ก่อนงานเลี้ยง (1)

1978 คำ
ไม่กี่ปีก่อนลูการ์ คาลเซอร์ ได้รับเลือกให้ออกปฏิบัติภารกิจยึดครองดวงดาวในกาแล็กซีฟรอสต์ ซึ่งเป็นกาแล็กซีที่เพิ่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจของดาวเมม ตามกฎของสมาพันธ์ การค้นพบกาแล็กซีใหม่นั้น ดาวของนักสำรวจที่จดแจ้งการค้นพบจะมีสิทธิ์ในการครอบครองดวงดาวในกาแล็กซีนั้นๆ สิบเปอร์เซ็นต์ โดยจะมีเวลาในการทำเครื่องหมายบนดาวที่ครอบครองไม่เกินหนึ่งเดือน หลังจากนั้นดาวอื่นๆ ก็จะส่งกองกำลังของตนเข้ามาแย่งชิงพื้นที่ในกาแล็กซีใหม่นี้เพื่อขยายฐานอำนาจและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าย่อมเกิดการปะทะระหว่างกองกำลังของแต่ละฝ่าย เรียกว่าสงครามแย่งชิงดาวก็ไม่ผิด ผลงานของลูการ์เป็นที่ประจักษ์ นอกจากจะทำเครื่องหมายบนดาวได้หลายดวงแล้วยังช่วยเหลือกองทัพของดาวอื่นที่ถูกชาวพื้นเมืองจับเอาไว้ด้วย รวมถึงให้การคุ้มครองทีมวิจัยออกไปสำรวจดาวต่างๆ ฆ่าล้างบางสัตว์ประหลาดระดับราชา และอื่นๆ อีกมากมาย ภารกิจแย่งชิงดาวในกาแล็กซีที่เพิ่งถูกค้นพบไม่ต่างอะไรกับการผจญภัยในดินแดนพิศวงที่มีทั้งอันตรายสิ่งมีชีวิตในรูปแบบต่างๆ ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรู รวมถึงอารยธรรมและทรัพยากรใหม่ๆ ที่รอให้ไปค้นหา แต่แล้วลูการ์ที่กำลังสนุกกับภารกิจก็ถูกเรียกตัวกลับดาวอามอสเพื่อร่วมพิธีปฏิญาณตนในนามเฮปตากอนกับสมาชิกใหม่ที่ได้รับบรรจุพร้อมกันรวมทั้งหมดห้าคน นักรบสี่และนักวิจัยหนึ่ง การได้รับเลือกให้เข้าร่วมกับเฮปตากอนกองกำลังหลักแห่งดาวอามอสถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของพลเมือง ซึ่งน้อยคนนักจะก้าวไปถึงจุดนั้น ลูการ์โดดเด่นตั้งแต่อยู่โรงเรียนต่อสู้อาธีน่า จนกระทั่งทดสอบเข้าร่วมกองทัพอวกาศภาคท้องถิ่นได้สำเร็จและค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นสู่ระดับเมือง ประเทศ ไปจนถึงระดับทวีป ใช้เวลาเติบโตทั้งหมดสิบปี และในสิบปีนี้ลูการ์ก็สามารถก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังหลักเฮปตากอน ศูนย์กลางอำนาจของดาวอามอสได้สำเร็จในวัยเพียงยี่สิบห้าปีเท่านั้น ความสำเร็จของลูการ์นอกจากสร้างเกียรติยศให้กับครอบครัวแล้ว ยังได้รับการเชิดชูจากตระกูลอื่นๆ ไม่เว้นแม้แต่ตระกูลทรงอำนาจอย่างตระกูลโฮแกน บ้านใหญ่ตระกูลลูเซอร์ จดหมายแสดงความยินดีที่ได้รับบรรจุเข้าเฮปตากอนส่งมาเป็นร้อยร้อยฉบับ แต่ที่สะดุดตามากที่สุดเห็นจะเป็นจดหมายจากตระกูลโฮแกน “วะฮ่าๆ เจ้าบ้าเดรกนั่นถึงกับเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานฉลองให้เลยรึ” มาคัส ลูเซียร์ ผู้นำตระกูลลูเซียร์คนปัจจุบันหัวเราะเสียงก้องห้องโถง “อะไรนะ” มีอา พี่สาววัยกลางคนฉกจดหมายในมือของมาคัสมาดู สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ มองข้อความที่บรรจงเขียนด้วยลายมือแล้วพอจะคาดเดาเจตนาของเจ้าของจดหมายได้เลือนราง “เดรก โฮแกน… ตระกูลเก่าแก่ที่ร่วมก่อตั้งเฮปตากอน ว่ากันว่าบ้านนั้นมีแต่ลูกสาว ไร้คนสืบทอดตระกูล แถมเดรกยังไม่คิดแต่งภรรยาเพิ่ม ลูกสาวคนโตแต่งงานออกเรือนไปเมื่อสองปีก่อน ครั้งนั้นก่อนจะประกาศการหมั้นหมายก็จัดงานเลี้ยงฉลองให้กับว่าที่ลูกเขยที่ได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าทีมวิจัยของเฮปตากอน นี่อย่าบอกนะว่าคิดจะจับคู่ลูการ์กับลูกสาวตัวเองอีกน่ะ” “แล้วมันไม่ดีเหรอ ได้ดองกับตระกูลโฮแกนไม่มีอะไรเสียหายเลย” “คนที่ควรได้รับโอกาสนี้ควรเป็นมิคาเอลของเราต่างหาก” มีอาเอ่ยถึงหลานรักของตนเอง ระหว่างที่ลูการ์ไปทำภารกิจที่กาแล็กซีฟรอสต์ มิคาเอลก็ผ่านการคัดเลือกเข้ากองทัพภาคพื้นแล้วเช่นกัน เพียงแต่ผลงานยังไม่โดดเด่นพอจะบรรจุเข้าเฮปตากอน เรียกได้ว่าตามหลังลูการ์อยู่หลายก้าว ไม่แปลกที่ผู้นำตระกูลโฮแกนจะมองข้ามมิคาเอลไป “เจ้าหลานรักของพี่น่ะเหรอ” มาคัสส่ายหน้า “มันมีอะไรให้ผู้นำตระกูลโฮแกนสนใจล่ะ ก็แค่เด็กเพิ่งหัดเดิน ไว้ให้มันมีผลงานที่โดดเด่นก่อนค่อยคาดหวัง ยังไงตระกูลโฮแกนก็เหลือลูกสาวตั้งสองคน ลูการ์แต่งคนกลาง มิคแต่งคนเล็ก เข้าท่าอยู่นา” “เหอะ หวังว่าผู้นำตระกูลโฮแกนจะไม่รีบหาคนมาแต่งกับลูกสาวคนเล็กซะก่อน แล้วก็นะ ฉายาของลูกสาวคนเล็กก็ไม่น่าฟังเท่าไหร่ด้วย ฉันไม่อยากได้เด็กปีศาจแบบนั้นมาเป็นหลานสะใภ้หรอกนะ” “ผู้หญิงดีๆ ชาติตระกูลสูงศักดิ์บนดาวอามอสไม่ได้มีแค่ตระกูลโฮแกนสักหน่อย อีกอย่างเรื่องลูกสาวคนเล็กของเดรกก็แค่ข่าวลือ เรายังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ จะตัดสินเลยก็คงไม่ได้หรอก” “แต่ในบรรดาเด็กสาวรุ่นนี้ก็ไม่มีใครสูงศักดิ์เท่าลูกสาวจากตระกูลโฮแกนอีกแล้ว” มาคัสฟังพี่สาวเอ่ยแล้วยักไหล่ ไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้น อีกอย่างเขาแค่พูดเล่นไม่ได้คิดจริงจังเรื่องคู่ครองของลูกชาย จะแต่งจะหมั้นหมายกับใครได้หมด มาคัสใจกว้างอยู่แล้ว “เราปฏิเสธดีไหม” เงียบกันไปสักพักเสียงมีอาก็ดังขึ้น มาคัสนึกว่าคุยกันจบแล้ว เรียวคิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินพี่สาวของตนพูด “จะปฏิเสธทำไมล่ะ ยื่นชิ้นเนื้อมาขนาดนี้ไม่งับก็โง่แล้ว อีกอย่างถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลด้วย” “คนอื่นจะหาว่าบ้านเราเกาะชายกระโปรงผู้หญิงเอานะ” “หืม... พี่คิดมากไปหรือเปล่า ลูการ์ประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้มีแต่คนอยากได้เป็นเขย ไม่มีใครเขาคิดอย่างที่พี่ว่าหรอก ไม่ต้องกังวลไป” “นี่แปลว่าแกเห็นดีเห็นงามให้ลูการ์หมั้นหมายกับลูกสาวคนกลางของเดรกงั้นเหรอ” “แล้วทำไมผมจะต้องไม่เห็นด้วยล่ะ” มาคัสยืดอกเอ่ยอย่างภาคภูมิ “ยิ้มหน้าบานเชียวนะ อย่างกับลูการ์เป็นลูกแกจริงๆ งั้นล่ะ” “ผมเลี้ยงเขามา ถึงจะไม่ใช่สายเลือดโดยตรงแต่เขาก็คือลูกผม” “เหอะ ห่อข้างแคร่น่ะสิ” “พี่! พูดอะไรน่ะ อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ถ้าลูการ์กับแม่เขามาได้ยินรู้ไหมว่าจะเสียใจขนาดไหน” มาคัสพูดจบก็ฉวยกระดาษในมือของมีอาคืนแล้วลุกเดินออกไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “มาคัส!” มีอามองตามน้องชาย ไม่พอใจที่ถูกอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่แบบนั้น คฤหาสน์โฮแกน ก๊อกๆ “เข้ามา” เสียงทุ้มในห้องเอ่ยขึ้น หลังจากนั้นประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามา “คุณพ่อให้คนไปตามเวียร์ มีอะไรหรือเปล่าคะ” แอเวียร์ โฮแกน ลูกสาวคนรองของตระกูลโฮแกน รูปโฉมงดงาม กิริยาอ่อนช้อย มีความเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้ว ก้าวเข้ามาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานแล้วถอนสายบัวเล็กน้อย มองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ เดรก โฮแกน ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันมองลูกสาวที่แสนภาคภูมิใจ ใบหน้าของชายวัยกลางคนระบายยิ้มอบอุ่น เดรกเปิดภาพชายหนุ่มบนจอโต๊ะทำงานให้แอเวียร์ดู “ดูนี่สิ” แอเวียร์ชำเลืองมองรูปชายหนุ่มหน้าเข้ม ผมสั้นเตียน ดวงตาสีดำสนิท นับว่าเป็นภาพถ่ายประจำตัวที่ดูดุดันใช้ได้ “ลูการ์ คาลเซอร์” เธอเอ่ยชื่อของเขาออกมา “ลูกรู้จักสินะ” “ลูการ์นักรบที่เพิ่งบรรจุเข้าเฮปตากอน ไปที่ไหนใครๆ ก็พูดถึง เวียร์จะไม่รู้จักได้ยังไงคะ” “แล้วลูกคิดว่าเขาเป็นยังไง” “คุณพ่อหมายถึง?” “ในความคิดของลูกน่ะ ลูกคิดว่าลูการ์เป็นยังไง” แอเวียร์เหลือบมองภาพชายหนุ่มบนจออีกครั้ง ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ตอบไปตามตรง “มองจากรูปก็รู้สึกเลยค่ะว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ในสนามรบถ้ามีคนคนนี้อยู่ด้วยก็คงรู้สึกอุ่นใจไม่น้อย” “แล้วในฐานะคู่ครองล่ะ ลูกคิดเห็นยังไง” “คุณพ่อคงไม่ได้หมายถึง... คู่ครองของเวียร์หรอกนะคะ” แอเวียร์ใจสั่น มองสบตาผู้เป็นพ่ออย่างตั้งตัวไม่ทัน เธอรู้เรื่องที่พ่อจับคู่ให้พี่สาวดี และคิดว่าสักวันก็คงถึงคราวของตัวเอง แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกต่อต้านขึ้นมาในใจ “ใช่ พ่อคิดจะหมั้นหมายลูการ์ให้กับลูก” “คุณพ่อ...” “ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าจะมองยังไงก็ยังพัฒนาได้อีกไกล เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเราที่สุดแล้ว” “แต่เวียร์กับเขาไม่เคยเจอกันมาก่อน คุณพ่อพูดเรื่องนี้กับเขาแล้วหรือยังคะ” แอเวียร์แม้แอบไม่พอใจที่ถูกจับคู่แต่ก็ไม่บุ่มบ่ามใช้อารมณ์เพราะรู้ดีว่าโวยวายไปก็ไร้ประโยชน์ ข้อดีของแอเวียร์คือต่อให้ไม่ชอบใจแค่ไหนก็ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้เสมอ “ยัง พ่อบอกลูกก่อน” “คุณพ่อแน่ใจเหรอคะว่าเขาจะยอมหมั้นหมายกับเวียร์” “ไม่มีใครกล้าปฏิเสธไมตรีจากตระกูลโฮแกนหรอก” เดรกยิ้มอย่างมั่นใจ “พี่เวียร์ พี่เวียร์!” แอลิน่าน้องเล็กแห่งบ้านโฮแกนกำลังทดลองใช้เครื่องตัดหญ้าอัตโนมัติที่ตนคิดค้นขึ้น ช่วยคนสวนเล็มหญ้าในสวนเห็นพี่สาวเดินผ่านมาพอดีจึงตะโกนเรียก แต่แอเวียร์ใจลอยไม่ได้ยิน แอลิน่าจึงเรียกด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมจนแอเวียร์สะดุ้ง หันกลับไปมองแอลิน่าด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก “ลิน” “เหม่ออะไรอยู่เหรอ เมื่อกี้พี่เข้าไปในห้องทำงานพ่อใช่ไหม มีอะไรหรือเปล่า” แอลิน่าถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เรื่องนั้น...” เวียร์มองสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของแอลิน่าก่อนจะเล่าให้ฟังแบบไม่มีปิดบัง เพราะยังไงแอลิน่าก็ต้องรู้อยู่แล้ว หลังจากฟังพี่สาวเล่าจบ แอลิน่าก็เอามือกอดอก มองท่าทางกลุ้มใจของแอเวียร์ก่อนจะเอ่ยทัก “พี่ไม่ชอบเหรอลูการ์น่ะ” แอเวียร์อึ้งเล็กน้อยกับคำถามของน้องสาว เธอมัวแต่ตกใจตอนที่รู้ว่าพ่อคิดจะหมั้นหมายเธอกับลูการ์ คาลเซอร์ เลยไม่ทันได้สำรวจความรู้สึกที่เธอมีต่อชายคนนั้น ทว่าแอเวียร์ใช้เวลาคิดไม่นานก็ตอบน้องสาวว่า “พี่ไม่เคยเจอ ไม่รู้หรอกว่าชอบไหม” “ชอบไม่ชอบดูรูปก็น่าจะตอบได้แล้วนา” “พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับลูการ์สักนิด แล้วจะให้พี่พูดว่าชอบออกมาส่งๆ ได้ยังไง” “แล้วพี่ตอบพ่อว่ายังไง” “พ่อไม่ได้เรียกพี่เข้าไปถามความสมัครใจนะลิน แค่เรียกเข้าไปบอก... ลินก็น่าจะรู้ว่าเรื่องนี้พี่ปฏิเสธไม่ได้” “น่าสงสารจัง” “ไม่ต้องมาทำเป็นพูด พอถึงเวลาลินก็ต้องโดนจับคู่เหมือนกันนั่นแหละ” แอลิน่าเบ้หน้า “ลินไม่ยอมหรอก ถ้าพี่ไม่ชอบพี่ก็อย่ายอมสิ” แอลิน่าชี้นำพี่สาวให้แข็งข้อกับคนเป็นพ่อ แอเวียร์ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มอ่อนกับความตรงไปตรงมาของแอลิน่า ไม่ได้ตอบอะไรอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม