ร่างเล็กถูกผลักไสให้เข้าไปนั่งภายในรถสปอร์ตคันงามด้วยความทุลักทุเล จนใบหน้าหวานเกิดทิ่มชนเข้าหาผนังเบาะรถ หากสิริสรกัดฟันทนเจ็บแล้วพยายามดิ้นสู้สุดฤทธิ์ ไม่คิดยอมจำนนปล่อยให้ชายหนุ่มจอมวายร้ายทำกับเธอได้ตามอำเภอใจ พอเห็นเขาขยับตัวออกห่าง หญิงสาวจึงรีบขยับลุกขึ้นนั่งในท่าถนัด พร้อมคว้าบานประตูรถหมายกระชากเปิดออกแล้วเตรียมวิ่งหนีเข้าบ้าน แต่มันน่าเจ็บใจเหลือเกินกับวิวัฒนาการล้ำสมัย เมื่อบานประตูรถมันกลับถูกควบคุมจากรีโมทคอนโทรล ไม่ยอมเปิดดั่งใจต้องการ
สิริสรพยายามออกแรงดึงประตูอีกครั้งอย่างสุดกำลังหากทว่ามันกลับดูไร้ผล จวบจนกระทั่งร่างสูงราวความหมายของชื่อมุดเข้ามานั่งประจำที่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เขาเดาะลิ้นตอนเห็นเธอออกแรงดึงบานประตูรถจนหน้าเขียวหน้าคว่ำ แสดงสีหน้าเบิกบานใจจนน่าหมั่นไส้ชะมัด
“คุณ! เปิดประตูรถเดี๋ยวนี้...”
เมื่อมันเปิดไม่ออกสิริสรเลยทั้งทุบทั้งตี ฟาดงวงฟาดงาออกฤทธิ์เดชอาละวาดตามนิสัยดุจเดิมเต็มที่ วงหน้าสวยแดงก่ำด้วยความโมโหจัด พอทำร้ายคนไม่ได้หญิงสาวเลยหันไปทำลายข้าวของของเขาแทน ถือเป็นการระบายอารมณ์เดือดดาล คนบ้า อยากฉุดกระชากลากถูใครตอนไหนก็ได้หรือไง
“เอ๊ะ!ฉันบอกให้คุณเปิดประตูรถไง ถ้าไม่เปิดฉันจะทุบให้มันพังไปเลย”
คนถูกขู่หัวเราะร่วน
“ทุบจนมือหักมันก็ไม่เปิดให้คุณหรอกน่า หยุดทุบเถอะน่า ขืนทุบต่อไปก็มีแต่จะทำให้เจ็บมือสวยๆคุณเปล่าๆ”
“นั้นคุณก็เปิดประตูให้ฉันลงสิ ฉันบอกแล้วไง ฉันจะไม่ยอมไปไหนกับคุณทั้งนั้น”
“ผมไม่ได้คิดจะพาคุณไปฆ่าแกงเสียหน่อย จะพยศไปทำไมนักหนา กะอีแค่นั่งรถผมนี่ทำท่าจะเป็นจะตาย ตอนผมเห็นคุณนั่งรถไอ้หมอนั่น หน้านี้บานเชียว แล้วก็ไม่เห็นคุณทำท่าพยศแบบนี้ด้วย...”
อสุเรศยังอดพูดจาประชดประชันไม่ได้ ดวงตาคมกริบฉายแววเข้มดุ ก็คนมันขี้หวงไม่อยากเห็นเมียตัวเองนั่งรถผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้ชายที่มีราศีไม่ด้อยกว่าตัวเขาสักนิดอย่างหมอนั่น
“ฉันจะกลับเข้าบ้าน และจะไม่ยอมไปไหนกับคุณทั้งนั้น เพราะว่าคุณมันบ้า อยู่ดีๆจะมาฉุดผู้หญิงเขาขึ้นรถทั้งที่เขาไม่เต็มใจอยากจะไปไหนกับคุณด้วยสักนิด คุณถือดีอะไรหะถึงกล้าทำแบบนี้”
สิริสรหันขวับมาถลึงตาดุใส่คนอุกอาจ ต่อว่าเขาหน้าดำหน้าแดง เพราะนี่มันหน้าบ้านของเธอแท้ๆเขายังกล้าถือดีฉุดคร่าเธอบังคับให้ขึ้นรถโดยไม่กลัวอิทธิพลของบิดาเธอเลย ไม่กลัวแม้กระทั่งแต่คนเดินผ่านไปมาจะเห็นเข้า ถ้าไม่เรียกว่าบ้า เขาก็ต้องสติไม่ดีนั่นแหละ คนดีที่ไหนเขากล้าทำกันแบบนี้กันล่ะ
“ฉันขอสั่งให้คุณเปิดประตูให้ฉันลงเดี๋ยวนี้...” สิริสรเน้นประโยคคำสั่ง แสดงสีหน้าจริงจัง
แต่คนขี้หวงแถมขี้หึงเอาแต่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มยียวน เป็นผลทำให้ร่างน้อยหอบหายใจถี่ขึ้นด้วยความโกรธจนถึงขีดสุด ส่งผลให้อกสวยซึ่งดันเนื้อผ้าออกมากระเพื่อมไหวตามแรงจังหวะหายใจเข้าออก อสุเรศยิ้มตาพราวมองภาพตรงหน้าอย่างรู้สึกชอบใจ
เพราะมันทำให้เขาอยากดูดนมสดจากเต้าขึ้นมากะทันหัน รสชาติยังหวานหอมเหมือนเก่าไหมหนอ หรือว่าจะหวานยิ่งกว่าเดิมเสียก็ไม่รู้
“ใจเย็นๆก่อนสิคุณ ผมแค่จะพาคุณออกไปหาอะไรอร่อยทาน ไม่คิดจะทำอะไรไม่ดีเสียหน่อย ในสายตาคุณผมมันคงเป็นผู้ชายที่เลวมากสินะ...”
คนถูกถามอยากพยักหน้าตอบว่าใช่ สำหรับสายตาของเธอคงไม่เห็นว่าเขาจัดอยู่ในประเภทผู้ชายที่ดีและน่าคบหาแน่ แต่ทว่าเมื่อใช้สติคิดไตร่ตรองดูดีแล้วทำให้สิริสรจำต้องเก็บคำตอบนั้นไว้เพียงในใจ แล้วพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“แต่ฉันทานมาจนอิ่มแล้ว และก็อยากนอนพักผ่อนมากกว่า...”
“ทานแล้วก็ทานอีกได้ ผมแค่อยากหาเพื่อนแก้เหงา ไม่อยากนั่งทานคนเดียว นะ...ไปทานข้าวกับผมก่อน ไม่เกินพรุ่งนี้เช้า รับรองผมพาคุณมาส่งถึงหน้าบ้านแน่ ไม่เอาผู้หญิงสวยๆอย่างคุณไปปล่อยไว้ตามโรงแรมม่านรูด ให้คุณต้องอับอายขายขี้หน้า...”
อสุเรศยิ้มยั่วจงใจพูดในทำนองอย่างว่าให้หญิงสาวเข้าใจผิด พลางส่งสายตาสำรวจเรือนกายอวบอิ่ม สื่อให้สิริสรเห็นถึงความต้องการในคำพูดแฝงเร้นของตัวเอง พานทำเอาเจ้าของร่างอิ่มขยับร่างเล็กชิดขอบประตู ตวัดสายตาไม่ไว้ใจมองชายหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวง
สองมือรีบยกขึ้นปิดป้องร่างกายให้พ้นจากสายตาหื่นกระหายของชายหนุ่มตรงหน้า
“ไหนเมื่อกี้คุณบอกไม่คิดจะทำอะไรฉันไง คนหลอกลวง สับปลับ ปริ้นปร้อน...”
สิริสรพ่นคำด่าออกมามากมาย ถ้าไม่ติดตรงเขาเป็นลูกค้ารายสำคัญของไร่พวงตะวัน เธอจะตบหน้าเขาให้จริงๆเสียที
“เพราะผมรู้ว่าคุณถนัดเรื่องอย่างนี้ออกจะตาย ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้แค่นั้น บางทีคุณอาจนึกสนุก อยากทำอย่างอื่นขึ้นมาก็ได้ไง...”
“ไม่มีทาง!...”
สิริสรตวาดใส่หน้าอสุเรศพร้อมกำหมัดแน่น ดวงตาพราวด้วยหยาดน้ำใสมันไหลออกมาตอนไหนเธอเองก็ไม่ทันรู้ตัว นึกรังเกียจความคิดของเขาจนอยากตบหน้าให้สักฉาด ถึงอดีตเธอไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะหลับนอนกับใครหน้าไหนก็ได้เสียเมื่อไหร่...
“ความคิดคุณมันเลว!” คนถูกหยามเกียรติสะอื้นเสียงสั่น จ้องใบหน้าสะอาดสะอ้านด้วยสายตากังขา
“ฉันอยากจะรู้นัก ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจนักหนา ถึงได้มาพูดจาทำร้ายศักดิ์ศรีกันแบบนี้ ทั้งที่เราสองคนเพิ่งจะเคยรู้จักกันได้ไม่กี่วันนี้เองแท้ๆ คุณหลงลืมอะไรไปหรือเปล่า คุณอสุเรศ เราไม่ได้เป็นอะไรกันมาก่อน ไม่เคยเป็นและไม่คิดจะเป็น...”
ในเมื่อเขาปฏิเสธไม่ใช่นายสมหมาย เท่ากับว่าทั้งเธอและเขาเพิ่งเคยรู้จักและเห็นหน้ากันเพราะเรื่องของงานโดยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัว เหตุใดเขาต้องมาวุ่นวายล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของเธอจนน่าแปลกใจ
สิริสรเชิดใบหน้าถามเขาทั้งน้ำตา นัยน์ตาหวานชอกช้ำแดงก่ำจ้องมองซีกหน้าหล่อเหลาที่เหมือนชายหนุ่มคนที่ทิ้งเธอไปอย่างไร้ไมตรี เธอไปทำอะไรเขาเจ็บช้ำหนักหนา
อสุเรศใจหายวาบทันทีที่เห็นละอองน้ำตาของสาวเจ้าไหลริน เขาเพียงแค่รู้สึกหึงปนโมโหเล็กน้อย เลยพลั้งปากสาดคำพูดร้ายๆทำลายจิตใจของหญิงสาวเข้าเท่านั้น เขาไม่ได้ต้องการให้ยอดดวงใจร้องไห้สักนิด
ถึงแม้กระนั้นชายหนุ่มกลับไม่ยอมทำในสิ่งที่สิริสรเรียกร้อง เขาไหวไหล่ตีสีหน้าไม่ยีระ ก่อนขับรถออกจากบริเวณนั้น ส่วนจุดหมายปลายทาง มันเป็นสถานที่แรกที่เขาอยากให้สิริสรเห็น และมีส่วนร่วมกับมันเพื่ออนาคตในวันข้างหน้า...
**********************