ตอนที่ 4

3190 คำ
ตอนที่ 4 “อะ…ไอ้ปิศาจเรโน!” “ยังจำชื่อฉันได้อีกเหรอ” “ก็เพราะนายคือคนที่ฉันเกลียดจนลืมไม่ลงไงล่ะ!” ฉันแค่นเสียงตอบก่อนจะเชิดหน้าหนีเขาไปอีกทาง ทำไมต้องมาเจอในที่ที่ไม่มีคนด้วยนะ ไม่สิ ปกติไอ้ปิศาจเรโนจะไม่มาแถวนี้นี่นา หมอนั่นจะอยู่แต่ในที่ที่มีผู้คนรายล้อม ซึ่งคนละโลกกับฉันอย่างสิ้นเชิงเลย “เกลียดฉันขนาดนั้นเลยเหรอฮะ!” “เออ!” ฉันหันหน้าไปตอบเขาแล้วรีบหันกลับทันที ฉันต้องไม่คุยกับเขาอีก ต้องไม่สนใจเขาอีกต่อไป นึกถึงคำพูดร้ายกาจของเขาเข้าไว้นะฝันรัก เธอไม่ได้เป็นอะไรสำหรับเขาเลย แม้แต่เพื่อนหรือแค่เบ๊ก็ยังไม่ได้เป็น ตัวตนของฉันในใจของเรโนมันคือความว่างเปล่า ไม่มีร่องรอยใดๆที่เกี่ยวกับฉันในชีวิตของเขาเลยสักนิด “เธอเกลียดฉันเพราะมีไอ้หน้าแป๊ะยิ้มนั่นงั้นเหรอ!” “หน้าแป๊ะยิ้ม? นายหมายถึงใคร -*-“ “ก็ไอ้คนที่มันจู! เอ่อ…มันอยู่กับเธอเมื่อเช้าไง” “อ้อ อากิระ แล้วนายมีสิทธิ์อะไรไปเรียกเขาว่าไอ้หน้าแป๊ะยิ้มฮะ!” “อย่ามาตะคอกฉันบ่อยๆนะเฟ้ย!” ไอ้ปิศาจเรโนดึงผมเปียฉันจนฉันต้องถอยหลังเซไปตามแรงดึงของเขา อ๊ากกกก ไอ้บ้านี่รังแกผมเปียของฉันอีกแล้วววว TOT “ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!” “ไม่!” ฉันตอบกลับทันควัน “ถ้าไม่ขอโทษฉันจะดึงเปียเธอให้มันหลุดติดมือออกมาเลย!” “อ๊ากกก อย่านะเฟ้ย ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต TOT” “ก็ขอโทษสิฟะ!” “ก็บอกว่าไม่ๆๆๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!” “เธอเมินฉันยังจะว่าไม่ได้ทำผิดอีกเหรอฮะยัยเฉิ่ม!” ไอ้ปิศาจเรโนตะโกนใส่หูจนขี้หูแทบจะกลิ้งออกมาเต้นระบำแทงโก้อยู่ข้างนอก ไอ้บ้านี่เห็นฉันเป็นกระสอบทรายหรือไงT^T “นี่นายเป็นปลาทองเหรอไอ้ปิศาจเรโน ลืมไปแล้วหรือไงว่าพูดจาร้ายกาจอะไรใส่ฉันไว้น่ะ!” ฉันตะโกนออกไปอย่างเหลืออด ทำเหมือนฉันเป็นพวงกุญแจตุ๊กตาไปได้ ที่มีแค่เอาไว้ห้อยประดับตกแต่ง แต่ไม่เคยคิดจะดูแลหรือว่าหยิบมาใช้งานเลย วันดีคืนดีนึกอยากจะลืมก็ลืม นึกอยากจะเอากลับมาใช้งานก็แค่ทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจะมักง่ายเกินไปหน่อยมั้ง! “ในที่สุดก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าโกรธเรื่องนั้น” เรโนพูดเสียงอ่อนลง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเปียของฉัน หนำซ้ำยังกระชากเข้าไปใกล้ จนสภาพของฉันกับเขาตอนนี้ค่อนข้างจะเหมือนกำลังกอดกันกรายๆ ( หมายถึงไอ้บ้านี่กอดฉันนะ T^T ) “เธอก็รู้ว่าฉันปากหมา เอ่อ…ปากไม่ค่อยดี เวลาพูดจาอะไรไปก็ไม่ค่อยคิดหรือว่าใส่ใจอยู่แล้ว รู้จักกันมาเป็นสิบปี เรื่องแค่นี้ยังไม่รู้อีกหรือไง” “แล้วยังไงล่ะ นายคิดว่าคนที่รู้จักกับนายมาเป็นสิบปีแต่ได้คุยกันเดือนหนึ่งไม่กี่ประโยคอย่างฉัน…จะเจ็บปวดกับคำพูดของนายไม่เป็นงั้นเหรอ” ฉันก้มหน้าพูดเสียงสั่น ฉันต้องสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้ได้ อย่าไปร้องไห้ให้คนอย่างไอ้หมอนี่เห็นอีก เพราะถึงร้องไปหมอนี่ก็ไม่เคยปลอบอะไรกลับมาอยู่แล้ว ขนาดตอนที่คุณยายฉันเสีย ฉันมาร้องไห้กับเขา อีตาเรโนก็ยังไม่แม้แต่จะปลอบฉันสักคำ สิ่งที่หมอนี่ทำคือทำลายสิ่งของที่อยู่รอบตัวจนพังพินาศไปหมด เขาไม่สนใจฉันที่กำลังร้องไห้แทบตายด้วยซ้ำ! “ยัยฝันร้าย…” “เลิกยุ่งกับชีวิตฉันสักที! ฉันปลดปล่อยตัวเองออกมาจากนายเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้น…อย่ามาดึงฉันเข้าไปในวังวนชีวิตของนายอีก ฉันไม่อยากเข้าไปอีกแล้ว!” “การอยู่ในวังวนชีวิตของฉัน…มันทำให้เธอเจ็บปวดมากเลยเหรอ” “…” ทำไมถึงตอบไม่ได้ในทันทีนะ ตอบไปสิว่าใช่ แล้วทุกอย่างมันจะได้จบ ตอบไปสิฝันรัก! “ตอบว่าใช่ไม่ได้สินะ” “อย่ามาทำเป็นรู้ดี” “เธออยากจะให้ฉันปลดปล่อยเธอจริงๆใช่มั้ย” “ใช่” ฉันกลั้นใจตอบไปในที่สุด ห้ามร้องเด็ดขาดนะ ห้ามร้องออกมาเด็ดขาด… แหมะ… “งั้นจะร้องไห้ทำไม…” “ฮึก…” “อยากให้ฉันปลดปล่อยแล้วเธอจะร้องไห้ทำซากอะไรฮะ!!!” เรโนตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะผละห่างออกจากตัวฉันแล้วหันไปเตะอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ตั้งอยู่ข้างๆแปลงดอกไม้จนกระเด็นปลิวไปคนละทาง เป็นแบบนี้อีกแล้ว ทั้งๆที่ฉันกำลังร้องไห้ แต่เรโนกลับไม่สนใจ สิ่งที่เขาทำคือทำลายข้าวของที่อยู่ใกล้ๆแทนการปลอบโยนฉัน แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรฉันเป็นพิเศษเลย ไม่ได้เป็นห่วงยามที่ฉันร้องไห้แม้แต่นิดเดียว “ฝันรัก พอดีเห็นว่าเธอ…” อากิระที่วิ่งเลี้ยวลงมาจากอาคารหยุดชะงัก มองฉันที่กำลังก้มหน้าร้องไห้กับเรโนที่กำลังกระทืบเศษซากของอุปกรณ์ที่เขาทำพังสลับกันไปมา ก่อนจะเลือกเดินเข้ามาหาฉัน “ฝันรัก…เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น” อากิระบีบไหล่ฉันแน่น พยายามจะก้มดูหน้าฉัน แต่ฉันก็เบี่ยงหลบ ไม่อยากให้เขามาเห็นน้ำตาฉันตอนนี้ เพราะฉันยังไม่รู้จะบอกเหตุผลที่ร้องไห้กับเขายังไง ในเมื่อแม้แต่ตัวฉันเอง ก็ยังไม่เข้าใจเลย “หรือว่าหมอนั่น!” “อย่านะ…” ฉันดึงเสื้ออากิระไว้ แล้วเขยิบเข้าใกล้ก่อนจะซบลงที่แผงอกของเขา ช่วยบังไว้ให้ที ช่วย บังใบหน้าที่น่าสมเพชของฉันตอนนี้ไว้ที… “เรโน! อยู่ที่นี่เอง พวกผู้หญิงถาม…” “…” “เอ่อ…เกิดอะไรขึ้น...หรือเปล่า” “รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ ฮันเตอร์” “ตามกลิ่นมาน่ะ” “หา?” “แล้วตกลง…เกิดอะไรขึ้นเหรอเรโน ทำไมบรรยากาศมันชวนให้เครียดไปด้วยแบบนี้ล่ะ” “ฉัน…ขอตัวก่อนนะ” ฉันกระซิบพูดกับอากิระเบาๆแล้วรีบก้มหน้าก้มตาวิ่งขึ้นอาคารเรียนไป นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมยิ่งพยายามลืม ยิ่งพยายามไม่นึกถึงหมอนั่นเท่าไหร่ กลับต้องมีเรื่องให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น ฉัน…ฉันแบกรับความรู้สึกมากมายขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ… “เกิดอะไรขึ้นกับแม่สาวน้อยของฉันกันละนั่น” ฮันเตอร์พูดพลางมองตามหลังฝันรักตาละห้อย ตอนนี้ทั้งเรโน อากิระ และฮันเตอร์ต่างยืนหันหน้าเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม หากแต่ทั้งเรโนและอากิระเอาแต่ก้มหน้าเงียบ “หมายความว่ายังไง สาวน้อย…ของนาย?” อากิระเงยหน้าถาม “ก็...ฝันรักไง ฉันคิดว่าฉันชอบเธอ” ฮันเตอร์ตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน “ล้อเล่นหรือไงฮันเตอร์” คราวนี้เป็นฝ่ายเรโนที่เอ่ยถามขึ้นบ้าง “เดี๋ยวนะ ทำไมทั้งสองคนต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วยล่ะ โกรธอะไรฉันเนี่ย” “นายชอบฝันรักเหรอ” อากิระถามอีกคำถาม “ก็คิดว่านะ ดูๆไปยัยนั่นก็น่ารักดี เลยว่าจะลองจีบดูน่ะ ทำไมเหรอ หรือว่านายเองก็ชอบยัยนั่นเหรออากิระ!” ฮันเตอร์ถามอย่างตกใจ อากิระไม่ตอบแต่ใช้การพยักหน้ารับแทนการพูด “ฉันสารภาพไปแล้ว และกำลังรอคำตอบ” “แบบนี้ก็ยิ่งสนุกน่ะสิ เย็นนี้ฉันไปสารภาพบ้างดีกว่า อยากรู้จังน้าว่ายัยนั่นจะเลือกใคร” “นี่ไม่ใช่เกมนะฮันเตอร์ ฉันจริงจัง ถ้านายไม่จริงจังก็หลีกทางไป อย่ามาทำเหมือนฝันรักเป็นของเล่น เหมือนใครบางคน” ประโยคหลังอากิระหันไปทางเรโนอย่างจงใจที่จะพูดจากระแทกแดกดัน “ฉันก็ไม่ได้บอกสักหน่อยนี่ว่ามันเป็นเกม เหมือนจะพูดไปแล้วนะว่า…ฉันชอบยัยนั่น” ฮันเตอร์ยังคงยืนยันตามเดิม อากิระเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบโต้กลับยังไงดี “สรุปว่านายกับฉันจะลงสนามแข่งกันชิงหัวใจของฝันรักสินะ อากิระ” “ถ้านายยืนยันอย่างลูกผู้ชายว่านายจริงจัง ฉันก็พร้อมที่จะสู้ด้วย แต่ถ้าไม่ ฉันก็จะเดินหน้าของฉันคนเดียว ไม่สู้กับใครทั้งสิ้น” “งั้นก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยเพราะว่าเวลาที่ฉันหมายปองใครไว้แล้ว ฉันจะไม่ยอมให้หลุดมือเด็ดขาด ฉันต้องได้…เท่านั้น” ฮันเตอร์เหยียดยิ้มอย่างมั่นใจ “พวกนายสองคน…ชอบยัยนั่นกันจริงๆเหรอ” เรโนที่เอาแต่เงียบฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่นานพูดขึ้นบ้าง เขามองหน้าอากิระสลับกับฮันเตอร์ด้วยแววตานิ่งสนิท “จริง” อากิระตอบเป็นคนแรก “ตามนั้นเลยเพื่อน!” ต่อด้วยฮันเตอร์ “งั้นเหรอ…” “…” “ถ้างั้น…ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกพวกนายสองคนเอาไว้” “อะไร?” ทั้งสองถามขึ้นพร้อมกัน “ยัยนั่นน่ะ…เป็นของของฉัน ฉันเจอก่อน” น้ำเสียงและแววตาที่จริงจังของเรโนทำเอาทั้งสองไม่กล้าพูดอะไรตอบกลับไป หากแต่ในใจตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมแพ้ในศึกรักครั้งนี้เด็ดขาด! “ฉันมั่นใจว่าฉันเพิ่งบอกเธอไปเมื่อตอนก่อนจะเดินออกจากประตูโรงเรียนว่าไม่ให้ตามมาไม่ใช่เหรอ” คุณเรนถามขณะที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นรถช้อปเปอร์คันใหญ่สีดำของตัวเอง แต่ฉันกลับยืนก้มหน้าเดินตามเธอมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากประตูโรงเรียน “คุณ…คุณเรน!” ฉันโผเข้ากอดคุณเรนโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว ร้องไห้เหมือนเด็กโดนแย่งขนมอยู่ในอ้อมกอดของเธอ “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เป็นอะไรไป” “ฮือๆๆๆ” “ถ้าเธอเอาแต่ร้องไห้ฉันก็ไม่รู้เรื่องพอดีน่ะสิ” “แง้ๆๆๆๆ TOT” “ไปกันใหญ่แล้ว เอางี้ คิดรถก่อน ไปคุยกันที่หอฉันก็ได้ ไม่ไกลหรอก” ฉันพยักหน้าหงึกๆ คุณเรนจัดการสวมหมวกกันน็อคให้ฉันแล้วดันตัวฉันให้ขึ้นไปบนรถก่อนก่อนที่ตัวเองจะขึ้นคร่อมตาม หลังจากหนีกลับขึ้นมาบนห้องเรียนก่อน อากิระก็ไม่ได้กลับขึ้นมาอีกเลย ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ฉันวิ่งออกมาบ้าง ที่รู้ตอนนี้มีเพียงแค่…ฉันเจ็บใจตัวเอง! เจ็บใจที่สลัดไอ้ปิศาจเรโนออกไปจากหัวใจไม่ได้สักที ราวกับว่าฉันได้ตอกใบหน้าของเรโนลงไปในหัวใจของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ไม่ถึงสิบนาที คุณเรนก็มาจอดรถที่หน้าหอพักหญิงใกล้กับโรงเรียน เธอเดินนำชั้นไปที่ลิฟต์กดไปที่ชั้นสาม ฉันหยุดร้องไห้ไปเมื่อสองนาทีก่อน ตอนนี้เริ่มจะตั้งสติได้นิดหนึ่ง ฉันไม่อยากทำให้คุณเรนรำคาญจนเลิกเป็นเพื่อนกับฉัน ไม่อยากจะเสียเพื่อนผู้หญิงคนแรกไปเพราะความงี่เง่าของตัวเอง จะว่าไป หอพักที่นี่ก็สวยแล้วก็สะอาดตาไม่เบาเลยนะ เหมาะกับคนรักความเงียบอย่างคุณเรนที่สุดเลย “ห้องฉันไม่ค่อยมีอะไรหรอกนะ” “ค่ะ” แค่ได้มาห้องของคุณเรนในเวลาที่หัวใจอ่อนแอแบบนี้ ก็เหมือนฝันที่ดีที่สุดของฉันแล้ว “ว้าว…” ฉันมองไปรอบๆห้องอย่างตะลึง ไม่ได้ตะลึงว่าภายในหรูหราอลังการล้านแปดอะไรหรอกนะ แต่ตะลึงคือมันโล่งมากกกกกก โล่งจนไม่มีแม้แต่โทรทัศน์หรือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรเลย จะมีก็แค่ฟูกที่นอน หมอน ผ้าห่ม แล้วก็พัดลมหนึ่งตัวเท่านั้น โล่งถึงขนาดเตะบอลในห้องนี้ได้เลยนะ -__-;; “ตามสบายนะ จะกินอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวโทรสั่งขึ้นมาให้” “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร” ฉันส่ายหน้า เดินลงไปนั่งที่กลางห้องอย่างเจี๋ยมเจี้ยม ไม่เคยเห็นห้องของผู้หญิงที่ไหนโล่งขนาดนี้มาก่อนเลยนะ แบบนี้เรียกว่าโล่งคงจะยังดูดีเกินไป ต้องเรียกว่ามันไม่มีอะไรเลยถึงจะถูก “คุณเรนคะ” “หืม?” คุณเรนที่กำลังถอดเสื้อนักเรียนออกเพื่อเปลี่ยนหันมามอง แม้แต่ตู้เสื้อผ้าก็ไม่มีเหรอเนี่ย เธอแขวนเสื้อผ้าไว้ที่ราวตากผ้าเอา นี่เธอจะมีชีวิตอยู่แบบเด็กผู้ชายเกินไปหรือเปล่า -*- “ทำไม…ขอโทษนะคะที่ถาม แต่ฉันสงสัยจริงๆว่า…เอ่อ…ห้องนี้…” “ฉันเป็นพวกไม่ชอบเทคโนโลยีนะ ก็เลยไม่ซื้ออะไรไว้ ที่ห้องก็ไม่ค่อยได้กลับมาอยู่แล้ว ความจริงฉันทำงานพิเศษตอนกลางคืนด้วย” “จริงเหรอคะ!” “ฉันเป็นเด็กกำพร้า อยู่บ้านเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิดแล้ว พอขึ้นม.ปลายก็เลยย้ายออกมา ทำงานพิเศษหาเงินส่งตัวเองเรียน ฉันไม่อยากลำบากคุณแม่ที่บ้านเด็กกำพร้าอีกแล้ว” ฉันนิ่งไปเมื่อคุณเรนพูดจบ เธอมีชีวิตที่น่าสงสารมาโดยตลอด ต้องอยู่คนเดียว ไม่เคยได้เห็นหน้าพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง น่าสงสารจริงๆ ฉันจะทำอะไรเพื่อเธอได้บ้างมั้ยนะ “อย่ามาทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้สิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” คุณเรนเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ จับหัวฉันโยกไปโยกมาแล้วส่งยิ้มอย่างอบอุ่น “ขอโทษค่ะ ฉันแค่ไม่รู้จะพูดอะไรดี พูดว่าสงสารก็ไม่ได้ พูดให้กำลังก็พูดไม่ออก ฉัน…” “พูดไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดหรอก ฉันเองก็ไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ไม่รู้ว่าเพื่อนกันเขาต้องทำยังไง แต่ว่า…ถ้าเวลาเธอมีเรื่องไม่สบายใจ ฉันก็พร้อมจะเป็นผู้ฟังที่ดีให้ อย่างน้อยคงช่วยให้เธอหายอึดอัดขึ้นบ้าง จริงมั้ย” “คุณเรน…” “แล้วตกลงเธอเป็นอะไร นั่งร้องไห้มาตลอดทางเลยนี่” ฉันก้มหน้าลงอย่างชั่งใจ จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณเรนฟังดีมั้ยนะ เธอจะมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระหรือเปล่า แล้วเธอจะรำคาญเพื่อนขี้แงแบบฉันมั้ย (._.) “บอกมาสิ ฉันรอฟังอยู่นะ” รอยยิ้มของคุณเรนได้ทลายความลังเลใจทั้งหมดที่เกิดขึ้น ฉันเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านมาให้คุณเรนฟังแบบหมดเปลือก ทั้งความรู้สึกที่ฉันมีต่อไอ้ปิศาจเรโนและความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเรา รวมถึงเรื่องของอากิระกับเหตุการณ์ล่าสุดในวันนี้ คุณเรนนั่งฟังเงียบๆโดยไม่แทรกอะไรขึ้นมาเลย ฉันเล่าไปร้องไห้ไป บางครั้งก็โมโหขึ้นมาเมื่อเล่าถึงตอนที่ไอ้ปิศาจเรโนชอบแกล้งให้ฉันต้องอับอาย ความอัดอั้นที่เก็บมาตลอดถูกระบายออกไปจนหมดสิ้น… “ชักสนุกแล้วสิ…” คุณเรนพึมพำขึ้น ที่ว่าสนุกนี่หมายถึงเรื่องอะไรกัน อย่าบอกนะว่าเรื่องของฉันมันน่าสนุกน่ะ ฉันว่ามันออกจะอมทุกข์และน่าเศร้าจะตายไป T_T “หมายถึงอะไรเหรอคะ ฉันไม่เห็นจะสนุกเลย T^T” “ไว้คอยดูต่อไปสิ เรโน…หมอนั่นต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ๆ” “หมายความว่าไอ้บ้านั่นจะกลับมาแก้แค้นฉันใช่มั้ยคะ TOT” ว่าแล้วเชียว พักนี้รู้สึกถึงรังสีพิฆาตตลบอบอวลอยู่รอบกาย ที่แท้ไอ้ปิศาจเรโนก็กำลังปองร้ายฉันอยู่นี่เอง! “บางทีปิศาจเรโนของเธอ อาจจะได้คลั่งเร็วๆนี้ก็ได้นะ” ทำไมต้องพูดจามีลับลมคมใน เหมือนว่าคุณเรนรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ฉันไม่รู้แบบนี้ด้วยล่ะ -*- “คนทุกคน จะรู้ว่าอะไรสำคัญก็ต่อเมื่อมีใครอีกคนโผล่ขึ้นมาเพื่อจะแย่งชิงมันไป ของของใคร ใครก็หวง จริงมั้ยล่ะ” “ฉันไม่เข้าใจที่คุณเรนพูดเลยสักนิดค่ะ -*-“ “ช่างเถอะ ฉันจะเป็นผู้ชมที่ดี รอดูเรื่องสนุกๆนี้ต่อไปก็แล้วกันนะ” คุณเรนหัวเราะเบาๆ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุณเรนดูสนุกสนานขนาดนี้ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่คุณเรนพูดมันหมายความว่ายังไง แล้วไอ้ปิศาจเรโนจะคลั่งอะไรขึ้นมาอีก ทุกวันนี้หมอนั่นเองก็เหมือนปิศาจจอมอาละวาดอยู่แล้ว ไม่เข้าใจเลยโว้ยยย TOT “กลับมาแล้วค่า” ฉันร้องบอก คุณเรนต้องรีบไปทำงานพิเศษต่อก็เลยให้ฉันรีบกลับบ้านก่อน เธอบอกว่าเธอทำงานเป็นนักดนตรีอู่ในผับใกล้ๆกับที่พัก คุณเรนเป็นมือกีตาร์ ฉันลองจินตนาการตอนเธอกำลังเล่นดนตรีอยู่บนเวทีแล้วก็อยากจะแหกหลอดเสียงกรี๊ดให้ดังลั่นโลกไปเลย ขอเพียงแต่เธอไม่เป็นผู้หญิง ฉันจะตกหลุมรักเธอแบบทันทีเลยแหละ “กลับมาแล้วเหรอ ฝันรัก ^^” “อะ…ไอ้ปิศาจเรโน!” ฉันชี้หน้าเขาที่กำลังช่วยคุณแม่จัดโต๊ะอาหารอย่างตกใจ ระ…รอยยิ้มเสแสร้งแบบนี้มันอะไรกัน >O< “เดี๋ยวเถอะฝันรัก! ทำไมไปเรียกเรโนแบบนั้นล่ะ ใช้ไม่ได้เลยนะเรา” คุณแม่เอ็ดเสียงดุ “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณน้า ฝันรักก็ชอบล้อเล่นกับผมแบบนี้ประจำแหละ ^^” ดูม๊านนนนนดูมันทำ! แสร้งยิ้มหวานให้คุณแม่ใจอ่อนระทวย ที่สำคัญ…ไอ้รอยยิ้มที่คนอื่นมองว่าดูดีแต่สำหรับฉันมันอาบยาพิษเอาไว้ชัดๆเลยนะ จะมาไม้ไหนอีกเนี่ย! “กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนเถอะ จะได้กินข้าวพร้อมกัน ^^” “หมายความว่าไง นี่นายก็จะกินข้าวที่นี่ด้วยงั้นเหรอ!” “แม่ชวนเรโนเองแหละ ลูกรีบไปอาบน้ำได้แล้ว อีกเดี๋ยวคุณพ่อก็จะกลับ เราจะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักที จะว่าไป…น้าก็ไม่ได้กินข้าวกับเรโนมานานแล้วเนอะ” “ใช่ครับ ผมคิดถึงอาหารฝีมือของคุณน้ามากเลย” ไอ้ปิศาจเรโนหันไปหยอดคำหวานใส่คุณแม่ ฉันขี้เกียจทนดูการกระทำอันเสแสร้งโคตรๆของหมอนั่นก็เลยสะบัดก้นขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว ไอ้บ้านั่นมันคิดจะทำอะไรกันแน่ มันตั้งใจจะป่วนชีวิตฉันให้ย่อยยับเลยใช่ม้ายยย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม