เขาเป็นใครที่ทำแบบนี้กับหล่อน ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับหล่อนมาก่อน แม้แต่พ่อแม่ก็รักทะนุถนอมหล่อนยิ่งกว่าอะไร
นายคนนี้ ต้องได้รับการแก้แค้นให้เผ็ดแสบ หล่อนคิดในใจ
วิธีมีอีกมากมาย สารพัดที่หล่อนจะใช้ เหมือนอยู่บ้านนอก เด็กสาวแสนกล้าจอมแก่นแก้วคิดในใจ
ไม่มีทางที่หล่อนจะบอกเขา ว่าหล่อนคิดอะไร
คนโง่ เท่านั้นแหละที่จะบอก หล่อนจะต้องแก้เผ็ดนายจ้างคนนี้ให้ได้
ถือว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหน อวดดีหยิ่งทระนงปานนั้น มองไม่เห็นหัวคนอื่น คอยดูเถอะ หล่อนจะต้องเอาคืนให้สาสม จะมาคิดดูถูกเด็กสาวบ้านนอกอย่าง อิฐศอรน่ะ ไม่มีทางหรอก
เกลียดคำดูถูก หล่อนไม่ใช่วัวใช่ควายนี่นาจะปล่อยให้เขาสับโขก แม้แต่วัวควายที่บ้านนอกพ่อแม่หล่อนรวมทั้งหล่อนทนุถนอมมันจะตาย แค่จะตียังไม่เคย ยอมรับว่าแรงฮึดในใจของหล่อนเกิดขึ้นมาทันที
เมื่อหล่อนจะเข้ามาเป็นคนใช้ หรือพี่เลี้ยง หล่อนจะทำเฉพาะหน้าที่ของตนเองเท่านั้น
เขายังคงจ้องใบหน้าหวานของพี่เลี้ยงหลานชายอยู่นั่นเอง
“เข้าใจหรือเปล่า ที่ฉันพูด ไม่งั้นจะทวนขึ้นมาใหม่ ”
หญิงสาวตอบเขาเหมือนอย่างเสียมิได้ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น
เขาไม่ใช่คนจ่ายเงินเดือนให้แก่หล่อนสักหน่อย ทำวางอำนาจบาตรใหญ่ หญิงสาวแอบทำปากขมุบขมิบเข่นเขี้ยวในใจ
เมื่อไหร่เขาจะรีบออกไป เพราะหล่อนเป็นคนใช้แล้วก็พี่เลี้ยงเด็ก อยู่ตามลำพัง มีเขาซึ่งเป็นเพื่อนต่างเพศอยู่ด้วย ไม่ดีแน่
หล่อนอึดอัดใจเป็นที่สุด ที่ต้องมาอยู่กับเขาสองต่อสองอย่างนี้ อยากจะไล่เขาไปให้พ้นด้วยซ้ำ ไม่รู้จักกาลเทศะ
“เธอคงจะอึดอัดใจแย่ ไม่เป็นไร ไอ้ฉันใช่ว่าจะอยากอยู่กับเธอสองต่อสอง ยิ่งพวกคนใช้ด้วย เกรดมันต่ำ อย่านึกนะว่าฉันจะยอมลดตัวลงไป สังคมของเธอกับของฉัน มันแตกต่างกันอยู่มาก ไว้รอ แต๋วมาเมื่อไหร่ ฉันจะออกไปแน่ ฉันจะให้แต๋วมาสอนงานเธอ มีอะไรก็ถามแต๋วก่อน เพราะทำงานมาก่อน”
วาจาของเขาเป็นไปด้วยความสบประมาทดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า
“นายนี่ ถ้าจะหลงตัวเองเป็นบ้า”
คิดในใจไม่ได้เอ่ยออกมา เห็นท่าทางขี้เต๊ะ หยิ่งยโสของเขาแล้ว อิฐศอรอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ว่าแต่เธอ ชื่ออะไรนะ ฉันจำชื่อเล่นเธอไม่ได้”
“ชื่อ นิดค่ะ”
หล่อนพยายามตอบสั้นๆ เลี่ยงการคุยกับเขา ตอนนี้ที่นึกอยู่ก็คือ ยิ่งอยากจะภาวนาให้เด็กแต๋วพี่เลี้ยงเด็กรุ่นพี่คนนั้นมาสอนงานหล่อนโดยเร็ว โดยไม่ต้องอยู่พบปะ นายขี้เต๊ะ ที่วางท่าหยิ่ง ข่มอวดหล่อน
อิฐศอรรู้สึกหมั่นไส้เขาเต็มประดานี่เอง ถือว่าตัวเองยิ่งใหญ่แค่นั้น มาออกคำสั่งข่มบังคับ
ถ้าหล่อน ไม่พอใจ หล่อนเปลี่ยนงานก็ได้ จะเป็นไรไป อิฐศอรคิด พี่สาวของหล่อนคงช่วยหาอีกนั่นแล้ว เพราะจะทนอยู่ทำไม ให้ชีช้ำกะหล่ำปลีกับเรื่องที่อึดอัดแล้วอยู่แบบไม่สบายใจของตัวเอง
หล่อนคิดว่า ลองอยู่ไปก่อน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไปที่อื่น ไม่เห็นจะต้องง้อเลยนี่นา ยายอิฐซะอย่าง ทุกๆเรื่องไม่ต้องห่วง แก้ไขได้แน่
พอเด็กแต๋วเข้ามานั่นเอง เหมือนระฆังช่วยหญิงสาวเข้าไว้ อย่างน้อยอยู่กับแต๋ว ก็ยังดีกว่านายคนนี้ล่ะ
เพราะแต๋วเป็นผู้หญิงเหมือนกันกับเธอ ผู้หญิงย่อมเข้าใจผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ
“อ้อ มาแล้วก็ดีแต๋ว ช่วยสอนงานพี่เลี้ยงคนใหม่ของคุณมินหน่อย ฉันจะได้รีบไปเสียที วันนี้มีประชุมตอนบ่าย ฝากช่วยสอนงานด้วยนะ เป็นงานเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ”
คำสั่งของเขาเฉียบขาดแล้วก็ก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันมามองหล่อนสักเพียงนิด
“คนจองหอง”
หญิงสาวบ่นไล่ไปตามหลัง
แต่เด็กแต๋วได้ยินเสียงเขียวขึ้นทันที
“เอ๊ะ นั่นเรียกให้ดีนะ คุณโปฏกมาได้ยินเข้า เธอจะหน้าชาไปทั้งตัว เอาตัวเองไปเทียบกับเจ้านายไม่ได้นะเราเป็นใครเขาเป็นใคร”
แต๋วทำท่าปกป้องเข้าข้างเจ้านายเต็มที่ เมื่อรู้ว่าเผลอตัวหลุดพูดไป หญิงสาวก็ทำท่ายกมือปิดปาก แล้วก็เงียบ
นางสาวแต๋วสาวใหญ่วัยสามสิบสองทำสีหน้าตัดความรำคาญ
“งั้นไม่เป็นไร เธอเป็นเด็กใหม่คงไม่รู้ แต่ทีหลังอย่าพูดแบบนี้ให้พวกเจ้านายได้ยินนะ จะได้ถูกไล่ออก
จากงาน คุณโปฏกแกไม่เหมือนคนอื่นหรอก อารมณ์ร้าย”
ดูเหมือนแม่แต๋ว ทำท่าจะหวังดีกับเธอด้วยซ้ำ แต่เธอไม่สนใจหรอก
อย่างที่เธอถือภาษิตอยู่ อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็เปลี่ยนงาน ไม่เห็นจะต้องแคร์พวกเศรษฐีขี้เอาแต่ใจตัวเอง พวกนี้เลย บ้านเราก็มี กลับไปก็ได้
สุขีสโมสรกว่าอีกเป็นตั้งไหน อิฐศอรอดที่จะเถียงขึ้นมาในใจไม่ได้
สายตาของแม่แต๋วทำท่าเหมือนจะกำหราบสอนเตือนหล่อน หล่อนไม่รู้ว่า นี่เป็นความหวังดีของแต๋วหรือเปล่า หรือว่ากีดกัน
เพราะอ่านความรู้สึกของแต๋วไม่ออก แต๋วพยายามทำตัวเหมือนว่าตัวเองเก่ง รู้ไปรอบด้าน
ปากเองก็ฉอดๆ สอนเตือนบอกหล่อนอย่างโน้นอย่างนี้
หล่อนก็ได้แค่เพียงพยักหน้าเท่านั้น ไม่อยากจะต่อความ เพื่ออยากให้เรื่องมันจบเร็วๆ ยายแต๋วจอมขี้โม้กับจอมฝอยจะได้หยุดน้ำลายที่แตกเป็นฟองของหล่อนซะที
ฟังไปนานๆก็เบื่อ และรำคาญเหมือนกัน
“นี่ต่อไป อย่าทำอย่างนี้ อีกนะ ฉันน่ะหวังดีกับเธอ อยากให้ทำงานอยู่ที่นี่นานๆ งานมันหายาก ตกงานใช่ไหมเธอ?”
แม่เด็กแต๋วเอ่ยไปอีก
จนหล่อนต้องเอ่ย ตอบรับอย่างนึกประชดเล่นเสียหน่อยๆ
“จ้ะ ขอบคุณด้วยความหวังดีของพี่แต๋วนะ”
แต๋วยิ้มแทบแก้มปริที่ได้ยินคำเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ที่ก้าวมาในฐานะเดียวกัน พี่เลี้ยงเด็ก และคนใช้
“ดี ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ ผู้ใหญ่เขาชอบ”
“แหวะ”
พอลับหลังแต๋วหล่อนเบ้ปากแหวะออกไปทางอื่น นึกถึงสายตาของเขาแล้วนึกหมั่นไส้ รูปร่างหน้าตาก็ดี ใช่ว่าจะขี้ริ้ว หุ่นแบบนี้แหละที่สาวมารุมติดพันรุมกันเกรียว
แต่ไม่ใช่หล่อน หล่อนจะไม่สนใจเขาเลย
อิฐศอรบอกแก่ตัวเอง คนเรานั้น เมื่อบอกว่าศรศิลป์มันไม่กินกัน
มันก็เป็นอย่างนั้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงได้ สาเหตุเพราะมันไม่นึกชอบ ความรู้สึกที่ขัดแย้งในใจมันส่อแสดงออกมาให้เห็น จนต้องอยากหนีไปให้ไกลแถวนั้น อย่างนั้นที่เขาเรียกว่า ชะตาไม่ชอบกัน ไม่ต้องกัน
ใช่ในเมื่อเขามีชะตาไม่ต้องกับหล่อน หล่อนก็ชะตาไม่ต้องกับเขาเหมือนกัน ไม่เห็นจะต้องเอาไปเปรียบกับอะไรเลย ความรู้สึกในขณะนี้ของตนเองก็พอ
เพราะนึกเกลียดนายคนนี้อย่างมหาวายร้ายจริงๆเลย ที่กลั่นแกล้งหล่อน และข่มหล่อนทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากัน
เป็นครั้งแรก ผู้ชายแบบนี้ใครได้ไปเป็นแฟน ต้องขมขื่นใจมากๆอย่างแน่นอน ยังสะกดคำว่าโรแมนติก อ่อนโยนยังไม่เป็นเลย เหมือนพวกเย็นชา แล้วก็ประเภทเสือยิ้มยาก
หล่อนจะต้องทนอึดอัดในสภาพแบบนี้นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้หนอ