ตอนที่ 10

1346 คำ
หล่อนตกใจที่เขาพูดเช่นนี้ แต่หล่อนก็ไม่ได้ยี่หระ “เรื่องของคุณ ถ้าคุณจะคิดยังงั้นก็แล้วแต่” “แล้วที่ผมพูดมันผิดหรือเปล่า” จนว่าปลายศกต้องเผลอตัวตะคอกใส่ภรรยา “นี่กรุณาสงบใจบ้างนะคุณปลาย แล้วก็รู้ตัวด้วยว่า คุณเป็นอะไร แล้วฉันเป็นอะไรที่นี่” และผกายรุจีก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน หล่อนแสดงตัวเองออกมา “ผมก็เป็นผัวของคุณไงล่ะ แล้วก็เป็นผัวของลูกสาวเจ้าของบริษัทด้วย ไงล่ะ ตำแหน่งนี้เท่ห์ไหม?” ปลายศกตอบด้วยดวงตาที่พราวยิ้ม และเรืองแสงอย่างท้าทาย จนเขาคว้าเอาร่างของหล่อนมาบดขยี้จูบ เพื่อเติมรสชาติเสน่หาให้ซาบซ่านทรวงมากกว่าเดิม ซึ่งเขารู้ดีว่า รสชาติแบบนี้ ผกายรุจีชอบนักหนา หล่อนขาดแคลนมันไม่ได้หรอก เพราะโหยหาอยู่ทุกเช้าค่ะ “แต่ผมจะไม่ให้คุณโหยหาหรือสนใจ นอกจากผมคนเดียว” เขาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ หลังจากที่ได้สมรัก ปล่อยให้หล่อนอยู่ในวังวนสวาท แค่ลูบโลมภายนอก แต่ปลายศกก็พร้อมที่จะหยุดยั้งแค่นี้ เพราะว่านี่เป็นที่ทำงาน และในเวลานั้น ผกายรุจีก็ขืนตัวเองออกด้วย เพื่อที่หล่อนจะตอบเขา อย่างท้าทาย “คุณคิดอย่างนั้นหรือ” เขาเงยหน้ามองหล่อน “หรือคุณคิดจะไม่ซื่อต่อผม” “อย่ามาก้าวล่วงเกินฉันมากกว่านี้นะ ปลายศก คุณเป็นแค่ผัว นั่นเป็นเพราะฉันพอใจต่างหาก” ผกายรุจีกรีดเสียงเข้ม หยันใส่เขา “ก็ผัวนะสิ อย่าให้ผมรู้ว่า คุณริแล่นไปมีชู้” เขาตอบอย่างเจ็บปวด ถ้ารู้ว่าภรรยามีพฤติกรรมแบบนี้ เขาคงทนทำใจไม่ได้ หล่อนใจร้าย ใจชั่ว กว่าผู้หญิงที่ดีๆที่ไหนเขาจะทำ แล้วผกายรุจีก็สะบัดตัวเองจากไป ไอยวุธออกไปแล้ว เพื่อไปตามนัดกับชฎาเดือน ดีใจที่หล่อนตัดสินใจรับปากกับไปพบของเขาอีกครั้ง เขาเห็นหล่อนจากทางด้านหลัง จึงยิ้มให้ พร้อมกับพยักหน้า “คุณชฎาครับ” สาวใบหน้าหวานคมและเป็นทนายความเก่งกาจหันกลับมา “ค่ะ คุณไอย” “คงมานั่งรอผม นานใช่ไหมครับ” ที่จริงเขานึกคิดว่า ตัวเองจะมาสาย แต่เพื่อมารยาทและความเป็นสุภาพบุรุษจึงต้องถาม และเป็นการเทกแคร์ที่ถูกต้องให้สุภาพสตรี “ไม่หรอกค่ะ ชฎาเพิ่งมาถึงเช่นกัน” หล่อนหันมายิ้มหวานให้เขา “งานคุณคงหนักนะสิครับ เห็นหน้าตาไม่สบายสักเท่าไหร่” ไอยวุธเผลอมองหล่อนด้วยสายตาที่เป็นห่วงเป็นใย “ไม่หรอกค่ะ แต่ดิฉันคิดว่า ก็เหมือนกับทุกวัน” เขายิ้มให้หล่อน เมื่อทรุดนั่งเรียบร้อย “คงเพราะชินแล้ว” “ใช่ค่ะ” “งานที่คุณชฎาทำ นี่เกี่ยวกับ รับว่าความคดีต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร อย่างที่ผมเห็นเขาติดป้ายไว้ใช่ไหมครับ” เมื่อเขาถามหล่อนจึงยิ้มให้ “ทำนองนั้นค่ะ” “เอ หรือว่า คุณไอย มีคดีที่จะให้ดิฉันช่วยชำระให้” “มีสิครับ” ไอยวุธยิ้มให้อีกครั้ง “แต่ว่าเป็นคดีอะไรหรือคะ น่าสนใจแค่ไหน บางทีฉันอาจจะทำให้คุณฟรีก็ได้ ก็ในฐานะที่เรารู้จักกัน” ชฎาเดือนตอบ และหล่อนก็ยังคิดเรื่อยเปื่อย “คดีรักไงครับ คุณช่วยจัดการให้ผมได้หรือเปล่า เพราะผมหลงรักผู้หญิงที่อยู่แถวนี้ล่ะ” ชฎาเดือนอึ้งและชะงัก และใบหน้าของหล่อนเปลี่ยนสีเป็นแดง จนต้องซ่อนสีหน้าที่ระเรื่อใต้แสงไฟ ด้วยการเบือนหลบไปทางด้านอื่น “ว่าไงครับ จะรับพิจารณาทำคดีนี้ให้หรือเปล่า” “ขอพิจารณาดูก่อนค่ะ ว่าสมควรมากน้อยแค่ไหน” ชฎาเดือนตอบ “หวังว่าคดีนี้ผมคงไม่แห้ว หรือชวดไปนะครับ” และไอยวุธก็คิดว่าเขามีความสุขอย่างมากที่ได้มานั่งคุยกับชฎาเดือนอย่างนี้ หญิงสาวที่นอกจากเก่งแล้ว ยังฉลาด ฉายแววความเป็นทนายความได้ชัดเจน ยิ่งเขากล้าเอ่ยจีบหล่อนต่อหน้า ด้วยคำพูดที่เอ่ยแซว ชฎาเดือนก็ไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดหรืออึดอัด และไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของชฎาเดือนได้ “อาหารวันนี้รสชาติดีนะครับ ไม่รู้ว่าไอยวุธไปเอาคำหวานมาจากไหน เขาดูแลหล่อน และเทกแคร์อย่างเป็นสุภาพบุรุษมากที่สุด แทบทำให้หัวใจของชฎาเดือน อ่อนไหวลงได้ง่าย เป็นเพราะหล่อนพบเจอแต่เรื่องเครียดๆ ไม่ได้พบเจอความหวานชื่นที่ชโลมหัวใจอย่างในเวลานี้ เหมือนเขาเป็นยา ที่ทำให้หล่อนมีความสุขได้ ชฎาเดือนยิ้ม เพียงแค่เห็นชฎาเดือนยิ้ม ไอยวุธก็มีความสุข และการที่ได้อยู่ใกล้กับชฎาเดือน แล้วเขามีแต่ความสุข เป็นความสุขที่แสนปรารถนา “เอ้อ ชฎา มีความสุขเหมือนอย่างผมในตอนนี้ไหมครับ” สิ่งที่เขาถามชฎาเดือน ทำให้หล่อนชะงัก ในสิ่งที่เขาเอ่ย “ค่ะ ชฎามีความสุข” “งั้น ใจเราก็ตรงกันนะสิครับ” คำพูดที่ตรงไปตรงมา และอ้อนน้อมสุภาพของไอยวุธ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่า หัวใจของหล่อนก็หวั่นไหวไม่น้อย กับคำพูดที่ลึกซึ้ง ชวนเสน่ห์ กลับบ้านอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง แล้วเขาเป็นฝ่ายมาส่งหล่อนถึงบ้านพัก แล้วจึงนั่งแท็กซี่กลับไปด้วยหัวใจที่เป็นสุขเช่นเดิม ฝ่ายชฎาเดือนกลับเข้าบ้าน ประกัลย์พี่ชายของเธอเอ่ย “ได้ใครมาส่งกลับบ้านล่ะ ยัยฎา” ชฎาเดือนมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะตอบ “อ๋อ เพื่อนค่ะ ชฎารู้จักเขาในที่ทำงาน” แต่ว่าสีหน้าของประกัลย์เหมือนจะไม่เชื่อน้องสาว แต่ชฎาเดือนก็ไม่สนใจกับท่าทีของพี่ชาย ที่กำลังสงสัยเธอ เพราะว่าชฎาเดือนรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่า เธอไม่เคยทำความผิด “วันนี้ พี่ก็ไปเที่ยวกับคุณวไลยมาเหมือนกัน” ทำให้ประกัลย์เอ่ยบอกว่า เขาก็มีความสุขในการไปเที่ยวกับผู้หญิงที่เขารักเช่นกัน สีหน้าของเขาจึงมีแต่ความสุขมากกว่าทุกข์ให้ ชฎาเดือนเห็น “อ๋อ มิน่าล่ะ เพราะเห็นท่าทางของพี่ประกัลย์ เหมือนคนมีความสุขนี่คะ” “ใช่ พี่มีความสุข ขอบใจเธอมากนะ ที่ชมพี่” ที่ชฎาเดือนเอ่ยตอบไป ก็ไม่รู้ว่า พี่ชาย จะสุขแท้จริงหรือว่า เพียงแค่อำพราง เพราะหล่อนกลัวว่าเขาจะถูกหลอก เพราะเคยได้ทราบมาว่า ผู้หญิงอย่างวไลยรันดา หล่อนเป็นนางแบบในวงการ มีเสน่ห์ อีกทั้งมีผู้ชายมากมายหลายคนที่เข้ามาพัวพัน จึงเป็นเหตุที่ชฎาเดือนต้องห้ามปรามพี่ชาย ขอให้เขารักตัวเอง มากกว่าคนอื่น แต่เรื่องนี้ ก็ไม่เคยทำให้ประกัลย์เชื่อ เพราะพี่ชายของหล่อน ถ้ารักใครเขาก็ทุ่มเทอย่างหัวปักหัวปำ เปย์ให้แบบลืมทุกสิ่ง “ค่ะ ขอให้พี่ประกัลย์โชคดีก็แล้วกัน แต่ว่า ชฎาอยากจะบอกอะไรไว้นะคะ” เขาเงยหน้ามองน้องสาว ขณะที่ตัวเองกำลังมีความสุข “เธอกำลังจะบอกอะไรพี่” “อยากจะบอกพี่ประกัลย์ว่า รักใครก็ได้ แต่อย่าลืมรักตัวเองให้มากๆ” เอ่ยกับพี่ชายเพียงเท่านี้ หล่อนก็ขอตัว ขึ้นไปข้างบนทันที บอกพี่ชายแล้ว เขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ เพราะหล่อนคิดว่าความรักเป็นเหมือนไฟ ยิ่งจากผู้หญิงสวยที่เด่นมีราคาในวงการ อย่างเป็นนางแบบ วไลยรันดา ที่พี่ชายกำลังทุ่มเทจีบอย่าง เอาเป็นเอาตาย แล้วเขาจะรู้บ้างไหมว่า ในทางกลับกันนี่ ที่หล่อนได้ยินข่าว แม่วไลยรันดาอะไรนี่ หล่อนก็เที่ยวหว่านเสน่ห์แจกจ่ายของตัวเอง ไปให้ผู้ชายทุกมุมเมือง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม