บทนำ
บทนำ
ที่นี่ที่ไหน?
หลิวซื่อเฟิงจำได้ว่าตนเองกำลังปฏิบัติหน้าที่สืบข่าวจากองค์กรคู่แข่ง
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายคือสืบว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังคิดค้นเทคโนโลยีในการผลิตอาวุธสงครามไปถึงไหนแล้ว ขณะกำลังลอบเข้าไปในห้องเก็บเอกสารสำคัญตามข้อมูลที่สายลับฝ่ายสื่อสารบอกรายละเอียดในหูฟัง ทว่าพอเปิดประตูห้องไปเท่านั้นแหละ....
ราวกับโลกรอบตัวดับวูบ
ไฟดับสนิท
หญิงสาวสติหลุดหายไปในความมืดมิดนั้น ฟื้นคืนสติรู้สึกตัวอีกทีก็เวลานี้เลย
เปลือกตาบางขยับเนื่องจากลูกตาเจ้าของร่างกลิ้งเคลื่อนไหวอันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของร่างกำลังตื่นจากอาการสลบไหลมิได้สติ
หากแต่นางมิสามารถยกเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งนี้ได้ราวกับมันมีหินก้อนมหึมาถ่วงรั้งดึงปิดเอาไว้
เช่นเดียวกับร่างกาย นางรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งร่าง ความรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้มิต้องตรวจสอบดูก็รู้ว่าร่างกายนางผ่านการโดนทำร้ายมาอย่างหนัก
หลิวซื่อเฟิงไม่มีแรงขยับตัว หญิงสาวจึงยังคงนอนอยู่นิ่งแม้ได้สติแล้วก็ตาม
เสียงบทสนทนาในบริบทมิคุ้นเคยดังขึ้นไม่ไกล ทำให้สตรีผู้ประกอบอาชีพสายลับมาหลายปีนี้เลือกที่จะแสร้งทำเป็นยังมิได้สติเช่นเดิมเพื่อความปลอดภัยของตน
“ข้าตรวจสอบร่างพวกนางโดยถี่ถ้วนเรียบร้อยแล้วขอรับ....พวกนางถูกคนของเราสังหารจนสิ้นลมหายใจทั้งคู่แล้วอย่างแน่นอน”
“ดียิ่ง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าต้องจัดการศพของพวกนางอย่างไร”
“ทราบขอรับ ท่านผู้นั้นบอกให้สร้างหลักฐานแสร้งว่ารถม้าของพวกนางโดนโจรภูเขาปล้นทรัพย์จากนั้นสังหารปิดปากทั้งหมดคันก่อนที่จะทำลายหลักฐานทั้งหมดโดยการจุดไฟเผาร่างจนสิ้นขอรับ ข้าน้อยจะให้ลูกน้องไปทำตามคำสั่งเดี๋ยวนี้”
“รีบทำรีบแยกย้าย ข้าจะเดินทางล่วงหน้าไปรายงานท่านผู้นั้นว่างานสำเร็จลุล่วงแล้ว”
“ขอรับหัวหน้า”
“..!!..”
มากกว่าความประหลาดใจจากภาษาที่ดูโบราณฟังเข้าใจยากเพราะไม่คุ้นคำศัพท์แล้ว คือประโยคที่บุรุษพวกนั้นสนทนากัน
จุดไฟเผาทำลายหลักฐาน!
หลิวซื่อเฟิงฝืนความเจ็บปวดลืมตาตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อรับรู้ว่าตนเองกำลังจะถูกเผาทั้งเป็น
สายลับสาวกำลังอยู่ในสถานที่คล้ายกล่องไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ทว่าพอสมองประมวลสิ่งที่เพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่นางจึงสรุปได้ว่าตนเองกำลังนอนอยู่ในห้องโดยสารรถม้ามิใช่กล่องไม้อย่างที่คิด
ยุคที่ใช้รถม้าโดยสารอย่างนั้นหรือ
ทั้งภาษา เสื้อผ้าที่นางและสตรีวัยกลางคนที่นอนข้างกันสวมใส่ สิ่งแวดล้อมโดยรอบนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าหลิวซื่อเฟิงมาอยู่ในสถานที่ยุคโบราณ ล้าหลังไปจากยุคสมัยก่อนที่หลิวซื่อเฟิงสลบ
ไม่มีเวลามากพอในการหาคำตอบกับข้อสงสัยที่มันผุดขึ้นมาในหัว
สตรีข้างกายนางไร้ลมหายใจแล้วอย่างที่พวกมันกล่าวถึง
ดังนั้นหลิวซื่อเฟิงที่ได้กลิ่นไหม้จากการเผารถม้านี้ของพวกมันข้างนอกกวาดสายตารอบตัว แอบเปิดม่านลอบดูพวกมันข้างนอกก่อนหาจังหวะฝืนความเจ็บปวดของตัวเองกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง กลิ้งตัวบนพื้นหญ้าเข้าไปหลบหลังหินก้อนใหญ่หนึ่ง
หลิวซื่อเฟิงรู้สึกไม่คุ้นร่างกายตนเอง คาดคะเนนางในการเคลื่อนไหวไม่ถนัดเลยสักนิด
ร่างกายนางแปลกไปอย่างไรยังมิสามารถหาคำตอบได้ในเวลานี้ หลังจากหลิวซื่อเฟิงหนีออกมาหลบเฝ้ามองพวกมันเผาทำลายหลักฐานเงียบๆ ไม่นานพวกมันก็จากไปพร้อมกับกองเพลิงมอดไหม้ที่กำลังลุกโหม
เวลาผ่านไปเพียงอึดใจเสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่สวมใส่เครื่องแบบเหมือนพวกทหารยุคโบราณก็กรูกันเข้ามา
“นั่น รถม้าของฮูหยินใหญ่ขอรับท่านแม่ทัพหลิว มะ มันกำลังโดนเผา ละ แล้วฮูหยินหลิวกับคุณหนูใหญ่เล่าหายไปที่ใดกัน”
“พวกเจ้าเข้าไปดับไฟและตรวจสอบเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
“ตรงนี้เหมือนมีคนซ่อนตัวอยู่ขอรับ”
หลิวซื่อเฟิงที่กำลังเฝ้ามองกลุ่มผู้มาใหม่เงียบเชียบจู่ๆ ก็โดนค้นพบโดยทหารที่มาจากข้างหลังนางโดยไม่รู้ตัว นางหันไปหมายออกตัววิ่งหนีทว่าดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เมื่อร่างของนางถูกยกขึ้นจนตัวลอยหวือตามตัวผู้ยกอย่างง่ายดาย
“ท่านแม่ทัพหลิวขอรับ คะ คุณหนู คุณหนูยังมีชีวิตอยู่ตรงนี้ขอรับ”
“..!!..”
นายทหารผู้ค้นพบนางพูดด้วยน้ำเสียงตื้นตันดีใจผิดกับนางที่โดนยกนั้นมีเสมือนมีเครื่องหมายคำถามตัวโตอยู่บนหน้า
ใครคือคุณหนู?
แล้วทำไมนางจึงถูกยกตัวชูขึ้นได้อย่างง่ายดายราวกับร่างกายเป็นเด็กน้อยเช่นนี้!
“ปล่อยนะ ปล่อย!”
“คุณหนูนี่ข้าน้อยอย่างไรเล่าขอรับ ข้าน้อยจะพาคุณหนูไปหาบิดาท่าน”
“ไม่ ปล่อยฉันนะ!”
ปล่อยนะ....
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!
ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรีอันมืดครึ้ม เวลานี้มีสายฝนสาดเทลงมาไม่ขาดสาย ละอองฝนเย็นยะเยือกช่างทำให้บรรยากาศวันนี้ดูอึกครึ้มมืดมนส่งเสริมให้ภายในตำหนักอันแสนเงียบเหงาแห่งนี้ยิ่งเงียบงันเข้าไปใหญ่หากมินับรวมเสียงสายฝนสาดเทบนพื้น
ในตำหนักอันกว้างใหญ่ภายในรั้ววังหลวง หลิวซื่อเฟิง สตรีผู้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนแม่ทัพอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทว่าหลังจากกำพร้ามารดานางก็ได้รับการเชิญเข้าวังมาเป็นนางกำนัลชั้นสูงคอยอยู่ดูแลพี่สาวของมารดาอย่างฮองเฮาตั้งแต่อายุหกหนาวจวบจนเวลานี้นางอายุย่างเข้าวัยสิบหกหนาวแล้ว เท้าสองคู่น้อยๆ นี้ยังมิเคยก้าวเท้าออกนอกรั้ววังหลวงเลยสักครั้ง
หลิวซื่อเฟิงนอนพลิกตัวซ้ายทีขวาทีทั้งๆ ที่หลับลึกอยู่ในนิทราอย่างกับคนกำลังเผชิญหน้ากับฝันร้าย
“ปล่อย บอกให้ปล่อย!”
เปรี้ยง!!!
เสียงอสุนีผ่าลั่นฟ้าปลุกให้เจ้าของร่างบางที่กำลังดำดิ่งอยู่ในฝันร้ายสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาจากนิทรา
“แฮ่กๆ”
“นี่ข้าฝันเรื่องในอดีตอีกแล้วหรือเนี่ย”
บนใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อทั้งๆ ที่อากาศรอบกายหนาวเย็นเพราะฝนตกหนัก
หลิวซื่อเฟิงฝันถึงเหตุการณ์การตายของตนเองในชาติก่อนแล้วเข้ามาเกิดใหม่ในร่างของเด็กวัยหกหนาวผู้หนึ่งที่วิญญาณออกจากร่างไปพร้อมกับมารดาของตนเรียบร้อยแล้วเหลือแต่กายหยาบเอาไว้ให้นางซึ่งเป็นสายลับในยุคสองพันปีล่วงหน้าใช้
หลิวซื่อเฟิงคือนามเดิมของนางและคือนามเดียวกันกับเจ้าของร่างนี้ด้วย...ช่างบังเอิญเสียจริง
หากแต่อดีตสายลับไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญไร้สาระอันใดนี่ เช่นเดียวกันกับความฝันฝังใจในวัยที่ฝันมาแทบทุกคืนราวกับกำลังมีใครบางคนเปิดม้วนหนังฉากเดิมซ้ำๆ ย้ำให้หลิวซื่อเฟิงทนไม่ไหวจนต้องออกล่าตามหาความจริง
“เจ้าอยากให้ข้าตามหาตัวคนร้ายรึ”
หญิงสาวบ่นพึมพำกับสิ่งที่มองไม่เห็นราวกับต้องการฝากคำถามลอยไปในอากาศ ลอยไม่ยังใครก็ตามที่ต้องการนางฝันเรื่องเดิมซ้ำกันเช่นนี้
“ขนาดบิดาเจ้ายังไม่เหลียวแลเลย ช่างน่าสงสารยิ่งนัก”
หลิวซื่อเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมา แม้กระทั่งกับวิญญาณอันมองมิเห็นนางก็มิเว้น
หญิงสาวยังจำได้ดีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนของนางในชีวิตใหม่นี้
หลังจากเหตุการณ์ในความฝันนั้นใช่ว่าหลิวซื่อเฟิงจะมิพยายามบอกความจริงว่าสิ่งที่นางและมารดาเจอมิใช่อุบัติเหตุที่จู่ๆ ขณะเดินทางกลับมาจากการไปไหว้พระบนเขาขบวนของพวกนางก็ถูกโจรป่าดักปล้นชิงทรัพย์แล้วฆ่าทิ้งตามหลักฐานที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเหล่านั้น
หากแต่ไม่มีใครเชื่อต่างหาก
โดยเฉพาะบุรุษที่เป็นถึงหนึ่งในทัพใหญ่แห่งแคว้นยังมิเชื่อคำกล่าวของบุตรีวัยหกหนาวผู้นี้เลยสักนิด
ไม่คิดสืบสาวเอาความต่อ ไม่คิดเอะใจเลยสักนิด
พวกเขาทำเพียงจัดงานศพให้ร่างไร้วิญญาณของมารดาผู้โชคร้ายอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ หลังจากนั้นข่าวการตายก็เงียบหายไปลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่ผันผ่าน
เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างนางและเขาผู้นั้นก็จืดจางลงเรื่อยๆ หลังจากหลิวซื่อเฟิงถูกพี่สาวของมารดาหรือฮองเฮาองค์ปัจจุบันรับตัวเข้ามาดูแลอยู่ในวังหลวง
“เอาเป็นว่าหากข้ามีโอกาสจะหาทางคืนความเป็นธรรมแก่เจ้าและมารดาก็แล้วกัน หลังจากนี้มิต้องมาเข้าฝันข้าอันใดอีกทั้งนั้นนะ ข้าอยากนอนหลับแบบสนิทสักที”
นางจะคิดว่าเป็นการทำบุญอุทิศให้กับวิญญาณอดีตเจ้าของร่างนี้ให้หมดห่วงไปสู่สุขติสักทีก็แล้วกัน
ผีที่ไหนไม่รู้หรอก แต่หากคิดจะมาก่อกวนกันล่ะก็ หลิวซื่อเฟิงคนนี้จะไล่ตะเพิดไปให้อายผีด้วยกันเองทีเดียว
________________________________________________________________________________________
มาเกริ่นเรื่องใหม่เท่านี้ก่อนนะคะ ฝากติดตามด้วยน้า