วันต่อมา ~~
เช้าวันใหม่ที่ใครหลาย ๆ คนต้องตื่นขึ้นไปทำงานตามวิถีเช่นเดียวกับหญิงสาวร่างเพรียวในชุดเดรสแขนสั้นสีหวาน ใบหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางอ่อน ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ผมสีดำยาวตรงปลายลอนวอลลุ่ม แผ่กระจายเต็มแผ่นหลัง ท่าทางแลดูสุภาพเรียบร้อยตามแบบฉบับสาวเอเชีย พร้อมกับกระเป๋าสะพายคู่ใจรวมถึงแฟ้มเอกสารในมือ เธอกำลังยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าคอนโด พลางงับแซนด์วิชแสนอร่อยไปด้วยเนื่องจากไม่มีเวลามากพอในการทำอาหาร
“วันนี้ไปทำงานเช้าจังหนูใบชา? “ป้าแม่บ้านขาประจำเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ในมือเต็มไปด้วยถุงอาหารต่าง ๆ หลากหลายชนิด
“ค่ะป้าติ๋ม วันนี้หนูมีคุยงานที่อื่นค่ะ เลยต้องไปเช้ากว่าปกติ”
“อ๋อจ้ะ งั้นป้าขอตัวไปทำกับข้าวให้ลุงก่อนนะ”
“ค่ะป้า”
ใบชาผู้มีนิสัยอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย มองโลกในแง่บวก เธอเป็นที่รักของเหล่าแม่บ้านและยามในคอนโดแห่งนี้วันหยุดเมื่อไหร่ หากเธอมีเวลาว่างมักจะทำขนมนำมาแบ่งให้พวกเขาเหล่านั้นได้ลิ้มลองกันบ่อย ๆ รวมถึงการช่วยเหลือต่าง ๆ พลันให้ใครต่อใครที่รู้จักมักจี่หรือสนิทสนมกัน ต่างก็รักและชื่นชมในความมีน้ำใจของเธอ
หลังจากที่ป้าติ๋มเดินจากไปรถยนต์หรูสีดำของใครบางคนก็เข้ามาจอดตรงหน้า เธอพยายามมองลอดผ่านกระจกสีดำทึบสงสัยว่าคนข้างในเป็นใคร ก่อนจะรีบก้าวถอยหลังยามที่บานประตูกำลังจะถูกผลักออกมา
“เชอรี่ไปแล้วนะคะคุณแพท “ยามที่ประตูรถถูกผลักออกมา สายตาคู่งามดันเหลือบเห็นหญิงสาวชุดเกาะอกสั้นตัวจิ๋วกำลังโน้มตัวหอมแก้มชายหนุ่มแว่นดำอย่างสะดีดสะดิ้ง บุคลิกเขาดูเคร่งขรึมน่าหวาดกลัว ขณะเดียวกันรถแท็กซี่ที่รอคอยก็มาพอดิบพอดีใบชาจึงกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทันที
“…”
“นายจะเข้าบริษัทเลยหรือว่าจะกลับเข้าบ้านก่อนครับ? “ไทม์เอ่ยถาม ขณะขับรถออกมาจากคอนโดคู่นอนของผู้เป็นนาย
“เข้าบริษัท “แพททริคตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเอ็นหลังพิงกับผนังเบาะรถเช่นเดิม
“ครับ”
เวลาต่อมา ~~~
บริษัท SUN
รถเก๋งธรรมดาสีขาวขับเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทหน้าบริษัท SUN “นุชเตรียมเอกสารมาครบหมดแล้วเนอะ? “ใบชาถาม ขณะเตรียมตัวออกจากรถ
“ใช่ ครบจ้ะ”
“โอเคงั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะเนอะ”
นุชพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสองสาวจึงก้าวขาลงจากรถมุ่งตรงสู่ทางเข้าตึกใหญ่ ที่มีความสูงมากกว่าสามสิบชั้น ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและต่างประเทศ
“สวัสดีค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ? “พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์กล่าวสวัสดีหญิงสาวทั้งสองที่เพิ่งเดินเข้ามาอย่างเป็นมิตร
“มานำเสนอโปรเจคโฆษณาจากบริษัท Produce ค่ะ “ใบชาตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เชิญชั้นสามสิบห้าเลยค่ะ ห้องประชุม xxx ท่านประธานรออยู่ด้านบนแล้วนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ติ้ง ~~
ทันทีที่ประตูลิฟต์ตัวใหญ่เปิดทั้งสองสาวจึงสาวเท้าตรงไปที่ห้องประชุมดังกล่าว “นุชชาฝากคอมหน่อยสิ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งปวดฉี่ “ระหว่างทางใบชาดันเกิดปวดเบาขึ้นมาจึงเอ่ยขอนุชเพื่อนร่วมงาน
“ได้ ๆ รีบมานะชา”
“จ้ะ”
ก่อนไปใบชาจึงถามไถ่ทางไปห้องน้ำจากพนักงานสาวที่กำลังเดินมาพอดี เมื่อได้รับคำตอบจึงมุ่งหน้าไปที่นั่น เพื่อทำธุระส่วนตัวของตนทันที
“อ้า ๆ !! บะ..เบาค่ะ อ้าย ๆ ~~ “
สองเท้าหยุดชะงักหน้าห้องน้ำชาย ครั้นได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน พลันให้คิ้วบางขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าบริษัทดังแห่งนี้จะมีเรื่องบัดสีเกิดขึ้นในที่โจ่งแจ้งแบบนี้ และเธอเองก็เข้าใจดีว่าเสียงนั่นคืออะไร “ทำไมไม่รู้จักห้ามใจตัวเองกลับไปมีอะไรกันที่บ้านนะ น่าเกลียดจริง ๆ “ใบหน้างามสะบัดไปมาอย่างเอี่ยมระอา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าห้องน้ำหญิงทันที
หลังจากใบชาทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยจึงจับกระเป๋าสะพายคล้องบ่า สองเท้าพลันรีบเร่งกลับไปที่ห้องประชุม ทว่าสาวเท้าออกมา กลับเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวชุดออฟฟิศที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำชาย มือทั้งสองข้างพลางจัดระเบียบตนเองด้วยท่าทางเร่งรีบ จนเธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครยืนอยู่หรือเปล่า
ขณะเดียวกันยามที่กำลังจะก้าวเดิน กลับรู้สึกถึงพลังบางอย่างให้เธอต้องรับหันมองด้านข้างอย่างหวาดระแวง ทว่าสายตาบังเอิญมองสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าคมกริบพอดี ถึงกับสะดุ้งเฮือกหนึ่ง เผลอก้าวเซถอยหลังโดยอัตโนมัติ ไม่หนำซ้ำยังเหลือบเห็นชายเสื้อเชิ้ตที่หลุดลุ่ย เธอจึงรีบก้มหน้างุดเมื่อถูกชายหนุ่มร่างสูงจ้องมองลึกเข้ามาในนัยน์ตาคู่งาม จนเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ใบหน้าสงบนิ่งและท่าทางบึกบึนของเขาชั่งน่าขนลุก สักพักเขาก็เดินจากไป มือเล็กพลันยกทาบอกด้วยความโล่งใจ
แกร๊ก ~~
บานประตูห้องประชุมถูกผลักเข้ามา หลังจากที่ใบชาและนุชนั่งรอประธานบริษัทราว ๆ เกือบสิบห้านาที จึงดันตัวลุกขึ้นหวังยกมือไหว้กล่าวสวัสดีและแนะนำตัว ทว่าชายหนุ่มร่างสูงชาวอังกฤษผู้มีใบหน้าขาวผ่องเรียบเนียนเป็นเอกลักษณ์คนนี้กำลังทำให้ใบชายืนตัวแข็งทื่อดุจก้อนหิน จนเผลอรอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเขาคือคนเดียวกับคนที่เจอหน้าห้องน้ำเธอจึงรีบหลบสายตาต่ำอีกครั้ง ยามที่เขาจ้องมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ
“…”
“อะ..เออสวัสดีค่ะก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ดิฉันใบชาค่ะสะ..ส่วนอีกคน….”
“พอ!..ถ้ายังไม่พร้อมก็กลับไป แค่แนะนำตัวยังพูดติด ๆ ขัด ๆ แล้วงานฉันจะราบรื่นได้ยังไงกัน “ประโยคของเธอเป็นต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงทรงอำนาจน่าหวาดหวั่นแย้งขึ้น
“ขอโทษค่ะ “ใบชาเหลือบมองนุชเพียงนิดอย่างหนักใจก่อนจะเอ่ยขอโทษประธานหนุ่ม เขากำลังทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นจนขาดความมั่นใจ “งั้นชาขอนำเสนอโปคเจคเลยนะคะ “ จากนั้นเธอจึงเริ่มนำเสนองานที่จัดเตรียมไว้ เมื่อประธานหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากมองเธอด้วยสายตาดุดันอยู่ตลอดเวลา
“คุณแพททริคมีตรงไหนต้องการแก้ไขหรือเปล่าคะ? “ครั้นจบการนำเสนอใบชาจึงเอ่ยถามเสียงสุภาพ ขณะเดียวกันชายหนุ่มดันตัวนั่งตรง มือใหญ่ทั้งสองข้างประสานกันวางบนโต๊ะด้วยท่าทางเรียบเฉย หลังจากเอ็นหลังพิงกับผนังเก้าอี้ฟังหญิงสาวอธิบายจนจบ
“ฉันต้องการมีตัวเลือกมากกว่าสอง ไปเพิ่มโปรเจคมาอีกอย่างน้อยสามโปรเจค”
“ได้ค่ะ “ว่าจบจึงนั่งที่ของตัวเองทันที โดยมีมือของนุชเอี่ยมมาจับเพื่อให้กำลังใจ และประธานหน่มยังจ้องมองใบหน้าของเธออย่างไม่วางตาจนเธอแทบทำอะไรไม่ถูก เขาเป็นประธานบริษัทยังไงกัน ถึงได้ไปมีอะไรกับพนักงานในห้องน้ำโดยไม่อายผีสางนางไม้หรือเทวดาแถวนั้นบ้าง เขาคงเป็นคนจำพวกโรคจิต
“คุณแพททริคจะนัดทางบริษัทเรามาวันไหนอีกคะ? “นุชถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“อีกสามวัน”
“สามวันเหรอคะ? “เมื่อได้ฟังเช่นนั้นใบชาจึงโพล่งขึ้นถามอย่างไม่เข้าใจ โปรเจคโฆษณามันไม่ได้คิดหรือทำกันง่าย ๆ ต้องผ่านกระบวนการไตร่ตรองและขั้นตอนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เขากลับให้เวลาแค่สามวันจะทันได้อย่างไร
“ทำไม!? ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องทำฉันจะไปจ้างบริษัทอื่น”
“เออ..เปล่าค่ะสามวันก็สามวันค่ะ” ใบชาจำนนตอบตกลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วม
“ดี..งั้นก็กลับไปได้แล้ว “ว่าจบแพททริคจึงหยัดกายลุกขึ้นเต็มความสูง พลางล้วงมือใหญ่เข้ากระเป๋ากางเกง สแล็คสาวเท้าออกไปทันที
“จะทันเหรอชา?”
“ไม่ทันก็ต้องทันแล้วล่ะนุช ชาต้องการให้ทีมเราได้งาน”
“อือ ๆ “จากนั้นหญิงสาวทั้งสองจึงจัดเก็บอุปกรณ์เตรียมตัวกลับที่ทำงานของตนเอง
“นายชอบผู้หญิงคนนั้นเหรอ ครับผมเห็นนายจ้องเธอไม่วางตาเลย? “ไทม์เอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม ระหว่างยืนอยู่ในลิฟต์ตัวใหญ่
“จะไม่มีคำว่าชอบหรือรักใครอยู่ในหัวกูอีก ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ของแก้ขัดสำหรับกูเท่านั้น” มาเฟียหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
บริษัท Produce
“ชาไปทานข้าวกัน”
“ไปก่อนเลยนุชชายังทำ project ไม่ถึงไหนเลย “เธอปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวค่อยกลับมาทำก็ได้นะใบชา “อาร์ตรุ่นพี่เดินเข้ามาพร้อมกับนุช
“พี่อาร์ตกับนุชไปกินก่อนเลยก็ได้ค่ะ ชามีแซนด์วิชกับกาแฟอยู่ ชาอยากทำ project ให้เสร็จวันนี้เลย พรุ่งนี้จะได้เตรียมตัวไป Present ที่บริษัท SUN”
“งั้นชาจะฝากซื้ออะไรไหม? “นุชถาม เห็นเพื่อนร่วมงานที่แสนดีโหมงานนักแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้ ตลอดระยะเวลาสามวันที่ได้รับมอบหมายจากประธานบริษัท SUN ใบชาก็เอาแต่นั่งคิด project งาน ตั้งแต่เช้าจรดเย็นอย่างขะมักเขม้น แทบจะไม่มีเวลาพัก
“ไม่เป็นไรนุชขอบใจนะ “ใบหน้างามหันกลับมาสนใจงานตนเองบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เช่นเดิม
“สงสารชาอ่ะตั้งแต่คุณแพททริคสั่งให้เพิ่ม project ชาก็เอาแต่คิดงานอย่างหนักเลย คุณแพททริคก็นะ ไม่เห็นใจกันบ้างเลยให้เวลาแค่สามวัน ถ้าเป็นนุชนะคงคิดไม่ทันแน่ ผู้ชายอะไรหล่อซะเปล่า ใจดำชะมัด! “ ระหว่างทางนุชเอ่ยปากบ่น พลางส่ายหน้าไปมาด้วยความเอี่ยมระอากับนิสัยของประธานหนุ่ม แต่ขณะเดียวกันก็ห่วงใยเพื่อนสาว
“นั่นสิ ถ้าไม่ใช่ชานะคงคิดไม่ทันแน่ ๆ แค่สามวันเอง อย่างต่ำก็หนึ่งอาทิตย์นู่นแหละ กว่างานจะสมบูรณ์จริง ๆ”
“คราวนี้ทีมเราเจอศึกหนักแน่ ถ้าได้ร่วมงานกับบริษัท SUNนะ ”
“ทำใจเถอะนุช “ทั้งสองสนทนากันจนเดินมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งข้าง ๆ กับสถานที่ทำงาน
ครืนนนนนน ครืนนนนน
ระหว่างที่กำลังนั่งพิมพ์งานสายเรียกเข้าพลันดังขึ้น ใบชาเหลือบมองรายชื่อคุ้นเคยปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรู ก่อนจะวางปากกาและหยิบขึ้นมากดรับสาย
“ว่าไงคะพี่ป้อม? “ ริมฝีปากขยับถามเสียงสุภาพ มืออีกข้างพลางเขียนบางอย่างลงบนกระดาษเอสี่สีขาว สายตาคู่งามยังคงจับจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่วางตา เพราะทุกวินาทีคืองานของเธอทั้งหมด
“ที่ไร่เกิดเรื่องแล้ว “ น้ำเสียงร้อนรนพลันให้ใบชาวางปากกาทันควัน
“เกิดอะไรขึ้นคะ? “
“คือ…เจ้าหนี้มา ทวงเงินจากน้าโรจน์กับน้าศรีไพร มันขู่ว่าถ้าไม่ค*****นให้ครบห้าสิบล้านภายในสามเดือน มันจะยืดไร่ชากับรีสอร์ตของเรา “
“..”เมื่อได้ฟังความจากผู้จัดการไร่ ทำเอาประสาทสัมผัสทุกอย่างหยุดชะงัก ร่างบอบบางเหมือนจะค้างไปโดยพลัน จนสมองว่างเปล่า หัวใจดวงน้อยแลดูกระวนกระวายราวกับนั่งอยู่บนกองไฟ ด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวลอย่างที่ไม่ค่อยเป็นนัก
“ใบชา “
“ค่ะ…แล้วตอนนี้พ่อกับแม่ล่ะคะ? “น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถาม
“อยู่ที่บ้านค่ะ น้าทั้งสองไม่อยากให้ชารู้ กลัวว่าชาจะเป็นทุกข์ตามไปด้วย พี่เลยแอบโทรมาบอกชา หนี้ที่เป็นอยู่มันมากเกินไปสำหรับน้าทั้งสอง แล้วคือไอ้พวกเจ้าหนี้มันบอกภายในห้าวัน ต้องหาเงินมาให้อย่างน้อยสองถึงสามล้านบาท ไม่อย่างนั้นมันจะยืดไร่เราทันที “
“..”ยิ่งได้ฟังเรื่องหนักใจเช่นนี้ ยิ่งทำให้หัวใจของเธออ่อนแอ จนไม่อาจควบคุมหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่งามได้ เธอไม่เคยล่วงรู้เรื่องหนี้สินของไร่ใบชาเลยสักนิด หรือเป็นเพราะเธอเอาแต่สนใจเรื่องงานของตนเองมากเกินไป จนลืมใส่ใจเรื่องทางบ้าน
“ชาพอจะมีเงินในบัญชีสองล้านห้าเดี๋ยวชาโอนให้พ่อกับแม่เองค่ะ ที่เหลือชาจะลองพยายามหาทางอื่น “ ใบชาหลับตาระบายลมหายใจเบา ๆ ข่มความอัดอั้นตันใจไว้ภายใน ขณะใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มนวล สถานการณ์ตอนนี้ราวกับถูกพายุคอนนาโดถาโถมชัดร่างบอบบางให้ขาดเป็นสองท่อนก็ไม่ปาน
“พี่ขอโทษนะชาที่โทรมาแจ้งข่าวให้ลำบากใจ “
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ยังไงไร่ใบชาก็ของชาเหมือนกันงั้นแค่นี้ก่อนนะคะ “
“จ้ะ “
“...”ทันทีที่กดวางสายใบหน้างามจึงฟุบกับโต๊ะทำงานปลดปล่อยความทุกข์ใจผ่านหยาดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาเป็นสายธาร จนทั่วทั้งร่างสั่นระริกยากที่จะควบคุม เงินตั้งห้าสิบล้านจะหายังไงมาได้ทันภายในสามเดือน…
วันต่อมา ~~
บริษัท SUN
“เป็นอะไรหรือเปล่าชาทำไมหน้าดูซีดจัง? นุชเห็นชาซึม ๆ ตั้งแต่วานเย็นแล้วนะ มีเรื่องอะไรหนักใจปรึกษาได้นะ “นุชเอ่ยถามด้วยความแปลกใจระหว่างยืนอยู่ในลิฟต์ตัวใหญ่ เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติจากใบหน้าอมทุกข์ของเพื่อนสาว
“เปล่าหรอกนุช ชาก็เครียดเรื่องงานวันนี้แหละ “เธอกดข่มความทุกข์ใจเอาไว้ ฝืนยิ้มออกมาสุดกำลังคอยปลอบใจตัวเอง และ ทำหน้าที่วันนี้ให้ดีที่สุด หลังจากนั้นค่อยกลับมาคิดอีกที เมื่อได้ฟังนุชจึงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะสาวเท้าก้าวออกจากลิฟต์ตัวใหญ่พร้อมกัน
“เชิญค่ะ “เลขาสาวร่างเพรียวในชุดรัดรูป ผายมือเชิญทั้งสองไปยังห้องประชุมด้วยรอยยิ้มอย่างขอไปทีราวกับไม่เต็มใจ
“สวัสดีค่ะ “ทันทีที่เข้ามาจึงยกมือไหว้กล่าวสวัสดีประธานหนุ่ม พลันให้สายตาคู่งามปะทะเข้ากับแววตาเย็นเฉียบอีกครั้ง จนเธอเองเป็นต้องรีบหลบสายตาอันน่าขนลุก เลี่ยงเดินมาหย่อนสะโพกนั่งกับเก้าอี้พร้อมกับนุช
“ดิฉันขอเริ่มเลยนะคะ”
“เอาสิ “แพททริคหรี่ตาสังเกตเห็นความประหม่า และความหม่นหมองบนใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน…เธอคงกลัวเขาสินะถึงไม่กล้าแม้จะสบตานาน ๆ
หลังจากนำเสนอเสร็จเรียบร้อย “คุณแพททริคต้องการแบบไหนเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าคะ?”
“ฉันยังตัดสินใจไม่ได้ ขอเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วกัน ระหว่างนี้เธอต้องมาคุยรายละเอียดกับฉันทุกวัน..แค่เธอเท่านั้น! เริ่มวันจันทร์ “เขาเน้นเสียงหนักในประโยคท้าย คล้ายต้องการเน้นย้ำให้เธอเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง..ว่าแค่เธอเพียงคนเดียว
ประโยคแปลกพิกล และ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของประธานหนุ่ม พลันให้คิ้วบางย่นเข้าหากันทันที ก่อนจะหันใบหน้ามองสบตากับนุชอย่างไม่เข้าใจ “ชากับนุชได้ไหมคะ? พอดีเราต้องสื่อสารกันด้วยค่ะ”
“เธอไม่เข้าใจที่ฉันพูด? “มุมปากยกยิ้ม ขณะเลิกคิ้วถามเสียงเรียบ นัยน์ตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ฉายชัด สามารถมองเห็นได้ทันที
“เปล่าค่ะ”
“เข้าใจแต่ก็ถาม…”
“ขอโทษค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ “ใบชากล่าวขอโทษอย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะรีบเก็บสัมภาระของตัวเอง โดยไม่สนใจประธานหนุ่มที่จ้องมองมา
“หึ “แพททริคเค้นเสียงในลำคออย่างพึงพอใจ ซึ่งสองตายังจับจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มไม่วางตา ราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจ มิหนำซ้ำรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรของเธอชั่งทำให้น่าหลงใหล จนไม่อาจเคลื่อนย้ายสายตาไปทางอื่นได้สักวินาที
“…”
“ชาแกเห็นแววตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นของคุณแพททริคที่มองแกไหม? นุชว่าเขาจ้องจะงาบแกแน่ ๆ ยิ่งให้ไปคุยงานด้วยคนเดียวทุกวันอีก “นุชเอ่ยขึ้นในระหว่างขับรถกลับบริษัท
“อือ ช่างเขาเถอะนุชชาไม่อยากคิดมาก แต่ว่าชาจะระวังตัวนะ “ใบชาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างเหนื่อยใจ นาทีนี้ไม่มีเรื่องไหนเครียดไปกว่าหนี้สินทางบ้านอีกแล้ว
“นุชถามจริง ๆ นะ ชามีปัญหาอะไรหรือเปล่าตั้งแต่เมื่อวาน ชาก็เอาแต่เงียบแล้วก็ซึมตลอดเลย?”
“อือ มีเรื่องทางบ้านนิดหน่อย”
“แน่ใจนะว่านิดหน่อย?”
“ก็ไม่นิดหรอกนุช แค่เป็นหนี้ห้าสิบล้าน “ใบชาพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะตกลงปลงใจบอกความจริงเพราะเห็นทีเก็บไว้คนเดียวคงอึดอัดตาย
“ห้าสิบล้าน! พระเจ้า! แล้วแกจะหาเงินที่ไหนมากมายขนาดนั้น?”
“คงต้องทำงานเสริม “ใบหน้างามก้มงุดอย่างเศร้าใจ เธอเองก็ยังหาทางออกไม่ได้เหมือนกัน
“ฉันมีที่แนะนำ ว่าแต่แกจะทำได้ไหม?”
“อะไร?”
“งานที่ผับ Nice ฉันเห็นเขาประกาศรับสมัครงานในเฟสบุ๊ค ผับนี้ดังมากนะแถมเงินยังได้เยอะมากกว่าที่อื่นอีกด้วย”
“แล้วงานที่ว่างานอะไรอ่ะ? ถ้าเป็นงานอย่างว่าชาไม่ทำนะ”
“ไม่แน่ใจอ่ะ แต่แกลองไปอ่านข้อมูลดูก่อนก็ได้ เดี๋ยวฉันส่งรายละเอียดให้ทางข้อความ ”
“อือ แต่ชาคงหาที่อื่นด้วย ยังไงก็ขอบคุณนะนุช ไว้ชาได้งานเสริมจะทำขนมมาให้ “ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อย เธอพยายามมองปัญหาใหญ่ให้เป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว เพื่อว่าจะได้หาทางออกง่ายขึ้น และ ไม่เป็นการกดดันตนเองมากจนเกินไป เพราะเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ ขอแค่เรามองหามันให้เจอก็พอ ค่อยปรับเปลี่ยนแก้ไขต่อไป
“จ้ายังไงก็สู้ ๆ นะฉันเป็นกำลังใจให้”
“จ้ะ”