“กัปตันคงเชิญไม่เยอะเท่าไรหรอก ส่วนมากจะเชิญเพื่อนที่สนิทจริงๆ เท่านั้น ซึ่งคงมีแค่ไม่กี่ราย”
นันท์นลินเอ่ยตอบโดยไม่ได้ละมือจากงานที่ทำอยู่ ของชำร่วยที่จะแจกในงานแต่งงาน ซึ่งจะจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า หญิงสาวได้ทำขึ้นเองทั้งหมด เป็นการทำด้วยใจรักและตั้งใจมอบให้กับแขกเหรือที่มาร่วมงาน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีแขกคนสำคัญๆ ของผู้เป็นสามีแค่ไม่กี่สิบราย ส่วนแขกเหรื่อที่เหลือ ก็เป็นลูกเรือเดอะ รอยัล อาดามัส ซะส่วนใหญ่ ซึ่งงานเลี้ยงแต่งงานก็จะจัดแบบครอบครัวเป็นกันเอง ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนั้น ทว่าเน้นในเรื่องความรักเสริมกลิ่นอายแห่งความอบอุ่นให้กับคนในครอบครัวเสียมากกว่า
“ขวัญข้าวอยากให้ถึงวันแต่งงานของพี่นลินกับกัปตันเร็วๆ ขวัญข้าวอยากเห็นตอนที่กัปตันจูงมือพี่นลินลอดซุ้มประตูวิวาห์ บอกตามตรงเลยนะคะ แค่คิดถึงตอนนั้นขวัญข้าวก็อิจฉาพี่นลินจนตาร้อนผ่าวเลยล่ะค่ะ”
ขวัญข้าวทำตาเคลิ้ม เมื่อได้พูดถึงกัปตันบารอน ที่เธอเคารพรักยิ่งนัก และแค่เพียงคิดถึงวันเวลาแห่งความสุขของนันท์นลิน หญิงสาวที่เธอให้ความเคารพนับถือไม่ต่างจากพี่สาว ก็อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะรู้ว่ากว่าที่กัปตันบารอนจะได้อยู่กับแก้วตาดวงใจทั้งสองดวงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก็ต้องสูญเสียเวลาแห่งความสุขไปถึงสองปีเต็ม ส่วนนันท์นลินเองกว่าจะแย้มยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข ก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามมากมาย จนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด
นันท์นลินคลี่ยิ้มบางๆ ขณะได้ยินคำพูดและเห็นอาการของสาวน้อยขวัญข้าว จากนั้นก็เอ่ยสัพยอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ถ้าขวัญข้าวอิจฉาพี่ ก็ต้องเปิดประตูแง้มออกกว้างๆ ให้หนุ่มๆ ได้เข้ามาจีบขวัญข้าวบ้าง แล้วขวัญข้าวจะได้เจอคนที่รักขวัญข้าวจริง พร้อมที่จะคุกเข่าขอขวัญข้าวแต่งงานในที่สุด”
“ย๊ากกก!!! ค่ะพี่นลิน”
ขวัญข้าวลากเสียงตอบซะยาวเฟื้อย ก่อนจะเอ่ยเท้าความถึงบรรดาคุณอาสุดหล่อแต่ละราย ที่ต่างก็ช่วยกันเข็นเธอลงจากคานทองนิเวศน์ แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จแม้แต่รายเดียว
“อามาร์คกับอาจอห์นนี่ก็เคยพูดทำนองเดียวกันกับพี่นลินนี่แหละค่ะ แถมยังส่งหนุ่มๆ ที่เป็นเพื่อนๆ ของคุณอามาทำความรู้จัก หวังจะให้หนุ่มๆ พวกนั้นสานสัมพันธ์กับขวัญข้าวด้วย”
“แล้วขวัญข้าวได้สานสัมพันธ์อันสวยหรูกับหนุ่มๆ ที่อามาร์คกับอาจอห์นนี่ ได้พามาแนะนำไหม”
คราวนี้เป็นลุกซ์ พาเรลส์ ผู้เป็นต้นหนเรือของกัปตันบารอน และมีศักดิ์เป็นคุณลุงของสาวน้อยขวัญข้าว ที่เป็นผู้ได้เอ่ยถามหลานสาว ทั้งๆ ที่ตัวเขานั้นได้รับคำตอบในเรื่องนี้จากมาร์คและจอห์นนี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กระนั้นก็อยากได้ยินคำตอบจากปากของหลานสาวอีกที ว่าอีกฝ่ายจะตอบว่าอย่างไรบ้าง
ขวัญข้าวยักไหล่ทำปากเบ้ราวกับไม่ใส่ใจบรรดาหนุ่มๆ ทั้งหลาย ที่ได้ลอยกระเซ็นเข้ามาในชีวิตของเธอ จากนั้นก็ได้เอ่ยตอบผู้เป็นลุง และนันท์นลินด้วยน้ำเสียงปกติราบเรียบ
“ขวัญข้าวก็พยายามจะสานสัมพันธ์ต่อเหมือนกันนะคะลุงลุกซ์ ขวัญข้าวก็เลยชวนพวกเขาคุยเรื่องเรื่อยเปื่อย เพื่อลองดูว่าพวกเขาจะเข้ากับขวัญข้าวได้หรือเปล่า”
“เรื่องเรื่อยเปื่อยที่ว่านะเรื่องไรหรือขวัญข้าว”
น้ำเสียงห้าวทุ้มที่เจือไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งได้เอ่ยถามแทรกสวนขัดจังหวะขึ้นมา เป็นน้ำเสียงของกัปตันบารอน ที่ได้เดินมาทรุดกายลงนั่งบนโซฟาใกล้ๆ กับวงสนทนาของผู้ที่เป็นลูกน้องของตนเอง กัปตันหนุ่มลดริมฝีปากลงไปกดจุมพิตวาบหวามบนเรียวปากอิ่มของนันท์นลินผู้เป็นภรรยาที่รัก พอผละออกแล้วก็ได้ย้ำถามกับสาวน้อยนัยน์ตาดุอย่างขวัญข้าวที่ตนเองนั้นรักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลาน
“ว่าไง? ขวัญข้าว เมื่อไรจะตอบล่ะ พวกเราทุกคนกำลังรอฟังคำตอบของขวัญข้าวอยู่นะ”
ขวัญข้าวทำหน้ามุ่ย ตีสีหน้าเซ็งๆ เมื่อมีผู้ร่วมวงสนทนา ที่เตรียมจะสัพยอกเอ่ยแซวเธอเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว และเมื่อไม่อาจเลี่ยงคำตอบได้ เพราะสายตาทุกคู่กำลังจับจ้องมองเธอเขม็ง จึงจำต้องหลุดปากเอ่ยตอบในที่สุด
“ขวัญข้าวก็ชวนหนุ่มๆ พวกนั้นคุยเรื่องทั่วๆ ไปตามปกติที่หนุ่มๆ สาวๆ ควรจะพูดกัน”
“อย่างเช่น?...”
ลุกซ์เลิกคิ้วขึ้นสูงขณะเอ่ยถามนำ พร้อมกันนั้นก็หันไปยักคิ้ว คลี่ยิ้มอย่างรู้กันกับกัปตันหนุ่ม
“ก็อย่างเช่น...”
ขวัญข้าวลากเสียงยาว ก่อนจะเอ่ยออกมาให้ผู้เป็นลุง กัปตันบารอน รวมทั้งนันท์นลินได้หัวเราะร่วนจนน้ำตาเล็ด
“ขวัญข้าวก็ชวนหนุ่มๆ พวกนั้นคุยเรื่องปืน ทั้งปืนสั้นเอ๋ย ปืนยาวเอ๋ย หรือปืนกลมือ ปืนไรเฟิล และอีกสารพัดปืน ที่ขวัญข้าวชอบ สุดท้ายขวัญข้าวก็เอาปืนพกที่มีมานั่งเช็คทำความสะอาดไปด้วย คุยไปด้วย แต่ไม่ทันได้เช็คทำความสะอาดครบทุกกระบอก บรรดาหนุ่มๆ ที่อามาร์ค อาจอห์นนี่ ต่างก็คุยนักคุยหนาว่าดียังงั้น ดียังงี้ ก็พากันโกยแนบออกจากบ้านแทบไม่ทัน”
ขวัญข้าวแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น และไม่ได้ยินว่าบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสามคน ได้พากันหัวเราะร่วนดังลั่นห้องนั่งเล่น จากนั้นก็ทำเป็นถอนหายใจยาว ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ
“เฮ้อ...แล้วแบบนี้ลุงลุกซ์ พี่นลิน และกัปตันคิดว่าขวัญข้าวจะมีโอกาสได้แต่งงานกับเขาหรือคะ สงสัยได้จองคานทองนิเวศน์ไปจนแก่ตายแน่เลย”
ผู้เป็นลุงได้กลอกตาขึ้นบนอย่างอ่อนอกอ่อนใจ อีกทั้งนึกสงสัยว่าหลานสาวนั้นเอานิสัยห้าวดุ บ้าบิ่น แถมยังชอบอาวุธปืนเข้ากระดูกดำมาจากใคร เพราะจะว่าไปแล้วน้องสาวและน้องเขยของเขา ผู้ที่เป็นพ่อแม่ของขวัญข้าว ไม่ได้มีนิสัยเช่นนี้เลย
“ขวัญข้าว ลุงคิดว่าขวัญข้าวควรเพลาๆ เรื่องปืนไว้หน่อยนะ ที่มีอยู่ก็สองกระบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ แล้วเวลาที่มีหนุ่มๆ มาแจกขนมจีบ ก็ไม่ต้องแจกลูกปืนตอบแทนพวกเขาก็ได้ ไม่งั้นลุงเกรงว่าขวัญข้าวจะได้ห้อยโตงเตงอยู่บนคานทองเหมือนที่ขวัญข้าวได้ออกพูดมา”
ต้นหนเรือวัยเฒ่าได้เอ่ยสอนหลานสาว ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าเมื่อไรขวัญข้าวจะโยนนิสัยแก่นแก้วทิ้งลงทะเลไป และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขวัญข้าวได้ไล่บรรดาหนุ่มๆ ด้วยวิธีนี้
ผู้เป็นหลานสาวที่มีนิสัยกระโดกกระเดก หาได้เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้เป็นลุงไม่ หญิงสาวยักไหล่ราวกับไม่ยีระ ก่อนจะลอยหน้าลอยตาตอบออกมา
“เรื่องอะไรขวัญข้าวจะเพลาๆ ล่ะคะ ก็ขวัญข้าวชอบของขวัญข้าวแบบนี้ ถ้าใครจะมาสู่ขอขวัญข้าวไปแต่งงาน ไปเป็นศรีภรรยา เขาก็ต้องใจกล้าหน่อย และที่ลุงลุกซ์พูดว่าขวัญข้าวมีปืนสองกระบอกนะผิดไปแล้วค่ะ เพราะว่าขวัญข้าวกำลังจะได้ปืนพกเพิ่มมาอีกสองกระบอก”
“ฮ้า! ขวัญข้าว! เอาเงินมาจากไหนไปซื้อปืนทีละสองกระบอก”
ลุกซ์เบิกตาโตถามเสียงหลง คำนวณราคาปืนอยู่ในหัวสมองแล้วก็ได้แต่เบิกตาโตเท่าไข่ห่าน เพราะรู้ว่าหลานสาวนั้นชอบปืนพกแบบเก็บเสียงเสียด้วย ซึ่งราคาปืนพวกนี้ค่อนข้างแพงเอาการ แล้วหลานสาวตัวแสบบอกว่าจะซื้อปืนมาไว้ในครอบครองอีกสองกระบอก คำนวณราคาแล้วก็ปาไปหลายแสนเลยทีเดียว
ขวัญข้าวคลี่ยิ้มแป้น หันไปมองกัปตันบารอนที่ได้แย้มยิ้มบางๆ ให้กับเธออย่างรู้กัน จากนั้นก็ได้หันไปเอ่ยบอกให้ผู้เป็นลุง ได้รับรู้ว่าเธอจะได้ปืนอีกสองกระบอกมาจากใคร