“อื้อออ...”
เสียงครางของกระต่ายน้อยช่างไพเราะเหลือเกิน ยิ่งยามที่เขาลากปลายลิ้นไปตามผิวเนื้อที่ไร้ปุยไหมปกคลุม เสียงครางนั้นก็ยิ่งดังระงม เขาเลียไล้ช้าๆ ปาดลิ้นร้อนชื้นขึ้นลงเหนือเนินเนื้อของอิสตรี ร่างหล่อนเริ่มบิดส่าย กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน ก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากลงยังตุ่มไตเล็กๆ ที่ไวต่อสิ่งเร้า หล่อนลืมตาขึ้นมาดู ดวงตาคู่นั้นคล้ายปฏิเสธแต่ก็เชิญชวนอยู่ในที
ณัชรินทร์ละอายใจนัก ริมฝีปากเขาช่างอันตรายทว่าเธอกลับแอ่นร่างกายให้เขาชื่นชม มันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ เขาช่างมีความสามารถในการล่อลวงให้เธอคล้อยตาม ร่างกายเธอรุ่มร้อนด้วยไฟปรารถนา มันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเพราะการกระทำของมาเฟียตัวร้าย เขายังบรรเลงปลายลิ้นรัวๆ ใส่ส่วนนั้นของเธอ ปลายลิ้นที่พลิกพลิ้วเร็วรี่ดั่งแสงกะพริบของดวงดาว
ใกล้แล้ว...เธอรู้สึกแปลกประหลาด เลือดลมในกายวิ่งสวนกันวูบวาบ เส้นขนบนร่างก็ลุกซู่ชูชัน
เลฟรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างสาว ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนบอกให้รู้ว่าหล่อนกำลังจะเสร็จ ทว่า...เขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น
“อื้อออ...” ณัชรินทร์ร้องอู้อี้เมื่อจู่ๆ ทุกสิ่งก็หยุดลงดื้อๆ เลฟลุกขึ้นมานั่งอยู่ระหว่างขาเธอ ปาดริมฝีปากด้วยปลายนิ้วอย่างยั่วเย้าก่อนจะแกะเนกไทที่ปิดปากเธอออก “ทำบ้าอะไรฮะ!”
เขายิ้มเยาะเมื่อเห็นปฏิกิริยาของหล่อน การปล่อยให้หล่อนอารมณ์ค้างคา เป็นวิธีลงโทษที่เบาที่สุดแล้ว
“นั่นคือความเมตตาของฉันไงชาช่า ถ้าเป็นผู้ชาย ป่านนี้เธอถูกปืนเป่าขมับตายอยู่ข้างเตียงนั่นแล้ว”
“งั้นก็ฆ่าสิ ฆ่าฉันเลย”
“โอ้ว...ฆ่าไม่ได้หรอกคุณผู้หญิง ตายไปเสียดายของ แต่ไม่ต้องห่วง เธอได้ตายสมใจแน่ บนเตียงนี้นี่แหละ”
“แล้วทำไม?”
“ทำไมหยุดตอนนี้น่ะเหรอ มันสนุกไง ได้เห็นเธอค้างคา มันสะใจดี”
“เลฟ!?” เธอเรียก แต่เขายิ้มร้าย ผ้าห่มผืนหนาถูกสลัดคลุมร่างให้เธอ ก่อนที่เขาจะลงจากเตียงเพื่อกดปุ่มที่ข้างผนังเพื่อเรียกหาฟิโอดอร์ เธอหลับตาลงแน่นๆ อยากจะขับไล่ความรู้สึกบ้าๆ นี่ออกไปแต่ช่างทำได้ยากนัก รสสวาทจากปากเขา จากฝ่ามือและปลายจมูกของเลฟยังตามมาหลอกหลอนเธอทั้งที่ตื่นอยู่ มันใกล้จะถึงจุดผลิพุ่งแห่งความสุข แต่แล้วเขาก็หยุดเสียดื้อๆ เพื่อกลั่นแกล้งผู้หญิงโง่เง่าที่บังอาจไปลั่นไกใส่เขานั่นอย่างไร
เลฟออกจากห้องไปนานแล้ว นานจนเธอเริ่มทนไม่ไหว การถูกล่ามช่างทรมานกายยิ่งนัก แล้วจู่ๆ ประตูห้องก็ส่งสัญญาณ ทว่าคนที่กลับเข้ามาเหมือนว่าจะไม่ใช่เลฟ เสื้อเชิ้ตลายเรขาคณิตสีส้มสดใสกับกางเกงสีขาวสะอาด น่าจะไม่ใช่พ่อคนใจร้ายที่ชื่อเลฟอย่างแน่นอน
“โอ...พระเจ้า!? เขาทำอะไรกับคุณกันนี่”
บุรุษผู้หล่อเหลาโผเข้าหาณัชรินทร์ ช่วยปลดพันธนาการที่ห้อยร้อยมือเจ้าหล่อนอยู่ เขาดึงสาบเสื้อหล่อนให้เข้ามาชิดกัน ปิดกั้นพุ่มทรวงที่เหลือเพียงเสื้อชั้นในหุ้มห่อ การกระทำของเขาทำให้ณัชรินทร์ยิ้มออกมาทั้งที่น้ำตาเอ่อนอง
“นี่คุณใช่ไหม อเล็กเซย์ใช่ไหม”
“ใช่...ผมเอง ขอโทษด้วยที่เขาทำกับคุณแบบนี้ สาบานได้ว่าเขาไม่ใช่คนใจร้าย”
“ไม่จริง! เขาใจร้าย ใจร้ายมากเลย ฮือออ...” ณัชรินทร์ร้องระงม ทำไมสองคนนี้ต้องหน้าตาเหมือนกันด้วยนะ มันน่าโมโหที่พวกเขามาอยู่ต่อหน้าเธอโดยที่คนหนึ่งเธออยากจะฆ่า แต่กับอีกคนเธออยากจะกอดเขาเหลือเกิน
แล้วอ้อมแขนอุ่นๆ ของอเล็กเซย์ก็โอบรัดร่างเธอ เธอวางใบหน้ากับอกเขา ปลดปล่อยน้ำตาแห่งความกลัว ความอดสูใจที่เกิดจากการกระทำของเลฟ เธออยากฆ่านายนั่นให้ตายคามือ ทว่าในเวลาเดียวกันก็อยากให้เขาปรนเปรอร่างนี้เหมือนอย่างที่ชายหญิงเขาทำกัน เธอคงบ้าไปแล้ว!
“ขอบคุณที่เป็นคุณ ขอบคุณจริงๆ”
เธอพร่ำบอก สองมือกอดแขนเขาแน่น
“อ๊ะ!?”
อเล็กเซย์ร้องลั่นเมื่อมือของณัชรินทร์สัมผัสต้นแขนเขาแรงเกินไป
“ขอโทษค่ะ! แขนคุณเจ็บเหรอ”
“อือ...ตกบันไดที่ผับน่ะ พอดี...ผมเมาไปหน่อย”
ณัชรินทร์มองตาปริบๆ เพราะเป็นฝาแฝดหรือเปล่านะ คนหนึ่งเจ็บ อีกคนถึงเจ็บด้วยอย่างนี้ เจ็บ...เหมือนกันเลย
“ลุกเถอะ ไปจากที่นี่กัน ผมไม่ชอบห้องนอนเลฟ มันอึมครึมน่าขนลุก” ว่าแล้วดึงมือสาวเจ้าให้ลุกตาม
ณัชรินทร์แลหากางเกงชั้นใน มันหล่นอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ ในตู้เสื้อผ้าคงยังมีให้เธออีกสักตัวสองตัวกระมัง