บทที่ 4

1181 คำ
พงศ์พลหัวเราะร่วน ยกมือห้ามทัพ ขณะลูกน้องสาวทำท่ากำหมัดชกกับมือเล็ก “เฮ้ย! อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่เคยคิดเป็นสมภารกินไก่วัด แต่ที่ผมถามสัดส่วนของคุณ เพราะคุณคีรินทร์ต้องการรู้ และใช้สัดส่วนของคุณเป็นรหัสลับตอนคุณไปแนะนำตัวกับเขาต่างหากละ” “ความคิดสัปดนที่สุดเลย นายคีรินทร์ ลูซาคอฟ” นารินดาโกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดง กัดฟันดังกรอดๆ ด่าลูกค้าไม่ไว้หน้า ซึ่งป่านนี้เจ้าของชื่อคงสะดุ้งโหยงไปหลายรอบแล้ว “นารินดา สัดส่วนคุณเท่าไร ตอบมาเร็ว ผมจะได้โทรไปบอกคุณคีรินทร์” พงศ์พลย้ำคำถามเมื่อลูกน้องสาวไม่ยอมตอบสักที นารินดาตีหน้าหงิกกว่าเดิม ขบเขี้ยวเคียวฟันอยู่ในใจ ถ้าเจอหน้ากันจะแกล้งซัดลูกค้าคนนี้สักหมัด โทษฐานที่คิดรหัสลับสุดแสนสัปดน            “36 24 34 ค่ะ” นารินดากระแทกเสียงตอบ จำใจต้องบอกสัดส่วนของตนเองในที่สุด            “โอเค ผมจะโทรบอกคุณคีรินทร์เดี๋ยวนี้เลย คุณไปทำแผนการท่องเที่ยว การเดินทางรอคุณคีรินทร์ได้เลย อีกสองวันชีวิตของมหาเศรษฐีคนนี้ จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของคุณแล้ว”            “ค่ะบอส ถ้ายังงั้นนาของตัวก่อนนะคะ” นารินดาคว้าแฟ้มเอกสารมาถืออยู่ในมือ ร่างบางเดินตรงไปยังประตูห้อง และก่อนจะเดินออกไป ก็หันมาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม ซึ่งกำลังกดโทรศัพท์โทรหาคีรินทร์อยู่พอดี “บอสคะ นาขอถามหน่อยค่ะว่า ทำไมเขาถึงเลือกนาให้เป็นบอร์ดี้การ์ดของเขา ทั้งๆ บอร์ดี้การ์ดคนอื่นเก่งกว่า และมีประสบการณ์กว่านามากมาย” “ผมคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ เอาไว้เจอหน้าคุณคีรินทร์เมื่อไร คุณถามเหตุผลกับเขาเอาเองก็แล้วกัน” พงศ์พลโยนภาระนี้ให้เป็นของคีรินทร์ “นาถามแน่ค่ะ” นารินดารับคำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม โดยไม่รู้เลยว่าคีรินทร์กดรับโทรศัพท์จากพงศ์พลนานแล้ว ซึ่งเขาได้ยินคำถามของเธอชัดทุกถ้อยทุกคำ และเขาก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้วด้วย “ผมจะบอกเหตุผลกับคุณ ตอนคุณยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว นารินดา” คีรินทร์ ลูซาคอฟ เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยตอบพร้อมกับกระตุกยิ้มตรงมุมปาก แน่นอนว่าเขามีเหตุผลสำหรับการเลือกบอร์ดี้การ์ดคนที่เดินโชว์คนสุดท้ายคนนี้ เพราะนอกจากจะสนใจประวัติการทำงานของนารินดาแล้ว เขายังถูกใจกับคำเค้นด่าที่หญิงสาวจงใจเอ่ยแขวะให้เขาได้ยิน ในตอนยืนอยู่หน้ากล้องโทรศัพท์ด้วย เจ้าของนัยน์ตาคมกริบเอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีผ่อนคลาย ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่ ขณะนึกถึงเจ้าของดวงตาคู่สวยแต่ดุราวกับแม่เสือ รวมทั้งริมฝีปากอวบอิ่มที่เจ้าตัวช่างสรรหาถ้อยคำมาเค้นด่าเขาตลอดเวลา และที่ทำให้เขาติดใจมากที่สุด คงเป็นสัดส่วน 36 24 34 ซึ่งทำเอาเขาตื่นเต้นใจสั่นรัวกับหุ่นอันสุดแสนเซ็กซี่ของบอร์ดี้การ์ดสาวคนนี้ “เจ้านายครับ เจ้านายคิดดีแล้วหรือครับที่จะไปประเทศไทย” โลแกน บอร์ดี้การ์ดหนุ่มซึ่งเติบโตมาพร้อมๆ กับคีรินทร์ เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งบอร์ดี้การ์ดส่วนตัว คอยอารักขาคีรินทร์แทบจะตลอด 24 ชั่วโมง เอ่ยถามเจ้านายหนุ่มด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจสักเท่าไรนัก คีรินทร์ถอนหายใจลึก ดันกายนั่งตัวตรง ใบหน้าติดเคร่งเครียดขึ้นมาในทันทีกับคำถามของโลแกน “เราคิดดีแล้ว โลแกน ที่จะไปประเทศไทยในอีกสองวันข้างหน้านี้” “แต่มันอันตรายเกินไปนะครับ” โลแกนค้านเสียงเครียด “ถ้าเจ้านายออกจากบ้าน ก็เท่ากับว่าเจ้านายกำลังอยู่ในที่แจ้ง เป็นเป้าล่อให้พวกมันอย่างดี” “เรากำลังทำแบบนั้น โลแกน” คีรินทร์ตอบเสียงเครียดไม่แพ้กัน “เราจะออกจากถ้ำ เพื่อล่อให้พวกมันมาหาเรา ก่อนจะจัดการพวกมันให้สิ้นซาก ไม่ให้พวกมันคอยตามรังควานเราได้อีก” “เจ้านายครับ มันทั้งเสี่ยง และอันตรายมากๆ ถ้าเกิดเจ้านายพลาดโดนพวกมันจับตัวไปอีก คราวนี้พวกมันคงไม่ปล่อยเจ้านายไว้แน่” โลแกนไม่เห็นด้วยกับความคิดของเจ้านายหนุ่ม “ก็อย่าให้พลาดสิ โลแกน” คีรินทร์สวนกลับในทันควัน ใช่! งานนี้จะมีคำว่า ‘พลาด’ เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็หมายถึงชีวิตของเขาเอง ที่จะถูกแก๊งค้ามนุษย์ซึ่งโหดเหี้ยมที่สุดในรัสเซียจับตัวไปเรียกค่าไถ่ และฆ่าทิ้งในทันทีหลังจากได้เงินจากการเรียกค่าไถ่แล้ว            คีรินทร์หลับตาลง เพราะไม่ต้องการให้โลแกนเห็นความหวาดกลัวที่ยังคงวิ่งวนอยู่ในดวงตาของเขา เหตุการณ์ถูกลักพาตัวในวัยเด็ก ผุดขึ้นมาในหัวสมองอย่างชัดเจน ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กว่าจะได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นมาได้ ทำเอาเขาแทบตายคามือ คาตีนของพวกมัน ความโหดเหี้ยมของอมนุษย์พวกนี้ เป็นฝันร้ายที่ตามหลอกลอนติดตัวเขากระทั่งเติบโต และนั่นส่งผลให้เขาต้องเก็บตัวอยู่แต่ภายในบริเวณคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ ภายในอาณาบริเวณคฤหาสน์ลูซาคอฟมีเนื้อที่เป็นร้อยๆ ไร่ แน่นอนว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จะเรียกว่าเป็นอาณาจักรส่วนตัวของเขาก็ไม่ผิด ที่นี่มีทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สนามเทนนิส สนามฟุตบอล โรงภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมีรันเวย์สำหรับเครื่องบินเจ็ทขึ้นและลงจอดด้วย นานๆ ครั้งเขาจะออกจากคฤหาสน์ เพื่อไปเปิดหูเปิดตาดูโลกภายนอกบ้าง แต่การออกนอกคฤหาสน์ในแต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ง่าย เพราะเขาและโลแกนต่างก็หวาดระแวงว่าอาจจะถูกลอบทำร้าย ถูกลักพาตัวในนาทีใดนาทีหนึ่งก็เป็นไปได้ คีรินทร์ถอนหายใจยาวขณะลืมตาขึ้น พร้อมกับลุกเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงบริเวณระเบียงนอกห้องนั่งเล่น ซึ่งสามารถชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของอาณาจักรของเขาได้แบบเต็มตา ก่อนจะเอ่ยบอกโลแกนถึงการตัดสินใจของตนเองในครั้งนี้ “เราไม่สามารถหลบซ่อนตัวอยู่แต่ภายในบ้านได้ตลอดทั้งชีวิตหรอกนะ โลแกน ครึ่งชีวิตที่ผ่านมา เราต้องอยู่แต่ภายในบริเวณบ้านหลังนี้ เราไม่เคยออกไปไหน ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศด้วยซ้ำไป เพราะความกลัว ทำให้เรามุดหัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ต่างจากกบอยู่ในกะลา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องออกไปเผชิญหน้ากับพวกมัน วางกับดักเพื่อกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซาก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม