หนีจากจวน

779 คำ
ภายในจวนของหยางเซิง “ถึงแม้จะมิใช่ราชโองการ มิใช่เทียบหมั้น แต่ทว่า...ย่อมต้องเป็นไปตามนั้น” หยางเซิงนำความเรื่องที่ฮ่องเต้จ้าวเฟยเซียนทรงมีพระประสงค์เด็ดขาดที่จะบังคับหมั้นหมายธิดาของตนให้แก่พระโอรสของพระองค์ให้แก่ฮูหยินของเขาได้รับฟัง จิ่วฮุ่ยฮูหยินของหยางเซิงได้ฟังข่าวเรื่องการหมั้นหมายของบุตรสาวกับองค์ชายผู้หนึ่งจึงเริ่มออกความคิดเห็น “เช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้คงต้องปิดบังจิวซินเอาไว้ก่อนนะเจ้าคะ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องหมั้นหมายกันจริงๆ แล้ว เราค่อยว่ากัน” ที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะจิ่วฮุ่ยรู้จักนิสัยของบุตรสาวเป็นอย่างดี “เจ้าคิดว่านางจะพยศไม่ยินยอมใช่หรือไม่?” หยางเซิงเอ่ยปากถามภรรยาหนึ่งเดียวของตนอย่างเข้าอกเข้าใจไม่แพ้กัน “นิสัยของจิวซินท่านพี่เองย่อมรู้ดีมิใช่หรือเจ้าคะ?” จิ่วฮุ่ยเอ่ยคำพร้อมระบายรอยยิ้มอ่อนโอยน “ลูกของเราเคยสัญญาอย่างหนักแน่นว่าจะอยู่ดูแลพวกเราไปจนแก่จนเฒ่าโดยไม่คิดออกเรือน” ทั้งสองไม่นิยมสามภรรยาสี่อนุทั้งยังมีธิดาคนนี้เพียงหนึ่งเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเกิดสัญญาผิดแผกอย่างนี้ขึ้นได้ หยางเซิงจึงเดินเข้ามาตระกองกอดฮูหยินของเขาพลางเอ่ย “เช่นนั้น พวกเราคงต้องดูแลกันและกันเพียงสองคนเสียแล้ว” หือ...นั่นหมายความว่า ท่านพ่อกับท่านแม่จะยินยอมเรื่องการหมั้นหมายในครั้งนี้แน่นอนใช่หรือไม่? นั่นคือความคิดของใครบางคนที่ยืนแอบฟังบิดามารดาของตนสนทนากัน จิวซินที่บังเอิญเดินมาหน้าห้องของบิดามารดาแล้วได้ยินเรื่องการหมั้นหมายของตนกับใครก็ไม่รู้ที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอันใกล้นี้ จึงได้แต่คิ้วกระตุกและไม่คิดจะยินยอม นางใช้ชีวิตอิสระของตัวเองยังไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย จะต้องให้ไปเป็นสมบัติของผู้ใดกัน ไม่มีวัน! การกระทำเร็วเท่าความคิดเสมอ จิวซินไม่เสียเวลารอให้รัตติกาลได้เปลี่ยนผ่านเป็นทิวากาลแต่อย่างใด เด็กสาวรีบเดินไปทางโรงซักผ้าทางด้านหลังของจวนแล้วแอบหยิบเอาชุดของผู้เป็นบิดามาสองชุด ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินกลับเข้ามายังเรือนพักส่วนตัวแล้วนั่งเขียนจดหมายข้อความกระชับ ‘ท่านพ่อ ท่านแม่ โปรดอภัย ลูกหาใช่อกตัญญูต่อพวกท่านไม่ เพียงแต่ลูกขอหลบไปทำใจ หาได้ไปนาน รับรองว่าจะกลับมาหมั้นหมาย มิทำให้พวกท่านต้องเดือดร้อน สุดท้าย ลูกเพียงหวังว่า พวกท่านจะไม่ออกตามหาให้วุ่นวาย...’ เมื่ออ่านจดหมายในมือจบหยางเซิงกับจิ่วฮุ่ยจึงได้แต่ส่ายหัว พลางเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียง “คิดเอาไว้ไม่มีผิด!” “ข้าถึงบอกว่าอย่าให้นางรู้” จิ่วฮุ่ยเอ่ยขึ้นกับสามีด้วยสีหน้ากังวล หยางเซิงส่ายหัวอีกคราพร้อมถอนหายใจ “แต่นางก็รู้เข้าจนได้” “เสื้อผ้าบางส่วนของท่านพี่หายไปใช่หรือไม่?” จิ่วฮุ่ยถามขึ้น “อืม” ความเงียบครอบงำความรู้สึกหลากหลายไหลวนรอบกายบุคคลทั้งสองครู่หนึ่ง “เป็นข้าไม่ดีเอง ข้าเป็นพ่อแท้ๆ แต่กลับไม่มีเวลาให้นาง” หยางเซิงที่เป็นองครักษ์ให้ฮ่องเต้มาเกือบทั้งชีวิตเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยจะมีเวลาถ่ายทอดวิทยายุทธให้บุตรสาวมากมายเท่าใด หากจิวซินมีฝีมือต่อสู้ติดตัว การหนีไปย่อมไม่น่าห่วงแม้แต่น้อย ความคิดของหยางเซิงคือมิค่อยยินยอมเรื่องการแต่งงานเช่นกัน การที่จิวซินหนีไปเขาจึงเป็นห่วงเรื่องฝีมือการหนีของบุตรสาวมากกว่า “เพราะมัวแต่คอยตามอารักขาฮ่องเต้อยู่เป็นนิตย์ ทั้งๆ ที่รู้จักนิสัยใจคอของบุตรสาวของตนเป็นอย่างดีแท้ๆ เฮ้อ...” “ถ้าเช่นนั้น ข้าเองก็ผิดเช่นเดียวกัน ที่ตามใจนางจนเกินไป นางจึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจอย่างนี้” จิ่วฮุ่ยเอ่ยปากรับผิดขึ้นมาบ้าง หยางเซิงเลิกคิ้วคมขึ้นเล็กน้อยก่อนถาม “จิ่วซินเอาแต่ใจหรือ” เพราะบุตรสาวสุดรักเพียงแค่มีนิสัยกล้าได้กล้าเสียตรงไปตรงมา มิได้เอาแต่ใจอย่างไร้เหตุผลแต่อย่างใด จิ่วฮุ่ยถอนหายใจก่อนเอ่ยคำ “อย่างน้อยก็ครั้งนี้อย่างไรเล่า!” “...!?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม