กัวเจียงเยว่กลับถึงจวนก็รีบบอกให้ซูหลีไปสั่งโรงครัวทำกับแกล้มอย่างดีออกมาสองจาน นางเอาสุราเปิดใจมาเทผสมกับสุราแสงจันทร์อย่างละครึ่งลงในกาเคลือบลวดลายงดงาม แล้วให้ซูหลีเดินยกถาดตามนางไปหาบิดา
“ท่านพ่อเจ้าคะ ยามนี้ร่างกายท่านดีขึ้นมากแล้ว ดื่มสุราสักหน่อยเพื่อผ่อนคลายดีไหมเจ้าคะ? ข้าได้สอบถามท่านหมอแล้วว่าหากดื่มไม่เยอะพอจะทำได้ คืนนี้แสงจันทร์สว่างเจิดจ้า ลานหน้าเรือนของท่านเหมาะแก่การพักผ่อน ยิ่งนัก”
ใต้เท้ากัวยิ้มหัวพอใจ เขามีบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกเพียงสองคน หลายปีก่อนตอนที่ถูกเนรเทศตำแหน่งยังไม่สูงมากนัก ต้องแยกจากภรรยาและบุตรีไปชายแดน อนุภรรยาสองคนก็แยกกลับไปอาศัยบ้านบิดามารดาของพวกนาง หลังจากที่ได้กลับมารับตำแหน่งเดิมที่เมืองหลวง จึงได้ส่งคนไปตามหากลับพบอนุภรรยาเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนนั้นโชคร้ายนักถูกโจรปล้นบ้านหนีหายไปพร้อมกับบุตรชายคนที่สาม ยังดีที่อนุภรรยาที่รับกลับมามีบุตรชายอยู่หนึ่งคน ทำให้เขายังเหลือผู้สืบสกุล
“วันหน้าหากเจ้าออกเรือนไป พ่อคงจะเหงามาทีเดียว”
“ท่านพ่อเจ้าคะ ท่านยังเหลือน้องสี่ ต่อไปหากเขาเติบโตและแต่งงานท่านก็จะไม่เหงาแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าตอบเช่นนี้ เหมือนว่าคิดจะแต่งงานแล้ว เห็นทีท่านแม่ของเจ้าคงจะรู้สึกสบายใจได้เสียที เมื่อวานแม่สื่อก็วนเวียนกันเข้ามาถามไถ่เพราะเห็นว่าเจ้าอายุเหมาะสมที่จะออกเรือนได้แล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็อยู่ให้จิตรกรวาดภาพสักหน่อยเถิดจะได้เอาไปเสนอให้คุณชายตระกูลอื่นได้เห็นหน้าค่าตาเสียที”
“เจ้าค่ะ” กัวเจียงเยว่รับคำอย่างว่าง่ายจนใต้เท้ากัวแปลกใจ
“เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ? เหตุใดวันนี้จึงพูดง่ายนัก?”
“ข้าก็แค่เป็นห่วงท่านพ่อ ไม่ได้มีเหตุอื่นเลยเจ้าค่ะ มาๆ ท่านชิมกับแกล้มนี้ดูก่อนเถิด ข้าให้ซูหลีไปกำกับแม่ครัวทำอย่างดีเชียวนะเจ้าคะ”
ใต้เท้ากัวยิ้มน้อยๆ คีบเนื้อเป็ดชุ่มน้ำแดงที่บุตรสาวคีบมาวางในถ้วยให้แล้วกัดชิมคำหนึ่ง “อร่อยยิ่งนัก นี่มิใช่สูตรที่แม่ครัวเคยทำนี่?”
“เจ้าค่ะ ข้าได้สูตรมาจากคนผู้หนึ่งจึงได้ให้นางลองทำดู” จานเจิ้งเป็นคนจดสูตรนี้ที่พ่อครัวในเรือนของเขาทำให้เขารับประทานเป็นประจำให้นาง
“เห็นทีคนที่เจ้าว่าคงจะมีลิ้นรับรสดีเลิศ จึงได้หาสูตรเป็ดตุ๋นน้ำแดงได้ดีเหลือเชื่อ พ่อไม่เคยกินที่ใดอร่อยเช่นนี้มาก่อน”
“เจ้าค่ะ” กัวเจียงเยว่ยิ้มน้อยๆ นึกถึงคำพูดของเขาแล้วอดจะหน้าแดงไม่ได้ ชายหนุ่มบอกว่าหากบิดานางชมว่าเป็ดตุ๋นน้ำแดงนี้อร่อย นางต้องจูบขอบคุณเขาครั้งหนึ่งซึ่งนางก็รู้ว่าอาจจะไม่จบลงแค่จูบแน่
ใต้เท้ากัวดื่มสุราทั้งยังกินเป็ดตุ๋นอย่างเพลิดเพลิน ไม่นานนักก็เริ่มใบหน้าแดงระเรื่อ กัวเจียงเยว่เห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าได้เวลาที่นางต้องซักไซ้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแล้ว
“ท่านพ่อเจ้าคะ เล่าเหตุที่ทำให้ท่านถูกเนรเทศให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่? ในตอนนั้นข้ารู้เพียงแต่ว่าท่านต้องไปทำงานที่ชายแดนตั้งหลายปี”
“เจ้าอยากฟังไปทำไมกัน? เรื่องอัปยศอดสูเช่นนั้น ข้าไม่อยากจะเอ่ยถึง”
“ข้าสงสัยว่า ท่านกับใต้เท้าจานอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันนะเจ้าคะ”
“เข้าใจผิด! ข้าน่ะหรือเข้าใจผิด จานซั่วเจ้าสหายทรยศนั่นต้องเป็นคนวางยาให้ข้ากลายเป็นคนฉุนเฉียวจนไปทำร้ายใต้เท้า เจ้าไม่รู้อันใด? ใต้เท้าจานผู้นี้เป็นคนชอบศึกษายาพิษแปลกๆ ในตัวเขามักจะมียาที่ใช้ในการต่างๆ ตอนที่ข้ากับเขาสนิทกัน ข้าเคยเห็นเขาวางอยู่ผู้อื่นอยู่หลายครั้ง”
“ร้ายแรงมากไหมเจ้าคะ?”
“ไม่ถึงตายก็ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าคิดจะมีเรื่องกับเขา”
กัวเจียงเยว่ชะงัก ที่แท้! จานเจิ้งก็เป็นเหมือนกับบิดา คือพกยาที่สามารถจัดการและข่มขู่ผู้คนได้ เหมือนที่นางเองถูกยาตรงใจที่เขาใช้ป้ายตรงจมูก แม้จะมิใช่การทำร้ายโดยตรงแต่ก็ทำให้นางกลายเป็นคนของเขาไปได้ นี่เองสินะที่เขาว่า...ลูกไม้มักหล่นไม่ไกลต้น สองพ่อลูกช่างร้ายกาจยิ่ง!
“เหตุใดท่านพ่อจึงคิดว่าใต้เท้าจานเป็นคนวางยาท่าน?”
ใต้เท้ากัวจึงเล่าเหตุการณ์ให้คืนนั้นให้บุตรสาวฟัง งานเลี้ยงของใต้เท้าถังคืนนั้นมีขุนนางใหญ่น้อยไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก กัวจิ่นกับจานซั่วที่เป็นสหายรักกันเมื่อไปเจอในงานก็รีบจับจองโต๊ะด้านหลังเพื่อจะได้ร่ำสุราปรึกษาและพูดกันให้สนุกกับสหายขุนนางคนอื่นๆ ครั้นพอเริ่มดึกจานซั่วขอตัวไปห้องน้ำ ส่วนกัวจิ่นก็นั่งดื่มต่อ ธรรมดาใต้เท้ากัวจะดื่มได้น้อย จึงอาศัยค่อยๆ จิบ ยามนั้นกาสุราวางอยู่ตรงตำแหน่งที่ใต้เท้าจานนั่ง เขาหยิบมารินในจอกเพียงครึ่งเดียว ครั้นจิบแล้วกลับกลายเป็นคนหงุดหงิดโมโห ส่งเสียงดัง ล้มโต๊ะที่นั่งอยู่
“สหายขุนนางทั้งหลายเข้ามาดึงข้าเอาไว้ แต่พ่อกลับต้องการพุ่งเข้าหาใต้เท้าถัง ในหัวได้ยินเพียงเสียงสั่งให้ฆ่าใต้เท้าถังก้องอยู่ไม่ขาด พ่อพุ่งเข้าไปหาและบีบคอใต้เท้าถัง ทุกคนในงานก็เอะอะโวยวาย ตอนนั้นจานซั่วกลับมาแล้วช่วยคนอื่นๆ ดึงพ่อไว้ได้สำเร็จ ใต้เท้าถังตกใจจนล้มป่วย จากนั้นก็มีผู้ถวายฏีกาให้เนรเทศพ่อไปชายแดนและยึดจวน”
“ท่านพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของใต้เท้าจานเจ้าคะ?”
“ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใด? พ่อเคยเห็นเขาใช้ยานี้กับมือปราบผู้หนึ่งมาก่อน แค่หยดลงในแก้วน้ำชา คนผู้นั้นก็คลุ้มคลั่งราวกับคนเสียสติ”
กัวเจียงเยว่ยังมองไม่เห็นช่องโหว่เลยสักนิด “หากจะว่าไป รูปการทุกอย่างก็บ่งชี้ไปที่ใต้เท้าจานจริง เพียงแต่ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฝีมือของผู้อื่น”
“พ่อมั่นใจว่าเป็นฝีมือของจานซั่ว แม้เขาจะปฏิเสธแต่พ่อก็ไม่คิดจะให้อภัยเขา”
ครั้นบิดาดื่มจนร่างโงนเงนนั่งไม่ได้ กัวเจียงเยว่ก็ให้บ่าวรับใช้พาตัวบิดากลับไปยังเรือนนอน นางกลับไปนอนครุ่นคิดและเรียงลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามที่บิดาเล่า ขุนนางที่ร่วมโต๊ะกับบิดาในครั้งนั้นมีสี่คน นอกจากใต้เท้าจานแล้ว
ยังเหลือผู้ต้องสงสัยอีกสามคน พรุ่งนี้นางคงต้องไปปรึกษากับจานเจิ้ง หากหาความจริงในเรื่องนี้ออกมาได้ จะล้างมลทินของบิดาได้สำเร็จ
“ขุนนางหนึ่งในสามอาจจะเป็นคนลงมือ หากหาแรงจูงใจในการคิดฆ่า ใต้เท้าถังได้ เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะยากแล้ว”
***********************