หลี่ต้าหมิงทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่กระเพื่อมไปตามแรงลม คลื่นน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไปแต่ใจเขาไม่อาจสงบลงได้อย่างที่คาดหวัง น้ำเสียงตัดพ้อของฮูหยินคนงามยังคงกวนใจไม่ให้เขาอยู่นิ่งเฉยเป็นสุขได้
เขาคิดมาดีแล้วก่อนที่จะเอ่ยปากบอกนาง ทว่าพอได้กล่าวปฏิเสธออกไปใจกลับไม่เป็นสุข เขาควรเมินเฉยต่อสตรีไร้ยางอายที่กล้ายั่วยวนเขายามขาดสติ
นางทั้งร้ายกาจเอาแต่ใจเหตุใดเขาต้องมากังวลเช่นนี้ด้วย บางทีคงเพราะกลัวนางอาละวาดกระมัง
แม่ทัพไร้พ่ายคิดไม่ตกสุดท้ายก็ทำได้เพียงยืนถอนหายใจอยู่เช่นนั้น ผ่านเวลาไปนานเพียงใดไม่รู้ สติของเขาถูกดึงกลับมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ไม่คุ้นเท่าใดนัก คราแรกคิดว่าเป็นหลี่หลินฮวาทว่าพอตั้งใจฟังอีกทีกลับไม่ใช่
เขาหันมาทางต้นเสียงก็พบกับฟู่หรงอันกับสาวใช้ข้างกายกำลังเดินมาทางที่ตนอยู่
ตระกูลฟู่ขยันส่งนางมาบ่อยเสียจริง มิรู้หรือว่าการมาแต่ละครั้งสร้างปัญหาให้เขากับฮูหยินบ่อยครั้ง
“ท่านแม่ทัพเหตุใดแสดงสีหน้าเช่นนั้นเจ้าคะ” นางกล่าวเมื่อเห็นว่าเจ้าของจวนแสดงสีหน้าประหลาดใจ
บุรุษเช่นเขาจะหาที่ไหนได้อีก นางยอมหน้าด้านเป็นรองในวันนี้ไม่แน่ว่าในอนาคตหากทำให้เขาหลงใหลได้ตำแหน่งฮูหยินเอกก็ใกล้เพียงเอื้อมมือ
นางกับสตรีเช่นหลี่หลินฮวาไม่ต้องให้เลือก คนมีความคิดก็พอรู้ว่าควรยกย่องผู้ใด
“ข้าเพียงประหลาดใจที่คุณหนูฟู่มาที่นี่” ไม่แน่ว่าการมาของนางอาจแฝงด้วยบางอย่าง บุรุษเช่นเขาหาใช่คนโง่จนมองเจตนาคนตรงหน้าไม่ออก
ตระกูลฟู่ต้องการรวมสองตระกูลเพื่ออำนาจในวันหน้าเขารู้ดี ก่อนพบกับหลี่หลินฮวาเขาก็เคยคิดเช่นนั้นเพราะล้วนเป็นประโยชน์ต่อทั้งคู่ ทว่ายามนี้ต่างจากวันวาน หลี่หลินฮวาหาใช่สตรีใจกว้างที่จะทนให้มีสตรีอื่นมายืนทัดเทียมตน
ฮูหยินของเขากล้าขุดหลุมฝังคุณหนูตระกูลฟู่อย่างแน่นอนหากอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุด เขาไม่ชอบความวุ่นวายสิ่งใดเลี่ยงปัญหาได้ก็จะทำ
“ท่านพ่อให้ข้านำขนมมาให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” หญิงงามส่งยิ้มให้ท่านแม่ทัพขณะก้าวเข้าหาเขาพร้อมทั้งหันมาสั่งให้สาวใช้จัดวางขนมกับน้ำชาบนโต๊ะ
“ขอบคุณตระกูลฟู่ที่มีน้ำใจ เชิญนั่งเถิด” เขายืนเอามือไขว้หลังอีกข้างผายมือให้สตรีเบื้องหน้า นางค่อย ๆ นั่งลงอย่างช้า ๆ สายตายังคงจับจ้องเขา
ฟู่หรงอันเลื่อนจานขนมพร้อมทั้งลุกขึ้นรินน้ำชาให้แก่ หลี่ต้าหมิง การกระทำนั้นอยู่ในสายตาบ่าวในจวนหลายคน ทุกคนล้วนมองว่าสตรีผู้นี้ช่างเหมาะสมเป็นคู่หยวนหยางยิ่งนัก สตรีอ่อนหวานฐานะดีกับบุรุษผู้มากด้วยอำนาจ
“เช่นนั้นท่านแม่ทัพลองชิมดูสักชิ้นนะเจ้าคะ โอ๊ะ!”
นางยื่นขนมให้แต่หลี่ต้าหมิงเลือกจะปฏิเสธด้วยการลุกขึ้นหมายจะถอยให้ห่าง ทว่าร่างบางที่ยืนอยู่กลับเซถลาใส่เขาจนนั่งลงที่เดิม
“คุณหนู!!” สาวใช้อุทานตกใจทว่าไม่ยอมขยับมาช่วยคุณหนูของตน ภาพที่ออกมาจึงเหมือนฟู่หรงอันกำลังนั่งพลอดรักบนตักสามีผู้อื่น
“ลุกออกก่อนเถิด ข้าเกรงว่าจะมีคนเข้าใจผิด ฮูหยินของข้าย่อมไม่ชอบใจ” เขาดันร่างที่แนบชิดให้ถอยห่าง กลิ่นหอมฉุนเกินควรที่นางประโคมใส่ชวนให้เขารู้สึกคลื่นเ**ยนทุกที
“ขออภัยที่ข้าซุ่มซ่ามเช่นนี้” นางกลับมานั่งที่ตนเองด้วยใบหน้าแดงซ่าน เกิดมาไม่เคยสักครั้งที่จะใกล้ชิดกับบุรุษใดมาก่อน
“ร่างกายคุณหนูฟู่ไม่ค่อยแข็งแรงช่วงนี้อย่าเพิ่งเดินทางมาที่จวนข้าเลย ท่านเจ็บป่วยไปย่อมไม่คุ้มกัน” ถ้อยคำคล้ายห่วงใยทว่าผู้ฟังรับรู้ได้ว่าคือการบอกเป็นนัยน์ว่าอย่ามาที่จวนแม่ทัพบ่อย
“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ห่วงใย ตัวข้าทำตามหน้าที่ของบุตรตระกูลฟู่แม้เจ็บป่วยก็ยอม” นางกล่าวด้วยโทนเสียงธรรมชาติแต่ย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูล
“เช่นนั้นขนมนี้ข้าคงต้องแบ่งไว้ให้ฮูหยินบ้าง ตระกูลฟู่มีน้ำใจครั้งหน้าข้ากับหลินเอ๋อร์จะไปเยี่ยมบ้าง” แม่ทัพไร้พ่ายจิบชาหลังจากกล่าวจบ
ฟู่หรงอันกำมือแน่นแต่ก็ไม่วายชักชวนให้เขาลองชิมขนมของตน สาวใช้ข้างกายคอยช่วยเสริมบ้างยามทุกอย่างเงียบลง
หลี่ต้าหมิงได้แต่ลอบถอนหายใจกับการกระทำสิ้นคิดของสตรีผู้นี้ เหตุใดกระทำกิริยาน่ารังเกียจได้ถึงเพียงนี้ หลี่หลินฮวาว่าร้ายกาจยังไม่น่ารำคาญเท่าฟู่หรงอัน
เขาเกลียดนักสตรีที่ชอบยั่วยวนบุรุษแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง ผู้คนมากมายยังกล้าหาญทำเรื่องไม่ควร หากไม่มีตระกูลฟู่ค้ำคอฟู่หรงอันอย่าได้หวังว่าจะได้มานั่งเล่นงิ้วเช่นนี้ ความสงสารก่อนหน้าที่เคยทำผิดเรื่องไม่ได้แต่งนางตามที่ไปทาบทามมลายหายไปจนหมดสิ้น
ภาพทั้งสองใกล้ชิดไม่ได้มีเพียงสาวใช้กับบ่าวในจวนเท่านั้นที่พบเห็น หลี่หลินฮวาที่เตรียมอาหารให้สามีเสร็จก็ทันเห็นการกระทำของทั้งคู่พอดี ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยความโกรธสุดขีด
“กรี๊ด!! เจ้าสามีชั่ว ปากบอกไม่คิดรักผู้ใดแล้วที่กระทำอยู่ในตอนนี้คือสิ่งใดกัน!” กับนางทำเป็นรังเกียจนักหนาแต่กับสตรีผู้นั้นทนนั่งเฉยได้
เหอะ ก็แค่ข้ออ้างของคนไม่รัก นางเริ่มหมดความอดทนแล้ว
หลี่หลินฮวาโยนถาดอาหารในมือทิ้งอย่างขุ่นเคือง ชิงหลันที่เดินตามมาทีหลังมองนายตนอย่างไม่เข้าใจนัก มื้อกลางวันนี้ฮูหยิน แจ้งแล้วว่าจะทำอาหารให้ท่านแม่ทัพแต่ไยอาหารถึงได้ระเนระนาดกับพื้นเช่นนี้
“ฮูหยินบ่าวเตรียมชาไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินจะให้นำไปให้ท่านแม่ทัพเลยไหมเจ้าคะ” สาวใช้มองถาดน้ำชาอย่างลังเลครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ไม่ต้องแล้ว ชาพวกนั้นเจ้านำไปแบ่งกันเถิด” นางเหนื่อยหน่ายกับสามียิ่งนัก อาหารหรือน้ำชาก็ไม่ต้องกินมันแล้ว
เจ้าของกายหอมอ่อน ๆ เดินสะบัดออกจากซากอาหารที่ตนเพิ่งทิ้ง
“ฮูหยินจะไปไหนเจ้าคะให้บ่าวตามไปด้วย” ชิงหลันวิ่งตามนายของตนโดยในมือยังคงถือถ้วยน้ำชาติดมาด้วย
“พวกเจ้าไม่ต้องติดตามข้า ข้าจะเตรียมของไปบ้านเดิม”
อยู่ที่นี่แล้วหงุดหงิดเห็นทีต้องกลับบ้านเพื่อระบายความโกรธนี้
“ฮูหยินต้องรอแจ้งท่านแม่ทัพก่อนนะเจ้าคะ” ชิงหลันรีบทักท้วงแต่ต้องชะงักเพราะได้รับสายตาดุกลับมาแทน
สามีภรรยาคู่นี้ช่างเหมือนกันนัก เหตุใดชอบมองนางเหมือนกับจะฆ่าทุกที
“ไม่แจ้งเจ้าก็ต้องไปรายงานเขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือชิงหลัน”
หลี่หลินฮวากอดอกปรายตามองสาวใช้ที่คอยรายงานเรื่องของนางให้หลี่ต้าหมิงรู้มาโดยตลอด
สาวใช้รีบวางถาดน้ำชาแล้วคุกเข่าก้มหน้าตัวสั่นเทา ฮูหยินรู้ได้อย่างไรนางไม่เคยแสดงพิรุธเลยแม้แต่น้อย
“ฮูหยินอภัยให้บ่าวด้วย บ่าวทำไปเพราะขัดท่านแม่ทัพไม่ได้” ชิงหลันอยากกลั้นใจตายนัก หากท่านแม่ทัพรู้ว่าตนพลาดโดนจับได้ต้องถูกลงโทษเป็นแน่
สาวใช้นั่งก้มหน้าตัวสั่นก็พลอยทำให้นางใจเย็นลง อารมณ์โกรธแท้ ๆ ทำให้นางหลุดเอ่ยในสิ่งที่ไม่ควร
“ช่างเถิดเจ้าอยากทำอะไรก็ไป ข้าจะเตรียมของไปบ้านเดิมสักหน่อย เรื่องขออนุญาตข้าจะไปขอเอง ส่วนเรื่องที่ข้ารู้เจ้าทำเฉยไว้ก็พอ ท่านพี่ไม่รู้หรอกถึงรู้เขาก็ไม่ลงโทษเจ้าหรอกนะ”
นางโบกมือไล่สาวใช้ที่ร้องไห้เก่งเหลือเกินอย่างอ่อนใจ
ชิงหลันไม่ตอบโต้รีบยกถาดน้ำชาตรงไปยังศาลาของท่านแม่ทัพ ผู้ใดบอกฮูหยินว่าท่านแม่ทัพใจดี นางอยู่ที่ตระกูลหลี่มาตั้งแต่เกิดรู้นิสัยแท้จริงของผู้เป็นนายดี