็บปวดนั้นมาได้อย่างไร “พี่มาร์คได้แผลนี้มายังไงคะ” น้ำเสียงที่ถามชายหนุ่มยังหอบเล็กน้อย ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานและอบอุ่น น้ำเสียงนุ่มทุ้มเล่าถึงเหตุการณ์อันสุดแสนระทึกและหวาดเสียว ตอนที่เขาอายุเพียงแค่ 12 ปี เป็นเด็กชายที่เพิ่งจะจบการศึกษาชั้นประถมและกำลังเดินทางกลับที่พักพิงคือวัด เพราะเขาเป็นลูกกำพร้าไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่เป็นใคร อาศัยและเติบโตมาในวัดกับหลวงตาที่ชราภาพ วันนั้นเขาได้เดินผ่านสนามเด็กเล่นและเห็นชายสูงวัยกำลังยืนคุยและเล่นกับเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารักอายุประมาณห้าหกขวบ ใบหน้าและดวงตาชายคนนั้นแม้จะเหี่ยวย่นแต่เต็มไปด้วยความรักและเมตตา แต่แล้วสายตาเขาก็เผอิญเหลือบไปเห็นว่ามีปืนสีดำเลื่อมจ้องไปหาชายคนนั้น ทั้งๆ ที่เขาเองไม่เคยได้รู้จักไม่เคยพูดคุยกับชายคนนั้นแม้แต่นิดเดียวเพียงแค่รู้สึกทนไม่ได้ถ้าจะเห็นใครต้องมาตายต่อหน้าต่อตา เขาเลยวิ่งไปหา และร้องตะโกนให้หลบ และเอาตัวเองเขาบังกระสุนแทน แล้วกระสุนเม็ดนั้นก็ฝังจมหายไปเหนืออกด้านซ้ายเขาไปเพียงแค่สองนิ้ว วินาทีที่เหล็กแหลมเจาะเข้าผิวเนื้อและฝังอยู่ในร่างกายจากเจ็บปวดกลายเป็นชา ตอนนั้นเขาคิดว่าตัวเองคงจะตายไปแล้ว แต่ก็กลับรอดมาได้อาจจะเพราะปาฏิหาริย์หรืออำนาจเงินที่ทุ่มลงไปเพื่อช่วยเหลือและยื้อยุดฉุดรั้งชีวิตเขาให้อยู่ดูโลกใบนี้ต่อไป แล้วหลังจากนั้นเขาก็ได้กลายมาเป็นบุตรบุญธรรมของนายอนันต์ ได้กลายมาเป็นมาร์ค มาคัส เกลล์อย่างปัจจุบันนี้ ได้มีโอกาสอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรียนหนังสือหรือทำงาน และตอนนี้เขายังเป็นผู้บริหารบริษัทผลิตอะไหล่รถยนต์ ไนต์คลับ และยังมีทรัพย์สมบัติของพ่อบุญธรรมอีกหลายอย่างที่เขาต้องเป็นคนดูแลด้วยเช่นกัน “แล้วตอนนี้ลุงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ?” “ท่านเสียชีวิตไปได้สองปีแล้ว และทิ้งลูกสาววัยรุ่นไว้ให้ฉันดูแลคนหนึ่ง” มาคัสบอก หวนนึกไปถึงสาวน้อยวัยเพียงสิบสี่สิบห้าปีอย่างธนัญญาที่หวงเขายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ ด้วยความที่เขาและคุณอนัตน์ผู้เป็นพ่อตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ใช่ว่าธนัญญาจะไม่มีเหตุผล หญิงสาวยอมรับความคิดเห็นและรับความรู้สึกและเห็นอกเห็นใจคนอื่น “แล้วตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะคะ” “ธัญญ่าเรียนอยู่โรงเรียนประจำ ปิดเทอมครั้งหนึ่งถึงได้กลับมาบ้านครั้งหนึ่ง” “ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่มาร์คก็เหงาแย่ซิคะ” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม