อยู่ ๆ ผมก็มีแฟน...
ผมมองข้อความที่ไดเร็คคุยกับปลายฟ้า แล้วนึกขำ เธอบอกว่าผมเป็นแฟนเธอ อืม… เป็นก็เป็น ผมเป็นคนง่าย ๆ อยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ทำผมใจสั่นได้คนนี้
เพราะชีวิต มันหมกมุ่นอยู่กับตำรา... ว่างผมก็อ่านหนังสือ ว่างก็หาเคสวินิจฉัย ถามว่าเบื่อไหม? เบื่อ แต่ทำไงได้ ผมเรียนมาหลายปีแล้ว ก็จะฝืนจนกว่ามันจบนั่นล่ะ
พูดแล้วก็เครียด กลับมาที่ไอจีไดเร็คยัยอ้วนดีกว่า...
‘ติ๊ง~’
Plaifah: นายป่วยเป็นโรคอะไร ทางสมองรึป่าว แบบ... จิต ๆ ไรงี้
เธอยังคิดว่าผมเป็นโรคจิตอีกเหรอวะ เฮ้อ... ก็ผมพูดไม่เก่ง ให้เข้าหาใครซึ่ง ๆ หน้ายิ่งแล้วใหญ่
ผม: อืม คงเป็นอัลไซเมอร์ เธอมีอะไรก็ระบายออกมาได้ ฉันไม่จำ
Plaifah: ตลก นายเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันจะระบายเรื่องส่วนตัว กับนายได้ไง
ผม: ไม่รู้ไง ถึงระบายได้
Plaifah: ตรง ๆ นะ นายไม่ได้จีบฉัน หรือเป็นโรคจิตใช่ไหม
ผม: ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นโรคจิต คราวหลังอย่าไปถามใครแบบนี้
Plaifah: ปกติ ฉันไม่ถามใครแบบนี้หรอก นายคนแรก เพราะนายตามแต่นางเอก AV ไม่ตามใครเลย
ย้ำจริง เรื่องนางเอก AV ผมเป็นผู้ชายนะ มันต้องมีบ้าง
ผม: ตอนนี้ ฉันตามแค่เธอ
Plaifah: เอิ่ม แล้วแฟนนายไม่ว่ารึไง ไดเร็คหาสาวแบบนี้
ผม: ไม่... คงนอนอ้วน เล่นโทรศัพท์อยู่
Plaifah: นี่ ไปว่าเขาอ้วน เดี๋ยวเขาก็เสียใจหรอก นายนี่ปากคอเราะร้ายนะ
ผม: แล้วแฟนเธอ เรียกเธอว่าไง?
ผมถึงกลับนั่งลุ้นเลยทีเดียว เธอจะตอบผมว่าไงวะ
Plaifah: คนสวย
กูเคยเรียกแบบนั้นเหรอ?
ผม: ขี้โม้
Plaifah: ฮ่า ๆ ก็เรียกชื่อนี่ล่ะ ทำไม ๆ จะก็อปแฟนฉันรึไง?
ผม: สรุปแฟนเธอ เรียกเธอว่าอะไร?
Plaifah: ก็... ปลายฟ้า
ผม: แสดงว่าเธอชื่อปลายฟ้าสินะ
Plaifah: ร้ายอ่ะ หลอกถามชื่อฉันเหรอ?
ผม: ป่าว นอนได้แล้ว... ปลายฟ้า
Plaifah: เดี๋ยวสิ แล้วนายชื่ออะไรอ่ะ พอคิด ๆ ดูนายก็ไม่ได้โรคจิต ขอเรียกชื่อนายปกติดีกว่า
ชื่ออะไรดีวะ นนท์ ก็เฉยฉิบ นาย ก็พ่อกู... นาวินก็น้องกูอีก
ผม: นนท์
ครับ ผมคิดไม่ออกจริง ๆ
Plaifah: นนท์ ทำไมไม่กดติดตามแฟนบ้างอ่ะ
ผม: ไม่จำเป็น คุยกันทุกวัน
Plaifah: เขาสวยไหม
ผม: ไม่สวย อ้วน
Plaifah: ปากหมานะเราอ่ะ แฟนก็ช่างทน ปากหมาแบบนี้ระวังโดนเท
ผม: แล้วเธอเคยเทใครไหมล่ะ
Plaifah: ไม่เคย ฉันเป็นคนดี
เป็นคนดีหรือไม่เคยมีแฟน?
Plaifah: ฉันนอนแล้วนะ ฝันดีตาโรคจิต เอ้ย นนท์
ผม: อืม ฝันดี ปลายฟ้า
แล้วปลายฟ้าก็ออฟไลน์ไปเลย ผมจึงนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ จนน้องชายฝาแฝด มันเปิดประตูเข้ามา
แม่ง มันคิดว่าห้องตัวเองรึไง ประตูไม่รู้จักเคาะ
“มึงยังอ่านหนังสืออีกเหรอ?”
“แล้วไง”
“กูเครียด” เกี่ยวอะไรกับผมวะ
“มึงออกไป กูอ่านหนังสืออยู่” ผมเดินไปหยิบหมอน โยนใส่ไอ้นาวินทันที แต่มันเดินหนี และหลบได้
“ซินน์เหมือนจะจำกูไม่ได้ ยังไงก็จำไม่ได้ เป็นอะไรไม่รู้ว่ะ ต้องโกรธกูมากขนาดไหนวะ ถึงเฉยเมยใส่กูแบบนั้น”
ผมโคตรเซ็ง เรื่องแฟนมันเกิดอุบัติเหตุผมรู้ แต่ผมต้องปิดเงียบเพราะแม่สั่งไว้ ไม่งั้นไอ้น้องชายฝาแฝด มันคงไม่เป็นอันเรียน
“แล้วยังไง มึงก็จีบใหม่ซะสิ” มันเงยหน้ามองผมทันที
“หึ ถ้าเหมือนซินน์คนเดิม กูจะไม่เครียดเลย กูจีบแน่ ซินน์คนนี้เอาแต่ใจ เที่ยว ปากร้าย แต่งตัวจนกูเห็นแล้ว แทบจะทนไม่ไหว”
เฮ้อ...
“ทนไม่ไหว ก็ให้แม่ไปขอ” ผมตอบไปอย่างรำคาญ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น
“เออว่ะ มึงนี่ฉลาดจริง ๆ” แต่กลับได้ผล มันรีบลุกขึ้นจากเตียง แล้วเปิดประตูออกไปทันที
ผมจึงล็อคห้อง แล้วกลับมาอ่านหนังสือต่อ
ที่ผมกลับมาพร้อมมัน เพราะผมต้องอินเทรินหกเดือนที่ไทย และต้องกลับไปสอบที่อังกฤษอีกรอบจนกว่าจะผ่าน แม่งยุ่งยากฉิบ ผมไม่อยากเป็นหมอเลยด้วยซ้ำ แต่ที่บ้านดันเป็นกันหมด ผมจึงต้องเป็นตาม อีกอย่าง บ้านผมก็เป็นเจ้าของโรงพยาบาลด้วย ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่น
และผมก็ค่อนข้างเรียนหนัก จึงไม่ค่อยมีเวลาสุงสิง หรือเข้าสังคมกับใคร ถ้าพูดถึงเพื่อน ก็มีแค่กลุ่มที่เรียนด้วยที่อังกฤษ มีไอ้นาวินน้องผม ไอ้เวียร์ ไอ้ไทม์ เท่านั้นล่ะ นิสัยแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ผมไม่อยากจะยุ่งกับพวกมันมาก รำคาญ
เพราะมันไม่มีอะไร ที่ทำผมสบายใจเท่าปลายฟ้าแล้ว ผมชอบเวลาเธอยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีอะไรต้องกังวล ดูจริงใจ สดใจ จนทำผมใจสั่น เหมือนจะหยุดหายใจแทบทุกครั้ง
ผมคิดไม่ออก ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าเป็นแบบนี้ไปได้ไง สาว ๆ ยิ้มให้เยอะแยะ แต่ไม่มีใครที่ผมแทบตายได้เท่าปลายฟ้า
ผมจึงสร้างแอคปลอมตามส่องเธอขึ้นมา เพราะปลายฟ้า เธอชอบเล่นไอจีสตอรี่ อันนี้ผมเคยได้ยินน้ำปั่นพูดมานานแล้ว ผมเองก็ไม่กล้าใช้แอคหลักส่องเธอหรอก เพราะรู้สึกอายต่อเจตนาของตัวเอง ที่เข้าไปส่องทุกครั้ง แล้วมีความสุขจนอดยิ้มตามไม่ได้
อืม ส่วนนางเอก AV ที่ผมดูผ่าน ๆ มันก็ทำผมหายตายด้านอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ผู้ชายทุกคนก็เป็นป่าววะ เพื่อนผมก็ตามกันทั้งนั้น ผมไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับมันทั้งวันซะหน่อย
แต่หมกมุ่นส่องปลายฟ้าต่างหาก ถามว่าผมแอบส่องมานานแค่ไหน ครับ นานแล้ว ผมไม่แน่ใจ ว่าชอบเธอไหม แต่ที่รู้ ๆ คือ... เห็นหน้าปลายฟ้าทีไร ผมหายเครียดทุกที
‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
ผมรีบคว่ำจอมือถือลงโต๊ะ เมื่ออยู่ ๆ มีคนมาเคาะประตูห้อง ก่อนที่จะเดินไปปลดล็อค และหวังอยู่ในใจ ขอให้ไม่เป็นไอ้นาวิน
แม่...
“ยุ่งไหมนาวา แม่มีเรื่องจะคุย”
แม่เดินกอดอกไปนั่งที่ปลายเตียง แล้วมองหน้าผม
“ไม่ครับ คุยได้”
“เมื่อกี้นาวินมาคุยกับแม่ เรื่องซินน์ แม่ลังเล ว่าจะไปขอให้ดีไหม เพราะซินน์ยังจำนาวินไม่ได้ ไม่อยากคลุมถุงชน”
เรื่องนี้อีกแล้ว ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้ารับ
“ป้าณีเวียก็โทรมาบ่นกับแม่ เรื่องซินน์ บ้านนู้นเขาก็อยากให้ลูกสาวเขากลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม ว่าแต่... ลูกยังไม่ได้บอกนาวินใช่ไหม ว่าซินน์เป็นอะไร”
“ยัง... ผมไม่อยากยุ่ง เมื่อกี้มันก็เข้ามาปรึกษา”
“เฮ้อ ไม่เป็นอันทำอะไร นาวินเครียด แม่ดูออก เข้าใจเขาล่ะ แฟนทั้งคน... แม่ควรทำยังไงดีนาวา”
ทำไมทุกคนต้องมาปรึกษาผมวะ?
“บอกไอ้นาวินอดทน และรอเวลาเถอะครับ” แม่ถอนหายใจแล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะเดินมาบีบไหล่ผม และมองไปที่หนังสือบนโต๊ะ
“ในบ้าน ลูกเป็นคนมีเหตุผลที่สุดแล้ว นาวาได้พ่อมาเยอะมาก แถมยังได้อาเท็นมาด้วย ฮ่า ๆ”
ใครก็พูดแบบนั้น พูดว่าผมเหมือนอาเท็น ผมจึงค่อนข้างสนิทกับท่าน มากกว่าคนอื่น
“เงียบอีกแล้ว ใครนะ ที่จะทำให้ลูกชายแม่ ยิ้มเก่งขึ้น”
“ยิ้มเก่งเหมือนไอ้นาวิน แต่มานั่งเครียดเรื่องผู้หญิง... ไม่ดีกว่าครับ”
“แต่ที่ผ่านมา นาวินมีความสุขจะตาย แม่อยากเห็นนาวามีความสุข และมีความรักบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันไงลูก”
ผมถอนหายใจทันที เมื่อหันไปเห็นหนังสือที่ตัวเองอ่าน
“แม่”
“โอเค ๆ ไม่พูดแล้ว แม่ไปนอนก่อนนะ ฝันดีลูกชาย” แล้วแม่ก็หอมแก้มผมฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินยิ้ม และเปิดประตูออกไปจากห้อง
ตอนนี้ ผมไม่พร้อมที่จะเครียดอะไร นอกจากเรื่องเรียน ขอส่องเธอห่าง ๆ ให้มีกำลังใจก็พอ... อีกอย่างการเป็นคนในความลับแบบนี้ มันก็ทำผม..มีความสุขเหมือนกัน
ส่วนเรื่องอนาคตนั้น... ถ้าผมเรียนจบทุกอย่าง ผมจะเริ่มมันเอง...