‘ไม่สำคัญแล้วว่าฮูหยินน้อยจะเป็นบุตรสาวของผู้ใด หากแต่งเข้าสกุลหลี่ ท่านคือสะใภ้สกุลหลี่ ต้องกตัญญูต่อสามีและครอบครัวของสามีให้มากเจ้าค่ะ’
เพราะคำพูดไม่รู้จักคิดทำให้เสวียนหนิงอันถูกลงโทษให้ขัดเครื่องเรือนเป็นการใหญ่ ซุนหยาแรกเริ่มแม้เกรงใจนางอยู่บ้าง แต่พอได้ยินอะไรก็ตามที่ขัดหูหรือเห็นภาพที่ขัดตา นางก็พลันลืมความรู้สึกเหล่านั้น สั่งลงโทษราวกับลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหวาดกลัวบิดาของนางมากเพียงใด
ในยามนี้สำหรับซุนหยาแล้ว นางเปรียบได้กับคุณหนูที่ชอบเอาแต่ใจคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“นายท่านชอบอาหารรสจืด มิชอบของหมักดองทุกชนิดเจ้าค่ะ”
ซุนหยาเล่าต่อด้วยว่านายท่านมักกินอาหารตรงเวลา รักษาสุขภาพของตนเป็นอย่างดี จนผู้คนที่ได้พบเห็นล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าพ่อค้าสกุลหลี่ผู้นี้ดูแล้วราวกับอายุยี่สิบปลาย ๆ เท่านั้น
“ท่านอาเลือกกินอย่างมาก ข้าเองก็ติดนิสัยนี้มาด้วยเช่นกัน เอาไว้ถึงปลายยามเซินแล้วท่านป้าช่วยเตือนข้าให้ทำกับข้าวให้เขาสักสามอย่างเถิด… แล้วสุราเล่า เขายังชอบดื่มสุราเหมือนเดิมหรือไม่”
“หากอารมณ์ไม่ดีหรืออากาศหนาวมากจึงจะดื่มสุรา แต่ก็ต้องเป็นสุราดอกท้อที่ซื้อจากโรงเตี๊ยมนอกเมืองเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ข้าจำได้ว่าตอนมาเมืองหลวงครั้งแรก ท่านอาแวะโรงเตี๊ยมนั้นและดื่มไปมาก ทั้งยังสั่งให้เถ้าแก่แบกสุราที่ว่าขึ้นรถม้าอีกหลายไห”
เสวียนหนิงอันระลึกถึงความหลังในวัยเด็กที่นางเดินทางเข้าเมืองหลวงเป็นครั้งแรก นึกขบขันเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่ท่านพ่อและท่านแม่มีเรื่องไม่เข้าใจกัน มาบัดนี้เข้าใจกันดีมากแล้ว แสดงความรักต่อกันจนนางรู้สึกว่าคงไม่มีสามีภรรยาคู่ใดรักลึกล้ำได้เทียบเท่า เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วดวงตาของเสวียนหนิงอันก็พลันเศร้าหมอง
จะมีวันที่ท่านอารักข้าบ้างหรือไม่
“ตอนนั้นข้าอายุราวสามขวบเศษ คำนวณดูแล้วท่านอาน่าจะอายุยี่สิบสามปีกระมัง”
“อายุสามขวบก็จดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้แล้ว ฮูหยินน้อยนับว่าเป็นอัจฉริยะโดยแท้”
ทว่าเสวียนหนิงอันกลับอธิบายว่ามิใช่เรื่องดี หลายเรื่องในวัยเด็กที่ไม่น่าจดจำกลับตราตรึงในสมองของนางชัดเจนดียิ่ง มิว่าจะเป็นเรื่องที่ท่านพ่อป่วยหนัก หรือยามที่ต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงโดยที่หลี่จินหมิงมิได้เดินทางกลับไปด้วย
ตวนอ๋องเฉินฟาหยางเคยปรึกษากับท่านหมอแล้วได้ความว่าการที่คุณหนูเสวียนตัวน้อยความทรงจำดีเกินกว่าวัย อาจมีสาเหตุมาจากสมุนไพรหลายชนิดที่พระชายาเสวียนดื่มในยามตั้งครรภ์เพื่อป้องกันมิให้ตกเลือด กอปรกับหยูกยาอีกมากมายที่เสวียนหนิงอันดื่มในวัยเด็ก เพื่อรักษาอาการหนาวง่ายด้วยอีกประการ
“บางเรื่องข้าก็อยากลืม หากจำไม่ได้ว่าในวัยเด็กติดท่านอามากเพียงใด ข้าคงไม่ยึดติดจนเลยเถิด หลงรักเขาอย่างไร้เหตุผล…” เสวียนหนิงอันตระหนักได้ว่าตนเผลอพูดความในใจก็รีบหุบปากฉับ มิยอมสบตาซุนหยาอีก
“เครื่องเรือนสะอาดดีแล้ว ท่านป้าต้องการใหข้าทำอันใดอีกหรือไม่”
“ไม่มีเจ้าค่ะ อีกราวครึ่งชั่วยามนายท่านจะกลับบ้าน มาถึงแล้วมักล้างหน้าล้างมือก่อนดื่มน้ำชาและกินขนมในห้องหนังสือ จากนั้นค่อยเริ่มตรวจบัญชี หากฮูหยินน้อยต้องการดูแลนายท่าน ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดเจ้าค่ะ”
“ท่านอาคงไม่อยากเห็นหน้าข้า แต่วันนี้นึกได้แล้วว่าควรทำอย่างไร”
สามวันที่ผ่านมาเสวียนหนิงอันยืนรอหน้าเรือนใหญ่เพื่อกล่าวคำขอโทษ ทว่าหลี่จินหมิงมิใจอ่อนง่ายอย่างที่เคยแล้ว เขาหรี่ตามองนางเพียงครู่เดียวก็ส่ายหน้าและเดินออกจากบ้านไป เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้นางจึงต้องคิดหาหนทางอื่นเพื่อทำดีไถ่โทษให้เขากลับมารักใคร่เอ็นดูกันดังเดิม
มิเห็นหน้าก็ใช่ว่าจะสร้างความประทับใจไม่ได้
หลี่จินหมิงมิอนุญาตให้นางเยี่ยมเจียอีที่กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้น แต่ยังใจดีส่งสาวใช้ส่วนตัวของเขาให้มาดูแลปรนนิบัตินางเป็นการชั่วคราว ทำให้ยังพอมีตัวช่วยอยู่บ้าง ไม่ได้ลำบากทำทุกอย่างเช่นวันแรกที่ย้ายมายังบ้านสกุลหลี่
หลังจากตกลงกับซุนหยาแล้วว่าจะขอดูแลสามีที่ไม่รักนางอย่างลับ ๆ เสวียนหนิงอันกับสาวใช้จึงนำอ่างล้างมือและอ่างล้างหน้าไปวางไว้บริเวณตั่งไม้สำหรับเอนหลังในห้องหนังสือ โดยไม่ลืมลอยกลีบดอกเหมยกุ้ยเพื่อให้กลิ่นหอมเย้ายวนทำให้เขาสำเริงสำราญใจ
“ข้าควรทำอันใดเพื่อเขาอีกบ้าง”
“จัดหนังสือดีหรือไม่เจ้าคะ”
เสี่ยวหยุน สาวใช้หน้าตาซื่อ ๆ ออกความเห็นเพราะมองดูชั้นวางหนังสือแล้วรู้สึกรกตายิ่งนัก
“ทำเช่นนั้นหาได้ไม่ หากเคลื่อนย้ายสิ่งใดก็ตามในห้องนี้ นายท่านของเจ้าอาจหาของที่ต้องการไม่พบแล้วพานโกรธข้าเสียยิ่งกว่าเก่า”
เสวียนหนิงอันนิ่วหน้าครู่หนึ่งก็พลันยิ้มกว้าง เดินตรงไปยังโต๊ะตัวใหญ่ทันที “ล้างพู่กันแล้วค่อยกลับมาฝนหมึกก่อนที่เขาจะกลับมา น่าจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง เจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
เสวียนหนิงอันมิได้รอคำตอบ ทว่ารวบรวมพู่กันเกือบครึ่งออกไปล้างทำความสะอาดนอกห้องก่อนผึ่งลมให้แห้ง เรื่องนี้นางชำนาญยิ่งนักเพราะใช้พู่กันแทบทุกวัน แม้ส่วนมากมีสาวใช้คอยจัดการทำความสะอาดให้ แต่วันใดเบื่อหน่ายไม่มีอะไรทำนางก็มักจะลงมือเอง
“เหตุใดฮูหยินน้อยจึงมิล้างทั้งหมดเลยล่ะเจ้าคะ”
“กลัวว่าจะแห้งไม่ทัน อีกไม่นานนายท่านของเจ้าก็จะกลับมาแล้ว ที่เหลือค่อยทำวันหลัง อ๊ะ!”
เสวียนหนิงอันอุทานเพราะเร่งรีบมากไป น้ำล้างพู่กันจึงกระเด็นใส่ เสื้อคลุมตัวสวยจนเปรอะเปื้อน หากเป็นช่วงเวลาปกตินางคงถอดออกมาตรวจสอบดูแล้ว ทว่าวันนี้กลับมิได้ห่วงความงามของตนอย่างที่เคยเป็นมา นางจัดการแขวนพู่กันเพื่อผึ่งลมให้เรียบร้อย แล้วเดินกึ่งวิ่งไปที่ครัวเพื่อรับขนมและน้ำชาที่ซุนหยาเตรียมไว้
“ขนมแค่สองชิ้นเท่านั้นหรือ” นางมองขนมหนวดมังกรที่ซุนหยาเตรียมไว้อย่างไม่เข้าใจนัก กินแค่สองชิ้นจะอิ่มได้อย่างไร
“นายท่านกลัวว่ากินมากไปอาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพเจ้าค่ะ”
“ท่านอาดูแลตนเองย่อมเป็นเรื่องดี แต่มากเกินไปก็ไม่ดีด้วยเช่นกัน… แล้วชาเล่าท่านป้า ท่านอาชอบดื่มชาชนิดใดหรือ”
“ชาอู่หลงเจ้าค่ะ แต่ต้องระวังมิให้เข้มจนเกินไปนัก”
“เรื่องเยอะจริง…” เสวียนหนิงอันเม้มปากเมื่อเห็นสายตาดุดันของหญิงสูงวัย “แต่ก็ดีแล้ว เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ พิถีพิถันหน่อยร่างกายจะได้แข็งแรง อยู่ปวดหัวเพราะข้าไปนาน ๆ”
เสวียนหนิงอันหลุดปากเช่นนั้นแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลาย หลี่จินหมิงอายุมากกว่านางถึงยี่สิบปี หากไม่ดูแลให้ดีอาจแก่ชราและตายหนีจากไปเสียก่อน เรื่องนี้นางไม่มีทางยอมได้แน่
“ดื่มชามากไม่ดี ท่านป้าเอาใบชาออกสักหน่อยเถิด ขนมเองก็เช่นกัน ให้เขากินแค่ชิ้นเดียวก็พอแล้ว”
“หากนายท่านถามล่ะเจ้าคะ” เสี่ยวหยุนสอดปากทันควัน
“เรื่องชาเขาคงไม่สังเกต ส่วนเรื่องขนม… เจ้าพูดไปว่าช่วงนี้ข้ากินข้าวไม่ค่อยได้ จึงหยิบขนมของเขาไปจนหมด นายท่านของเจ้าทราบดีว่าข้าชอบกินขนมอย่างมาก เขาต้องเข้าใจแน่”
เสวียนหนิงอันกล่าวอย่างหนักแน่น พร้อมกับบอกตนเองว่าต่อจากนี้คงต้องจริงจังกับการดูแลเรื่องอาหารของสามีให้มากกว่าที่ผ่านมาแล้ว