“แกแน่ใจเหรอวะ ว่าจะใส่ชุดนี้จริงๆอะ”
“ทำไมอะ มาทะเลนะ ไม่ได้ไปเที่ยวห้าง ที่จะได้ใส่ไม่ได้”
“อือ แล้วแต่แกละกัน ฉันไม่ได้หุ่นดีแบบแกอะ ฉันไม่มั่นใจขนาดนั้นว่ะ”
“คิดมากน่า แกหุ่นดีจะตาย บอบบางดี แยกย้ายนะ ฉันไปจัดของเข้าตู้ก่อน”
“เค”
หลังจากกลับมาถึงบ้านพัก สองสาวยืนเลือกถุงของที่ซื้อมาด้วยกันอยู่ที่ม้านั่งหน้าบ้าน ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นบ้านฝั่งตัวเองไปพักผ่อนระหว่างรอมื้อเย็น
ประทานพรปิดประตูห้องและลงกลอนอย่างเบามือ ก่อนที่เท้าเล็กจะชะงักอยู่ที่เดิม เมื่อเงยหน้ามาเจอคนตัวใหญ่นั่งอยู่ที่เตียงของตัวเอง
“เข้ามาทำไมคะ”
“…..”
“พี่ฟ้า ห้องเพลงไม่ใช่สวนสาธารณะนะคะ ที่พี่จะมาเข้าออกได้ตลอดเวลาแบบนี้อะ”
“จะเสียงดังให้พี่ชายเธอรู้เหรอ ว่าฉันอยู่ในห้อง”
“รู้แล้วไงคะ ก็ดีสิ จะได้มาลากพี่ออกไป”
“เธอแน่ใจเหรอ”
“…..” ไม่ ประทานพรตอบคำถามเขาในใจ ขนาดทุกคนรู้ว่าเขาทำอะไรกับเธอเอาไว้ ยังไม่มีใครว่าอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปวางของลงบนเตียง แล้วเปิดกระเป๋า เตรียมจัดของเข้าตู้เสื้อผ้า
“จะใส่ชุดไหน คิดดีๆนะ”
“ทำไมคะ”
“ระวังรอยจะเพิ่มขึ้น”
“พี่ฟ้า เสื้อผ้าเพลง เนื้อตัวเพลง เพลงมีสิทธิ์ใส่นะ”
“ก็ลองดูสิ”
หญิงสาวเบะปากใส่คนตัวใหญ่ ขยับตัว รื้อของเก็บเข้าตู้โดยไม่สนใจคนที่อยู่บนเตียงของเธอ ที่ตอนนี้เอนกายนอนลงหลับไปเรียบร้อยแล้ว
ก๊อก ก๊อก
“เพลง เห็นไอ้ฟ้าไหม พี่จะตามมันไปช่วยจุดไฟ แม่โทรมาสั่ง” กนชนกเอ่ยถามน้องสาว เมื่อเธอเปิดประตูออกมา
“นู่นค่ะ” คนตัวเล็กเบี่ยงตัวออกจากมุมประตู ให้กันชนกเห็นร่างสูงใหญ่ของนภพงศ์ ที่กำลังหลับอยู่บนเตียงของเธอ
“หืม แปลกแห๊ะ”
“อะไรแปลกคะ”
“ก็ฟ้ามันไม่นอนร่วมเตียงกับใครนะ ห้องมัน มันยังไม่ให้ใครเข้าเลย มันหวงความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร แต่นี่หลับบนเตียงเพลงเนี่ยนะ”
“คิดมากน่าพี่กันย์ ก็แค่เตียงนอนนะคะ”
“จริงๆนะ พี่กับมันแทบจะเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำ ยังไม่เคยเห็นมันไปนอนห้องคนอื่นเลย”
“คิดเยอะไปแล้วค่ะ ไปปลุกสิคะ เพื่อนพี่อะ”
“ไม่เอา พี่ยังไม่อยากตาย พี่ไปจุดไฟคนเดียวก็ได้ ไปนะ ระวังมันปล้ำเอาล่ะ”
“ไอ้พี่กันย์ เพลงไม่ตลก!!!”
ประทานพรเสียงดังไล่หลังพี่ชาย ที่วิ่งลงบันไดไปอย่างโมโห หางตาเหลือบมองคนบนเตียงที่หลับอยู่อย่างหวาดระแวง ก่อนจะก้าวยาวๆคว้าผ้าเช็ดตัวเดินตรงเข้าห้องน้ำไป
พ้นหลังคนตัวเล็ก ดวงตาคมดุที่หญิงสาวคิดว่ากำลังหลับ ลืมตาขึ้นมามองตามหลังเธอไปอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ หญิงสาวออกมาเปิดตู้เสื้อผ้า ยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่ มือเล็กหยิบชุดนั้นชุดนี้แล้ววางลงอยู่หลายครั้ง จนตัดสินใจหยิบบิกินี่สีดำ กางเกงขาสั้นสีขาว และเสื้อคลุมบางๆสีขาวเดินกลับเข้าห้องน้ำไป
“แน่ใจเหรอ ที่จะแต่งตัวแบบนี้” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เจอคนตัวใหญ่ยืนพิงกำแพงอยู่
“ก็มีแต่ครอบครัวไหมล่ะคะ”
“อืม” นภพงศ์ชะงักไปเมื่อคิดตามที่คนตัวเล็กพูด สงสัยเขาจะบ้าไปแล้วจริงๆ
ประทานพรไม่สนใจคนตัวใหญ่ เดินไปหน้ากระจก เทแป้งฝุ่นลงฝ่ามือเล็กทาใบหน้ากับลำคอ พลางมองร่องรอยที่เขาทำไว้อย่างหนักใจ ที่เมื่อเช้าไม่มีใครทันสังเกตเพราะเธอลงรองพื้นกับแป้งปิดเอาไว้ แต่ตอนนี้เธอขี้เกียจมานั่งทารองพื้นอีกรอบ แต่มันก็เห็นชัดเกินไป
คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ไม่ทันได้ระแวงคนตัวใหญ่ที่ยังอยู่ในห้องของเธอ ร่างเล็กสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อคนตัวสูงมายืนซ้อนหลังเธอแนบชิด มือใหญ่คว้าเอวเธออย่างถือวิสาสะ สายตาคมดุมองกระจกพลางโน้มใบหน้าลงเกยคางไว้บนไหล่ของเธอ
“เห็นรอยชัดดีนี่”
“ฝีมือใครล่ะคะ”
“เพิ่มอีกสักหน่อยน่าจะดี”
“พอเลยค่ะ เลิกลวนลามเพลงได้ละ”
ห้ามไปก็เท่านั้น ในเมื่อคนตัวใหญ่ไม่สนใจที่จะฟัง เขากดแนบริมฝีปากลงไปบนลำคอ ขบเม้ม ดูดเนื้ออ่อนแรงๆ ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
“หอม วันนี้รอยเดียวพอ”
“…..”
“ไปได้แล้ว”
นภพงศ์ปล่อยมือจากเอวเล็ก คว้าข้อมือหญิงสาวเดินออกจากห้องลงไปรวมกับคนอื่นที่หน้าบ้าน
“อ้าว พี่ฟ้า ทำไมลงมาด้วยกันอะ”
“ก็มันไปหลับอยู่ในห้องยัยเพลง” กันชนกตอบแทนนภพงศ์ขึ้นมาลอยๆ
“ห๊ะ…” เสียงฟางข้าวกับดาราภัสดังขึ้นพร้อมกัน หันมองหน้ากันอย่างตกใจ
“ฟ้าน่ะเหรอ หลับห้องคนอื่น ที่ไม่ใช่ห้องตัวเอง”
“ครับ ผมเห็นกับตา” กันชนกพยักหน้ายืนยันกับฟางข้าว พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ประทานพรมองคนอื่นสีหน้ากระอักกระอ่วน นภพงศ์เหลือบมองเล็กน้อย แล้วดึงข้อมือเล็กให้เธอเดินเข้าไปร่วมวงกับดาราภัส ส่วนตัวเขาเองเดินเลี่ยงไปสูบบุหรี่
“เพลง คอแก…..”
“อย่าถามอะไรนะ” ประทานพรพูดดักก่อนที่ดาราภัสจะถามเธอมากไปกว่านี้ ดาราภัสเงียบไปเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน
หลังจากมารวมตัวกันครบ ทุกคนก็ลงมือย่างอาหารทะเลทานกันอย่างสนุกสนาน หนุ่มสาวอย่างนภพงศ์ กันชนก ประทานพร และดาราภัส ก็ไม่พลาดที่จะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยที่บิดามารดาร่วมดื่มด้วยแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“เอาล่ะ ดึกแล้ว เด็กๆสนุกกันไปนะ พ่อแม่ไปพักกันก่อน”
“ฝันดีนะจ๊ะเด็กๆ อย่าเมากันมากล่ะ”
ผู้ใหญ่ทยอยขึ้นพักผ่อน หลังจากเห็นว่าดึกมากแล้ว และต้องการให้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มๆสาวๆ ประทานพรกับดาราภัสลุกหอมแก้มบิดามารดา แล้วทรุดตัวนั่งดื่มเครื่องดื่มต่อ หลังจากบิดามารดาเดินออกไปแล้ว
“อ้าว ทำไมเตกีล่ากับวอดก้าเหลือแค่นี้อะ ซื้อมาตั้งเยอะไม่ใช่เหรอวะ”
“ดู 2 คนนี้”
นภพงศ์ไม่ต้องอธิบายอะไรกับกันชนกมาก แค่บอกให้เพื่อนมองสภาพของประทานพรกับดาราภัส ที่ดื่มหนักจนขวดกองเต็มข้างตัว
“เห๊ย ดื่มหนักกันแท้วะ 2 คนนี้ จะพอไหมเนี่ย”
“ไปซื้อมาเพิ่มไป”
“มึงไปกับกูดิ” กันชนกขยับตัวลุกจากที่นั่ง เตรียมออกไปซื้อเครื่องดื่มเพิ่ม
“มึงจะปล่อยให้น้องอยู่ด้วยกันแค่ 2 คน ?”
“เออ กูลืมคิด”
“พลอยไปซื้อขนมไหม พี่จะออกไปซื้อเครื่องดื่มเพิ่ม” ตอนแรกกันชนกจะชวนน้องสาวไปด้วย แต่พอเห็นสายตาของนภพงศ์ เขาว่าเขาควรชวนดาราภัสไปดีกว่า ไม่งั้นคงโดนนภพงศ์ตามไปถลกหนังหัว
“ไปค่ะ ขนมจะหมดแล้ว”
“งั้นลุกเลยค่ะ”
กันชนกเดินนำออกไปที่รถ โดยมีดาราภัสเดินตามหลังมา เธอมึน แต่ยังไม่ถึงกับเมา เพราะปกติเธอกับประทานพรก็ดื่มหนักกันอยู่แล้ว แต่วันนี้บรรยากาศดี เลยดื่มเพลินไปหน่อย
“พี่กันย์ เดี๋ยวพลอยไปเอาเสื้อคลุมแป๊บนะคะ”
“พลอยใส่เสื้อพี่ไปก่อนก็ได้ อยู่เบาะหลังรถ”
“โอเคค่ะ”
เมื่อเห็นคนตัวเล็กขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว กันชนกก็แตะคันเร่ง เคลื่อนออกจากบ้านพักไป โดยทิ้งให้นภพงศ์กับประทานพรอยู่กันตามลำพัง
“พี่กันย์…..”
“ว่าไงตัวเล็ก”
“รอยที่คอเพลง ฝีมือพี่ฟ้าเหรอคะ”
“…..เอ่อ ก็ประมาณนั้นแหละ”
ดาราภัสพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะปรับเบาะเอนตัวลงนอน และหลับไปอย่างง่ายดาย ทิ้งให้กันชนกนั่งมึนงงกับยัยน้องสาวตัวน้อย ที่เมื่อสักครู่ยังพูดคุยเจื้อยแจ้ว แต่อยู่ๆก็หลับเฉยเลย
ทางด้านนภพงศ์กับประทานพร ที่ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทำแค่มองออกไปยังท้องทะเล ปล่อยให้ใจล่องลอยไปกับบรรยากาศและเสียงคลื่น ที่พัดพาให้ใจของทั้งคู่สงบ ราวกับมันได้รับการพักผ่อน
เกือบชั่วโมงที่กันชนกกับดาราภัสออกไป ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ต่างคนต่างใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง จนกันชนกที่กลับมาถึง มองทั้งสองคนอย่างไม่เข้าใจ
“เมากันแล้วเหรอ” กันชนกวางของที่ซื้อมาบนโต๊ะ แล้วหันหน้าไปถามน้องสาวตัวเอง
“เปล่า เพลงคิดอะไรเพลินๆนิดหน่อย”
“ถ้าเมาก็ไปนอนไป”
“ก็บอกว่าไม่เมาไง”
กันชนกยักไหล่ ทรุดตัวนั่งลง ดาราภัสเดินมานั่งข้างประทานพร คว้าแก้วมาดื่มต่อ
“พลอย ฉันว่าแกเริ่มเมาละนะ”
“ไม่เมา แค่ไม่เหมือนเดิม” ดาราภัสมองหน้าประทานพรที่มองเธอแล้วยิ้มหวาน
ประทานพรหน้าเหวอกับคำตอบของเพื่อน แล้วมองหน้านภพงศ์กับกันชนก สีหน้าขอความคิดเห็น
“สาวๆไปนอนได้แล้วไป”
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวเพลงพายัยพลอยไปส่งเอง พวกพี่ดื่มกันไปเถอะ”
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวพากันล้มพอดี” กันชนกดึงแขนน้องสาวเอาไว้
นภพงศ์ลุกขึ้นอุ้มร่างดาราภัสเดินออกไป ปล่อยให้สองพี่น้องนั่งเถียงกันสองคน หลังจากเถียงพี่ชายสักพักประทานพรจึงลุกหนีขึ้นบ้านไป
“ไม่ต้องแอบไปหายัยเพลงเลยมึง มานี่…..” เสียงกันชนกดังขึ้น เมื่อเห็นฟ้าครามเดินลงมา
ร่างสูงของนภพงศ์ชะงักเล็กน้อย เมื่อกันชนกรู้ทันเขา จึงเดินมานั่งลงตรงข้ามเพื่อน และพากันดื่มต่อจนเครื่องดื่มที่ซื้อมาใหม่หมด ถึงได้แยกย้ายกันกลับห้อง
การไปเที่ยวพักผ่อนของทั้งสองครอบครัว เป็นไปอย่างเรียบง่าย เพราะไม่ได้พาแม่บ้านไปด้วย ทุกคนช่วยกันลงมือทำทุกอย่างเอง หลังจากพักผ่อนกันอย่างเต็มที่ก็พากันกลับเพราะยังมีงานต้องรับผิดชอบ ต้องดูแลต่อ นภพงศ์แวะส่งประทานพรที่คอนโด ก่อนจะตรงกลับคอนโดของตัวเอง
“ท่านประธานคะ วันนี้มีประชุม 10 โมงค่ะ”
“อืม”
วันนี้นภพงศ์เข้าบริษัทแต่เช้า แต่ก็ไม่ทันเลขาส่วนตัวของเขาอย่างคุณทับทิมที่มาก่อนเวลาเข้างาน
นภพงศ์ถอดสูทแขวนไว้ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลง วางโทรศัพท์บนโต๊ะ แล้วเก็บกุญแจรถลงในลิ้นชัก ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมตัวทำงาน
ก๊อก ก๊อก
“เชิญ”
“เอกสารที่ต้องเซ็นเช้านี้ค่ะ กาแฟไหมคะ”
“อืม ขอเข้มหน่อยวันนี้”
“รับทราบค่ะ”
ทับทิมเดินออกจากห้องไปทำหน้าที่ตามที่เจ้านายสั่ง ก่อนจะกลับเข้ามาด้วยกาแฟดำที่วันนี้เข้มข้นกว่าทุกวัน
“วันนี้ผมไม่รับแขกนะ”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากเลขาส่วนตัวรับคำและออกจากห้องไป ชายหนุ่มก็จิบกาแฟด้วยความรวดเร็วและเริ่มลงมือทำงานทั้งงานใหม่สำหรับวันนี้ และงานเก่าที่ค้างอยู่ ที่เลขาของเขาวางเอาไว้ให้ที่มุมโต๊ะทำงาน
เมื่อใกล้เวลาเข้าประชุม ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง หยิบเสื้อสูทมาใส่ และก้าวยาวๆตรงไปยังห้องประชุม ที่ทุกคนมารอพร้อมแล้ว
“เริ่มประชุม”
การประชุมในวันนี้กินเวลาไปกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งมันเกินเวลาพักเที่ยงไป 1 ชั่วโมง เขาจึงสั่งให้คนที่เข้าประชุมพักเป็นเวลา 1 ชั่วโมงตามเวลาที่เกินไป
“คุณทับทิม เดี๋ยวรบกวนสั่งอะไรง่ายๆให้ผมที แล้วคุณก็ไปพักได้เลย”
“รับทราบค่ะ”
นภพงศ์รีบจัดการมื้อเที่ยง ก่อนจะรีบจัดการเอกสารต่อ จนผ่านไปหลายชั่วโมง เลขาได้เข้ามาแจ้งตารางงานช่วงเย็นอีกครั้ง ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเก็บของให้เรียบร้อย เตรียมตัวออกไปพบลูกค้าตามนัด
“คุณทับทิมขับรถตามไปก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องกลับมาที่บริษัทอีกรอบ”
“รับทราบค่ะ”
วันนี้ชายหนุ่มมีนัดคุยเรื่องข้อตกลงกับลดา เธอนัดให้เขาไปพบที่ผับของโรงแรม แต่วันนี้เขาเข้าบริษัทหลัก จึงต้องขับรถไปที่นั่น แหละตั้งใจว่าจะอยู่ทำงานที่ผับต่อ
เคยมีนักข่าวสัมภาษนภพงศ์ว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ลูกน้องขับรถให้ เขาบอกเพียงแค่ชอบขับเองมากกว่า แต่ก็จะมีลูกน้องที่เป็นทีมอารักขาขับตามหลังอยู่เสมอ เวลาเขาเข้าบริษัท ลูกน้องก็จะทำหน้าที่เหมือนพนักงานทั่วไป แต่ก็เป็นลูกน้องคนสนิทให้กับเขาด้วย เพียงแต่จะไม่มีใครรู้ ว่าวันไหน ลูกน้องคนไหนจะมาอารักขาเขา เพราะแต่ละวัน คนในทีมจะสลับกันมา
ตัวเขาเองก็มีฝีมือด้านต่อสู้และยิงปืนไม่น้อย พวกเขา 4 คนถูกฝึกมาตั้งแต่เด็ก อังเดร ลุงของกันชนกกับประทานพรฝึกให้กับพวกเขาเอง เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรเกิดขึ้น จะได้เอาไว้ป้องกันตัว และที่สำคัญ รถของบ้านเขากับบ้านของกันชนก ทุกคันเป็นรถกันกระสุน
“คุณเข้าไปก่อน ผมขอเวลาแป๊บ”
“ค่ะ”
ทับทิมเดินนำหน้าไปภายในผับ มองหาร่างของคนที่นัดมาเจอในวันนี้ ก่อนจะเดินเข้าไปเมื่อพบเป้าหมาย
“สวัสดีค่ะ คุณลดา ดิฉันทับทิม เลขาส่วนตัวของคุณนภพงศ์ค่ะ”
“ค่ะ เชิญนั่งค่ะ แล้วคุณนภพงศ์ล่ะคะ”
“กำลังมาค่ะ”
“งั้นคุณสั่งเครื่องดื่มก่อนก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เวลาทำงาน ดิฉันไม่ดื่มค่ะ ท่านประธานก็เช่นกันค่ะ”
“…..”
ลดามองหญิงสาวที่ใส่สูท กระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไม่พอใจแวบหนึ่ง ก่อนจะปรับให้เป็นปกติ แล้วยิ้มบางๆออกมาโดยไม่ได้พูดอะไร