วันต่อมาอาจารย์จากสำนักศึกษาก็มาตามตัวลูกศิษย์ที่ไม่ได้ไปเรียนหลายวันถึงจวน ท่านพ่อของจื่อรั่วอิงเข้าวังตั้งแต่เช้าจึงไม่ได้อยู่ต้อนรับ จื่อรั่วอิงรู้ตัวอยู่แล้วว่าอาจารย์ต้องมาที่นี่ด้วยนางขอให้น้องสาวทั้งสองคนอันเกิดจากอนุรองและอนุสามช่วยเหลือ
น้องสาวของจื่อรั่วอิงเป็นเด็กสาวใบหน้างดงามอันเป็นที่เลื่องลือของคนไปทั่วทั้งเมือง ด้วยพวกนางเป็นเด็กเรียบร้อยบิดาของนางจึงหวงน้องสาวยิ่งนักการเดินทางไปเรียนแต่ละครั้งมีองครักษ์รายล้อมนับสิบคน
ตรงข้ามกับจื่อรั่วอิงที่แม้จะเป็นหญิงงามทว่าชื่อเสียงของนางกลับฉาวโฉ่ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน จึงทำให้บิดาแม้จะรักเอ็นดูเพียงใดก็ไม่เคี่ยวเข็ญนางเหมือนบุตรสาวคนอื่น
เพราะสินสอดของซื่อจื่อที่ส่งมานั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่านับสิบหีบ ทั้งยังมีอาภรณ์แพรพรรณงดงามหายากมากมาย นอกจากนั้นท่านย่ายังได้รับของกำนัลหีบใหญ่จากถังซื่อจื่อจึงทำให้ท่านย่าของจื่อรั่วอิงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
จื่อรั่วอิงเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เมื่อท่านย่าให้คนมาตามจึงเดินออกมาในชุดของสำนักศึกษา
"ข้าต้องขอโทษอาจารย์จิวที่ทำให้ท่านลำบากต้องมาตามคนถึงที่นี่ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้ส่งคนไปแจ้งที่สำนักศึกษา"
จื่อรั่วอิงเป็นศิษย์คนโปรดของอาจารย์จิว เพราะนางยังพอจดจำกลเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชาติก่อนสมัยที่ทัวร์เล่นกายกรรมรอบโลกได้จึงนำมาถ่ายทอดให้อาจารย์จิวผู้นี้ได้ชม ดังนั้นในสายตาของอาจารย์จิวจื่อรั่วอิงจึงกลายเป็นคนพิเศษของเขา
จื่อรั่วอิงมาถึงแล้วนางทำความเคารพท่านย่าและเคารพอาจารย์ ท่าทางเรียบร้อยผิดปกติ ท่านย่ากระแอมแล้วเอ่ยขึ้น
"ความจริงโทษกักบริเวณของเจ้ายังมีอยู่ แต่อาจารย์จิวเอ่ยว่าเจ้าจะออกเรือนแล้วสมควรมีความรู้ติดตัวให้มาก จะได้ไม่ทำขายหน้าสกุลจื่อ ย่าฟังแล้วก็รู้สึกว่าอาจารย์จิวกล่าวมีเหตุผล แต่ย่าก็ไม่ไว้ใจเจ้าเช่นนั้นจะให้คนคอยตามมากหน่อย อิงเอ๋อร์เจ้าใกล้จะออกเรือนแล้วอย่างไรก็อย่าได้คิดทำเรื่องเหลวไหลเข้าใจหรือไม่"
จื่อรั่วอิงแสร้งสงบเรียบร้อยรับคำท่านย่าพร้อมใบหน้าสำนึกผิด
"อิงเอ๋อร์ทราบเจ้าค่ะ จะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด คำของท่านย่าที่สั่งสอนอิงเอ๋อร์ได้ทบทวนและเข้าใจทุกสิ่งแล้วเจ้าค่ะ"
เมื่อเห็นท่าทางสงบเรียบร้อยดุจผ้าพับไว้ของหลานสาวทำให้ท่านย่ารู้สึกผิดปกติ เดิมทีหากคิดสั่งสอนจื่อรั่วอิง เด็กคนนี้มักจะย้อนคำยังไม่เชื่อฟังเสมอ ทว่าวันนี้กลับเรียบร้อยผิดแผกเหมือนว่าไม่ใช่จื่อรั่วอิงตัวจริง
จู่ ๆ ท่านย่าก็รู้สึกไม่ไว้ใจ คำว่า 'ไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด' ของหลานสาว หมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ หรือ คำว่าไม่ก่อเรื่องนี้จะเท่ากับจะก่อเรื่องให้อับอายกันแน่
เมื่อไม่แน่ใจท่านย่าจึงกวักมือเรียกนางแล้วเอ่ยเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์ เจ้ามาใกล้ ๆ ย่า"
จื่อรั่วอิงรับคำเดินเข้าไปใกล้ฮูหยินชรา แล้วคุกเข่าลงข้าง ๆ ด้วยอาการสงบนิ่งเชื่อฟัง ฮูหยินชราหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์จิวแล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมาสบตากับหลานสาวพร้อมกับกระซิบเบา ๆ
"นังปีศาจร้ายคายหลานสาวของข้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้ามียันต์อันศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์อี๋หลิงหากไม่ยอมแสดงตัวเจ้าได้ตายแน่"
จื่อรั่วอิงได้ยินดังนั้นก็งงงันไปชั่วครู่ ดวงตาคู่งามเบิกกว้างแทบถลนออกจากเบ้า กระทั่งสมองประมวลภาพความคิดของท่านย่า จื่อรั่วอิงจึงกลั้นขำเอาไว้แล้วทำดวงตาบ้องแบ๊ว
"ท่านย่านี่อิงเอ๋อร์ไง อิงเอ๋อร์เองเจ้าค่ะ มิใช่ปีศาจ ดวงตาของท่านย่ามีปัญหาแล้ว หรือจะเป็นต้อกระจกไปลอกตาดีหรือไม่"
ฮูหยินชราชะงักไปชั่วครู่มองใบหน้างามของหลานสาวโดยละเอียดแล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"เอาล่ะ คำพูดประหลาดนี้มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น คงไม่ใช่ตัวปลอมเป็นแน่"
"เจ้าค่ะ จื่อรั่วอิงตัวจริงมิใช่ตัวปลอมแน่นอน"
มือเหี่ยวย่นของผู้ชรายื่นมาหาจื่อรั่วอิงทันใด ด้วยความเคยชินที่ถูกท่านย่าตีมาตั้งแต่เด็ก จื่อรั่วอิงคิดว่าตัวเองจะถูกท่านย่าบิดเนื้ออีกแล้วจึงเบี่ยงตัวหนีทว่ามือนั้นกลับจับที่มือของนางแล้วบีบเบา ๆ
"อิงเอ๋อร์ เจ้าคงคิดได้แล้วสินะ มิเสียแรงที่ย่าสั่งสอนเจ้าเป็นอย่างดี เช่นนั้นก็ไปเรียนเถิดเป็นเด็กดีอย่าดื้อ อย่าทำให้อาจารย์จิวลำบากใจ เข้าใจหรือไม่"
จื่อรั่วอิงกลอกตา มองมือเหี่ยวของท่านย่าที่บีบกระชับมือของนางอย่างอบอุ่นคล้ายไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นว่านิ้วของท่านย่านั้นเต็มไปด้วยแหวนล้ำค่าทั้งสิบนิ้วยังใส่นิ้วละสองวงยิ่งกว่าจะไปงานออกห้างประกวดเครื่องประดับ
จื่อรั่วอิงจึงเข้าใจสาเหตุของอารมณ์ประหลาดของท่านย่าแล้วของพวกนี้คงเป็นของกำนัลที่ว่าที่คู่หมั้นของนางมอบให้ท่านย่าเป็นแน่
จื่อรั่วอิงกลั้นขำพร้อมกลับเอ่ยว่า
"ท่านย่า หรือว่าเป็นท่านที่ถูกปีศาจเข้าสิงจึงได้ดีกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่มียันต์ของปรมาจารย์อี๋หลิงไล่ปีศาจนะ เช่นนั้นท่านก็ใช้ยันต์นั่นขับไล่ตัวเองเถิด"
พูดจบเสียงร้องของนางก็ดังขึ้นทันใด
"โอ๊ย ท่านย่า อย่าบิดข้า อิงเอ๋อร์ยอมแล้ว อิงเอ๋อร์ยอมแล้วเจ้าค่ะ"
จื่อรั่วอิงกระโดดออกจากตรงนั้นทันใดพร้อมกับวิ่งออกออกไปที่ประตู ปากร้องเสียงดัง
"ท่านอาจารย์ไปเถิดเจ้าค่ะ ข้าอยากเรียนหนังสือแล้ว"
อาจารย์จิวย่อมรู้นิสัยของลูกศิษย์ผู้นี้ดี เขาลุกขึ้นอย่างสง่างามทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าจัดระเบียบเสื้อผ้าสีขาวสะอาดพร้อมทั้งหมวกแสดงฐานะอาจารย์แห่งสำนักศึกษาจนเรียบร้อยหลังจากนั้นจึงหันหลังเดินออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้จะวางท่าทางเช่นใด ด้วยบัดนี้ได้เสียกิริยาต่อหน้าอาจารย์จิวผู้เลื่องชื่อ
อยากจะบอกอาจารย์จิวเหลือเกินว่าเรื่องเมื่อสักครู่ในจวนที่นางถูกหลานสาวต่อปากต่อคำก็อย่าพูดออกไปให้อายคน