บทที่ 4 หมดเวลาแสร้งทำ 2

1163 คำ
เขาไม่รักใคร่เอ็นดูบุตรสาวของนางเช่นนี้ หัวใจของคนเป็นมารดาก็รู้สึกย่ำแย่เช่นกัน “ลูกแม่ อายุก็เพียงเท่านี้ แต่เหตุใดเจ้าจึงเก่งเรื่องทำร้ายตัวเองนักนะ” อู๋เยว่ฉินปลอบประโลมบุตรสาวพร้อมกับลูบศีรษะเล็กเบาๆ “ท่านพ่อไม่รักท่านแม่ แล้วลูกก็ไม่ได้เกิดมาเป็นชายเหมือนพี่ใหญ่ ด้วยเหตุนี้ท่านพ่อจึงไม่รักลูก” เด็กน้อยเอ่ยออกมาตามที่ตนเองเคยได้ยินประโยคเหล่านั้นจากบ่าวไพร่ในเรือน แม้จะเป็นคำพูดที่ทิ่มแทงใจ ทว่าอู๋เยว่ฉินกลับยิ้มกว้างรับ นางมองใบหน้าของบุตรสาวด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูที่แฝงไปด้วยความสงสาร หกปีก่อนอู๋เยว่ฉินคลอดบุตรฝาแฝดชายหญิง ในช่วงปีแรกนั้นใครต่อใครต่างก็พูดว่านางเป็นที่โปรดปรานของจ้าวเสวี่ยผู้เป็นสามีเป็นที่สุด ทว่าบุตรสาวชายหญิงของนางยังไม่ทันครบขวบปี อนุหม่าผู้เป็นที่รักตัวจริงของสามีก็คลอดบุตรสาวให้เขาอีกคน แรกๆ บุรุษผู้นั้นก็ประพฤติตนเป็นบิดาที่ดีอยู่หรอก ทว่าสองสามปีต่อมาเขาก็ค่อยๆ ตีตัวออกหากจากลูกๆ ของนางมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ โดยเฉพาะกับเสวี่ยปิง กับบุตรชายคนโตนั้นเขายังพาติดสอยห้อยตามยามไปพบปะเพื่อนขุนนางบ้าง อีกทั้งยังยามนี้เขายังส่งบุตรชายไปเรียนหนังสือกับราชครูในวังร่วมกับบรรดาเชื้อพระวงศ์วัยเยาว์ แต่กับบุตรสาวของนางผู้นี้แม้แต่อ้อมกอดก็ไม่เคยมอบให้ เขาไม่ได้แสดงท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ แต่ในขณะเดียวกันก็มิได้รักใคร่เอ็นดูเท่าบุตรสาวของอนุหม่าผู้นั้น ความลำเอียงนี้ของเขา นางผู้เป็นแม่เห็นแล้วยังอดที่จะสงสารบุตรสาวไม่ได้ หลายครั้งนางพยายามพูดให้บุตรสาวเข้าใจ ทว่าจ้าวเสวี่ยปิงก็เป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยห้าหนาวเท่านั้น ไฉนเลยจะเข้าใจได้ถ่องแท้ในสิ่งที่เรียกว่าจิตใจคน ขนาดว่านางผู้เป็นทั้งแม่และภรรยาอายุก็ยี่สิบกว่ายังไม่สามารถเข้าใจจิตใจของผู้เป็นสามีได้เลย “ลูกแม่ แม่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ต่อให้บิดาเจ้าไม่ใส่ใจแต่เจ้าก็ยังมีแม่นะ แม่รักเจ้าที่สุด” อู๋เยว่ฉินใช้เวลาปลอบโยนบุตรสาวตัวน้อยอยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งร่างเล็กหลับไปเพราะร้องไห้จนหมดแรง “ฮูหยินเจ้าคะ” อู๋เยว่ฉินผินหน้าไปตามเสียงเรียกเพียงเล็กน้อย “บ่าวมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ” ใบหน้างามพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือจากบุตรสาวที่นอนหลับไปแล้วแต่ยังกอบกุมมือของนางไว้แน่น อู๋เยว่ฉินยกยิ้มอ่อนให้บุตรสาวก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปเพื่อพูดคุยกับผู้มาใหม่ “แม่นมโม่...ได้ความว่าอย่างไร?” หญิงสาวเอ่ยถามแม่นมผู้เป็นพี่เลี้ยงของตนมาตั้งแต่เด็ก อีกทั้งหลายปีมานี้อีกฝ่ายยังช่วยนางดูแลเจ้าก้อนแป้งทั้งสองมาตั้งแต่เจ้าก้อนลืมตาดูโลก “มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นจริงเจ้าค่ะ” แม่นมโม่เอ่ยบอกเสียงเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ อู๋เยว่ฉินพยักหน้ารับเบาๆ หญิงสาวไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าใดนักด้วยเพราะนางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “อย่างไร? ...เกิดอะไรขึ้นกับเขา” “คนของเราบอกว่า เมื่อสองสามปีก่อน นางผู้นั้นบอกคนผู้นั้นว่า...บางทีการที่ฮูหยินตั้งครรภ์ได้ อาจจะมิใช่เพราะคนผู้นั้นเจ้าค่ะ” “การที่ข้าตั้งครรภ์ได้ อาจจะมิใช่เพราะคนผู้นั้น...เช่นนั้นรึ?” อู๋เยว่ฉินเอ่ยทวนคำ “เจ้าค่ะ” หญิงสาวเหยียดยิ้ม “เพราะอย่างนี้สินะ เข้าจึงตั้งใจตีตัวห่างออกไปจากข้าและลูกๆ” “บ่าวว่าเป็นเช่นนั้นแน่นอนเจ้าค่ะ และที่ไม่ยอมทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็เพราะกลัวว่าตนเองจะเสื่อมเสีย หลายปีมานี้เมื่อหลวงและราชสำนักสงบสุขเกินไป หากปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น แน่ว่าจะต้องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปสิบปีก็ไม่สร่างเจ้าค่ะ” “ช่างเป็นคนที่มีความอดทนสูงเสียจริงๆ” อู๋เยว่ฉินเอ่ยประชดขึ้นมาประโยคหนึ่ง “แต่บ่าวว่า คนผู้นั้นอาจจะมีหลักฐานไม่เพียงพอมากกว่าเจ้าค่ะ” คนแก่กว่าออกความคิดเห็น “หลักฐานหรือ?” คนเป็นฮูหยินหรี่ตาครุ่นคิด “ไม่ เขามิได้ขาดหลักฐานหรอก พวกเขารอเพียงเวลาที่เหมาะสมมากกว่า” “เวลาที่เหมาะสมหรือเจ้าคะ?” “ใช่...พวกเขารอเพียงเวลาเท่านั้น” “ฮูหยินกำลังหมายถึงสิ่งใดเจ้าคะ?” “แม่นมโม่ ตัวข้าแม้ตอนแต่งให้ตระกูลจ้าวจะพูดได้เต็มปากว่าไม่เต็มใจ แต่เวลานี้ข้าก็ไม่อาจไปจากที่นี่ได้ ตายไปก็ต้องเป็นผีตระกูลจ้าว อีกอย่าง หลายปีที่แต่งให้จ้าวเสวี่ยต่อให้ไม่รู้สึกรักแต่แน่นอนว่าข้าย่อมมีใจให้เขาไม่มากก็น้อย” “ฮูหยิน” “และแม้ว่าสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อข้าไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่ดี แต่การที่เขามีเรื่องราวที่นำมาสู่ความหวาดระแวงในตัวข้าปกปิดไว้เช่นนี้โดยไม่ถามไถ่ความเป็นไปเป็นมาสักคำ หากมิใช่ว่าเขาปักใจเชื่อในสิ่งที่นางผู้นั้นบอก แล้วจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร” หญิงสาวเอ่ยจบแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หมดเวลาที่นางจะต้องแสร้งทำเป็นคนหูหนวกตาบอด เวลานี้ได้รู้แล้วว่าจิตใจคนเป็นสามียากแท้หยั่งถึงเพียงใด แม้ว่านางและลูกๆ ในเวลานี้จะยังอยู่ดีมีสุข ทว่าหากภายหน้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เช่นว่าหม่าชิงจูตั้งท้องและคลอดลูกเป็นชาย เมื่อนั้น จ้าวเสวี่ยคงไม่รอช้าที่จะให้ความหวาดระแวงที่มีอยู่นั้นมาเล่นงานนางอย่างแน่นอน ในเมื่อเขารักหม่าชิงจูมากมายเพียงนั้น มีหรือที่เขาจะไม่อยากให้นางได้ครอบครองสิ่งที่ดีที่สุด อาทิตำแหน่งฮูหยินเอกตระกูลจ้าว “แม่นมโม่ ตั้งพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงของจวนต่างๆ ด้วยตัวเอง” “ฮูหยินท่านจะ...” “หมดเวลานั่งนิ่งแล้วล่ะ หากข้าไม่ลุกขึ้นมาทำอันใดสักอย่าง ชิงเอ๋อร์กับปิงเอ๋อร์ของข้าจะต้องการเป็นเด็กที่น่าสงสารที่สุดแน่ๆ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม