EP.10 น้องสาวของดารารัตน์

1147 คำ
EP.10 จากนั้นนางสร้อยก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับหมอผีเฒ่าฟัง เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วเฒ่าทองมีก็หลับตาลงเพื่อตรวจหาสาเหตุอันแท้จริงของอาการของไอ้ทิน กลิ่นควันธูปลอยอบอวลทั่วบริเวณสำนักทรง มันยิ่งเสริมสร้างความเข้มขลังมากยิ่งขึ้นไปอีก ทางด้านนางสร้อยก็ยิ่งแน่ใจว่าบุตรชายของนางจะต้องหายเป็นปกติอย่างแน่นอน สักพักร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นพิธีก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ในแววตานั้นมันแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก “ลูกของเอ็งไม่ได้ถูกของหรอก” “แล้วอะไรล่ะพ่อหมอ ที่ทำให้ไอ้ทินมันเป็นเช่นนั้น” นางสร้อยเร่งถามด้วยความกังขา “ในนิมิตของข้า ข้าเห็นเรือนไทยหลังใหญ่ เรือนไทยในสายหมอกที่มืดมิด เต็มไปด้วยบรรดาวิญญาณที่มีแต่ความอาฆาตพยาบาท” “วิญญาณหรือเจ้าคะ” นางสร้อยขนลุกขึ้นมาทันทีที่หมอผีเฒ่าพูดถึงวิญญาณ หรือไอ้ทินจะไปลบหลู่ผีที่ไหนเข้า “ใช่ มันเป็นวิญญาณที่แรงมาก แต่เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ข้าจะจัดการให้” “จริงหรือเจ้าคะ พ่อหมอ” นางสร้อยร้องขึ้นอย่างดีใจ คลายความกังวล “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ข้าจะจัดการให้ อีกไม่กี่วันจะถึงวันเพ็ญ เจ้าผีตนนั้นจักมาอยู่ใต้บาทาของข้า ลูกของเจ้าจะไม่เป็นอะไร มันจะต้องหาย แต่ไอ้ผีตัวนั้นมันจักต้องมาเป็นทาสแห่งข้า ฮะ ฮ่า” นางสร้อยออกจากบ้านของหมอผีทองมีด้วยใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าบุตรชายจะต้องไม่เป็นอะไร นางรีบตรงรี่มาที่โรงพยาบาลใกล้บ้านเพื่อมาดูอาการของบุตรชาย คิดว่าตอนนี้ไอ้ทินคงจะมีอาการดีขึ้นแล้ว แต่หล่อนก็พบกับความผิดหวังเมื่อไอ้ทินยังคงร้องแต่คำว่าผีๆ สติสะตังล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หมอจึงฉีดยาสลบเพื่อให้คนไข้ได้พักผ่อน ขณะที่ผู้ใหญ่อิ่นคำนั่งคอตกเฝ้าบุตรชายอยู่ในห้อง “พี่ ลูกมันเป็นอะไรกันแน่” หันมาถามสามี “ไม่รู้ หมอก็ยังบอกอะไรไม่ได้ว่ามันเป็นอะไร” ผู้ใหญ่ตอบเสียงเศร้า “เออ แล้วเอ็งไปไหนมาทำไมไม่มาดูลูก” “ฉัน เอ่อ ฉันไปหาหมอผีทองมีมาจ้ะ ก็ไอ้ทินมันเอาแต่ร้องแต่คำว่าผีๆ ฉันก็เลยคิดว่ามันถูกผีหลอกมานะสิ” “แล้วพ่อหมอท่านว่ายังไงล่ะ” “พ่อหมอบอกว่ามันคงไปลบหลู่เจ้าที่เจ้าทางที่เรือนไทยที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าท่านหมายถึงที่ไหน” ผู้ใหญ่อิ่นคำทำท่านึกพลันภาพของบ้านทรงไทยล้านนาหลังหนึ่งก็ผุดขึ้นมาพร้อมกับเสียงเล่าลือว่าเรือนหลังนี้มีผีเฮี้ยนสุดๆ “เรือนบุษยา ต้องใช่เรือนบุษยาแน่ๆ ชาวบ้านแถวนั้นว่าผีเฮี้ยนมันนัก” “เรือนบุษยาที่บ้านดงเจนนะหรือพี่” นางสร้อยอุทานขึ้นด้วยท่าทีที่ตกใจไม่แพ้กัน กิตติศัพท์ความเฮี้ยนของวิญญาณที่เรือนบุษยานั้นมีมากขนาดไหนนางก็พอจะรู้มาบ้าง “น่าจะใช่ เพราะแถวนี้ไม่มีบ้านทรงไทยแล้วนอกจากที่นั่น แล้วไอ้ทินมันจะไปทำไมที่นั่นล่ะนังสร้อย” “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ฉันว่าลูกมันคงจะมีเหตุผลอะไรสักอย่าง ขนาดรู้ว่าที่นั่นมีผีเฮี้ยนมันก็จะยังไปอีก” “ข้าว่าเอ็งลองไปถามหาเอาความกับไอ้ยุทธ์ดูซิ เห็นว่ามันสองคนติดกันแจ บางทีไอ้ยุทธ์อาจจะรู้ก็ได้ว่าทำไมลูกเราถึงไปที่นั่น” เมื่อได้รับแจ้งข่าวจากบิดาเรื่องน้องสาว ดารารัตน์จึงรีบเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางไปเยี่ยมในทันที พร้อมกันนั้นละครที่เธอได้แสดงก็เป็นจังหวัดเดียวกันกับบ้านเกิดของเธอ เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลาจึงคิดที่จะล่วงหน้าไปรอคณะใหญ่เสียที่นั่นเลย เป็นห่วงน้องสาวแกมหมั่นไส้ ที่บิดามอบความรักให้กับฉัตรนภามากกว่า แต่น้องก็คือน้อง สายเลือดเดียวกัน ทิ้งกันไม่ได้ เธอจึงต้องไปเยี่ยมสักครั้งเพื่อให้สมกับฐานะของพี่สาว เธอเหนือกว่าฉัตรนภาทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่แคร์ที่พ่อจะไม่รัก มีแต่แม่คนเดียวที่รักเอาใจใส่และห่วงใย แต่แม่ก็จากไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน “เก็บกระเป๋ามากมายยังงี้ คิดจะไปเป็นปีเลยหรือยะ” พิมพ์จันทร์ ดารานางแบบสาวเพื่อนของเธอเปิดประตูเข้ามาทักทายเช่นทุกครั้ง “เห็นว่าจะไปถ่ายละครที่บ้านเกิดเสียด้วยสิ” “ใช่ เธออยากไปมั้ยล่ะ” เจ้าของห้องถามเสียงเยาะ พิมพ์จันทร์ยิ้มสดใส ก้าวขาเดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ “ก็ดีสิ ช่วงนี้ฉันว่างอยู่พอดีเลย บางทีอาจจะมีงานเล็กๆ ให้ได้แสดงฝีมือบ้าง” “เชอะ เอาไว้เขาให้เล่นก่อนค่อยมาว่า” เบ้ปากอย่างนึกหมั่นไส้ ขณะพิมพ์จันทร์ตีสีหน้าซื่อ แต่แววตานั้นฉายแววเยาะหยัน “คนอย่างฉัน งานเล็กงานน้อยยันตัวร้ายตบนางเอกอย่างเธอ ฉันก็รับเล่นหมดแหละ” “จ้า แม่คนมากฝีมือ” ดารารัตน์ลุกขึ้นแล้วเดินส่ายสะโพกไปเก็บของอีกสองสามชิ้นตรงตู้ ก่อนจะเชิดหน้าถามดาราเพื่อนสาวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความดูหมิ่น “ว่าแต่เธอเหอะพิมพ์ จะไปพร้อมกันไหมล่ะ ถ้าไปก็รีบไปเก็บของซะ ชักช้าฉันจะไม่รอนะ” “ไม่ต้องห่วงฉันเรียบร้อยแล้ว” ดารารัตน์ทำหน้าเหลอหลา ส่วนพิมพ์จันทร์ก็พาโนมเนื้ออันสมสัดส่วนเดินไปที่ประตูแล้วจึงดึงกระเป๋าเดินทางเข้ามาในห้อง “ฉันบอกแล้วอย่างไรล่ะ ว่าฉันรวดเร็วและเตรียมพร้อมเสมอ” “แล้วเธอรู้เรื่องของฉันได้ยังไง” “จะไปยากอะไร หูตาฉันมีเยอะแยะจะตายไป แค่เธอก้าวขาจะไปไหนฉันก็รู้แล้ว” ดาราสาวเจ้าของห้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย หล่อนขี้คร้านจะต่อปากต่อคำกับคนเจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างแม่พิมพ์จันทร์คนนี้เสียแล้ว ส่วนใจก็คิดเอ็ดด่าไปต่างๆ นานา “น้องสาวเธอเป็นยังไงมั่ง ดาด้า” พิมพ์จันทร์เอ่ยถาม “ไม่รู้เหมือนกัน พ่อไม่ได้บอกอะไรไว้ คงเร่งให้ฉันไปเยี่ยมยัยฟ้าเร็วๆ ล่ะมั้ง” นั่งเก็บของอีกสองสามชิ้นดารารัตน์ก็ออกเดินทางในทันที ขับรถพาเพื่อนสาวมุ่งตรงขึ้นเหนือจุดมุ่งหมายคือบ้านเกิดของเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม