บทที่ 13
แข้งขาของหล่อนสั่นเทา ไร้เรี่ยวแรงจนเจียนจะล้ม ร้อนถึงกฤติชัยต้องรีบหันมาประคอง เมื่อสบประสานตากับดวงตากังขาสีสนิมของแซคคารีย์ที่จ้องมองมาเขม็ง
“ไม่เป็นอะไรนะครับคุณอลินดา”
“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะคุณกฤติชัย”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มให้กับหล่อนอีกแล้ว ก่อนจะเดินประคองหล่อนเข้าไปที่โต๊ะที่มีแซคคารีย์นั่งกัดฟันรออยู่ เขามองหล่อนด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ
“เชิญครับคุณอลินดา”
กฤติชัยเลื่อนเก้าอี้ให้กับหล่อนด้วยความสุภาพ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ และหันไปทักทายแซคคารีย์ที่กัดฟัน ขบกรามไม่หยุด
“ขอโทษที่มาช้าไปสิบห้านาทีนะครับคุณแซค” กฤติชัยขอโทษขอโพย “พอดีผมกับคุณอลินดาคุยกันถูกคอไปหน่อย ก็เลยมัวแต่คุยกันมาตลอดทาง จนลืมเวลาน่ะครับ”
หล่อนทำได้แค่เพียงระบายยิ้มแห้งๆ และก้มหน้าหลบสายตา แซคคารีย์ มือไม้ของหล่อนชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ผมไม่คิดว่าผู้หญิงที่คุณกฤติชัยจะพามาด้วยจะเป็นพนักงานบัญชีที่โรงแรมของผม” น้ำเสียงของแซคคารีย์เยาะหยันอยู่ในที “แต่ความจริงผมว่าระดับคุณกฤษชัยแล้ว น่าจะมีผู้หญิงระดับที่สูงกว่านี้ให้เลือกเยอะแยะนะครับ ไม่น่า...” ถึงแซคคารีย์จะหยุดพูดเอาไว้เพียงเท่านั้น แต่หล่อนก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความเจ็บปวดและอับอาย
“แต่ถ้าผมไม่ได้เข้าใจผิด คุณอลินดาเป็นน้องภรรยาของคุณแซคไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ”
“ดังนั้นคุณอลินดาก็ไม่ได้อยู่คนละระดับกับผมนี่ครับ เพราะคุณแซค ร่ำรวย น้องภรรยาอย่างคุณอลินดาก็ต้องร่ำรวยด้วย ผมพูดไม่ผิดใช่ไหมครับ”
แซคคารีย์กัดฟันแน่น และก็มองหน้าอลินดาอย่างคาดโทษเอาไว้ในใจ
“ที่คุณกฤติชัยพูดก็ไม่ผิดหรอกครับ” แซคคารีย์ตอบรับออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“งั้นเรามาสั่งอาหารกันเถอะครับ กินเสร็จแล้วเราจะได้พูดถึงงานของเรา” กฤติชัยตัดบท ก่อนจะหันไปถามอลินดา “คุณอลินดาอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะสั่งให้”
“เอ่อ... อะไรก็ได้ค่ะ ลินดากินได้หมดค่ะ”
“คุณอลินดากินง่ายจังนะครับ แบบนี้ผู้ชายคนไหนได้คุณอลินดาไปเป็นภรรยาน่าจะมีความสุขน่าดูนะครับ”
คำพูดของกฤติชัย ทำให้หล่อนเหลือบตาไปสบประสานกับดวงตาสีสนิมของแซคคารีย์โดยบังเอิญ และก็ได้เห็นสายตาเหยียดหยามดูแคลนของเขาชัดเจน
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ”
แล้วกฤติชัยก็สั่งอาหารให้กับหล่อน และเขาก็คุยตกลงธุรกิจกับ แซคคารีย์หลังจากนั้นเรื่อยมา จนกระทั่งมื้อค่ำจบสิ้นลง พร้อมๆ กับการเจรจาธุรกิจที่สร้างความพึงพอใจให้กันทั้งสองฝ่าย
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ผมขอฝากคุณอลินดากลับพร้อมกับคุณแซคได้ไหมครับ พอดีลูกน้องที่บ้านส่งข้อความมาให้รีบกลับน่ะครับ”
“เอ่อ... ลินดากลับแท็กซี่เองได้ค่ะ ขอบคุณคุณกฤติชัยมากนะคะที่อุตส่าห์พามาเลี้ยงข้าวเย็น”
หล่อนยกมือไหว้กฤติชัยอย่างขอบคุณ ก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายบ่าแน่น
“นี่มันมืดค่ำแล้ว ผมปล่อยให้คุณลินดานั่งรถแท็กซี่กลับคนเดียวไม่ได้หรอกครับ อย่าทำให้ผมเป็นห่วงเลยนะครับ”
กฤติชัยหยิบยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง และก็ทำให้หล่อนต้องปรายตามองหน้าเรียบเฉยของแซคคารีย์อย่างไม่สบายใจ
“คุณกฤติชัยไม่ต้องกังวลครับ เดี๋ยวผมไปส่งอลินดาเองครับ”
“ขอบคุณมากครับคุณแซค งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หล่อนเดินตามกฤติชัยและแซคคารีย์ออกมาจากผับกึ่งภัตตาคาร และก็ยืนโบกมือให้กับกฤติชัยจนท้ายรถคันงามของเขาหายไปในความมืด จึงลดมือลงทิ้งไว้ข้างตัว และหันไปหาแซคคารีย์ที่ยืนทำหน้าดุดันอยู่ไม่ไกล
“คุณแซคกลับเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองค่ะ”
คนตัวโตมองหล่อนเขม็ง และก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทางคุกคามเอาเรื่อง
“เธอก็ได้ยินคุณกฤติชัยบอกแล้วนี่ว่าให้เธอกลับบ้านกับฉัน”
“ค่ะ ฉันทราบค่ะ แต่นี่คุณกฤติชัยก็กลับไปแล้วนี่คะ เขาไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าฉันนั่งรถกลับบ้านกับคุณแซคหรือเปล่า” หล่อนจะเดินหนีแต่แขนเรียวถูกกระชากเอาไว้
“ปล่อยแขนฉันเถอะค่ะ”
แซคคารีย์ไม่ปล่อย แถมยังเพิ่มแรงกดของนิ้วมือแรงขึ้น จนกระดูกแขนของอลินดาแทบแหลกละเอียด
“ฉันเจ็บนะคะ”
“อย่าดื้อกับฉัน ไปขึ้นรถ”
“ก็บอกแล้วไงคะว่ากลับเองได้ และที่สำคัญคุณแซคก็จะได้ไม่เหม็นกลิ่นความร่านของฉันด้วยยังไงล่ะคะ” หล่อนประชดประชันอย่างน้อยใจ
“ดึกๆ แบบนี้ ปล่อยเธอออกไปร่านโดยไม่ใส่ปลอกคอ มีหวังสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเปล่าๆ ไปขึ้นรถ เราต้องกลับบ้านด้วยกัน เดี๋ยวนี้” เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อยก็ลากหล่อนไปถึงรถสปอร์ตคันงามได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าหล่อนจะขัดขืนมาตลอดทางก็ตาม “และอย่าลงมาเชียว เพราะฉันฆ่าเธอแน่” เขาชี้หน้าข่มขู่หล่อน ก่อนจะเดินอ้อมรถมาก้าวขึ้นนั่งหน้าพวงมาลัยรถอย่างรวดเร็ว
อลินดากัดปากแน่นด้วยความน้อยใจระคนโมโห “คนที่คุณแซคต้องเสียเวลาด้วยคือพี่นารี ไม่ใช่ฉันค่ะ”
“กับนารีน่ะฉันให้เวลาทั้งชีวิตของฉันนั่นแหละ แต่สำหรับเธอ ฉันจำเป็นต้องลากกลับไปล่ามโซ่เอาไว้ ก่อนที่เธอจะออกมาเพ่นพ่านไล่ผสมพันธุ์ไปทั่ว”
ทำไมเขาด่าว่าหล่อนแรงขนาดนี้ น้ำตาแห่งความเสียใจไหลรินออกมาเป็นทาง และเขาก็ยังไม่คิดจะหยุดวาจาที่ทำให้หล่อนเสียใจแม้แต่น้อย
“ขนาดคุณกฤติชัยเป็นถึงลูกค้าของฉัน เธอยังตามอ่อยจนได้ติดรถมากินข้าวด้วยได้ เธอนี่มันเก่งเรื่องคาวๆ จริงๆ เลยนะ อลินดา และถ้าเมื่อกี้นี้ฉันไม่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เธอก็คงจะใช้มารยาหญิงสารเลวที่ตัวเองมีลากลูกค้ารายใหญ่ของฉันไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วใช่ไหม”
“คุณแซค!” หล่อนเค้นเสียงออกมาด้วยความโมโห “คุณดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะคะ ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดสักนิด”
“ไม่มีโจรที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเลวหรอก ซึ่งเธอก็เช่นกัน จริงไหม อลินดา”
ทุกถ้อยคำของเขาช่างทำร้ายจิตใจของหล่อนอย่างเลือดเย็นเป็นที่สุด และไม่ว่าหล่อนจะปฏิเสธแค่ไหน แต่คนที่มองว่าหล่อนเลวสำส่อนไปแล้วอย่างแซคคารีย์ก็ยังคงเกลียดชังหล่อนไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี
“ค่ะ เชิญคิดตามที่คุณแซคต้องการเถอะค่ะ”
หล่อนโต้ตอบเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกรถ และไม่ว่าเขาจะพูดจะตำหนิอะไรออกมาอีก หล่อนก็ตอบโต้ด้วยการนิ่งเงียบ จนแซคคารีย์หงุดหงิด และหยุดด่าทอหล่อนไปเสียเอง