มนตร์สะกดสั่งให้ Kiss

4306 คำ
"เลิกเรียนแล้วใช่ไหม?" เขาคนนั้นหยุดยืนตรงหน้าแล้วเอ่ยถามขึ้น ส่วนฉันก็ยังได้แต่ยืนอึ้งน้ำตาคลอ กับการปรากฏตัวของเขาที่ฉันตั้งตัวไม่ทัน "............" และฉันก็ได้แต่เงียบ เงยหน้ามองเขาคนที่ตัวสูงกว่า เพราะว่าฉันพูดอะไรไม่ออก ฉันดีใจที่เขามา แต่ว่าอีกนัยฉันก็เสียใจ ที่เขาไม่ติดต่อฉันเลยเป็นปี "เฮลโหลอันดา ได้ยินไหม?" ฉันได้ยินเขาถาม แต่ฉันน่ะบังคับปากให้ขยับพูดไม่ได้ "อันดาควรน้อยใจไหม?" ฉันตั้งสติแล้วถามออกไป และตอนนี้ผู้คนก็กำลังจ้องมองมาทางฉัน พรุ่งนี้ฉันคงต้องตอบคำถามไม่หยุดหย่อนแน่ ๆ ฉันตกเป็นเป้าสายตา! กับผู้ชายหล่อค่อนไปทางยุโรปที่ยืนตรงหน้า ตรงใจสเปกสาว ๆ ทั้งรูปร่างและหน้าตา ความสูงสมาร์ทเท่ ๆ ที่สาว ๆ หลายคนหมายปอง "นี่มาเซอร์ไพรส์ไง" "หนึ่งปีกว่าที่หายไป หนึ่งปีกว่าที่เงียบไม่ติดต่อสักนิด ระยะเวลาหนึ่งปีกว่าไม่สะกิดความรู้สึกเลยหรือไง คงมีแต่อันดาคนเดียวที่รอคอยการติดต่อมา ส่งอีเมล์หาก็ไม่มีการตอบกลับ ทำมะ....." ได้ทีฉันก็ร่ายยาวเลยค่ะ ก็คนมันน้อยใจ ((กรี๊ด!!!!!)) ฯลฯ เสียงโห่และกรีดร้องดังก้องทั่วบริเวณ กล้องก็กดถ่ายรูปพวกเรา พรุ่งนี้คงวุ่นวายน่าดู "โกรธใช่ไหม?" เขาเอามือปิดปากฉันไว้แล้วถามฉันค่ะ จะถามทำไมก็เห็นอยู่ว่าฉันไม่โอเค ".........." "อันดา" นี่เป็นเสียงของทับทิมค่ะ เธอคงงงละมั้งและคงอยากรู้ด้วย ว่าคนที่เธอกรี๊ดกร๊าดเนี้ยรู้จักฉันไหม "เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะทับทิม" ฉันหันไปยิ้มให้เพื่อนอย่างฝืน ๆ "จ้ะ" "อ่า~~ยืนนานแล้วเมื่อยขาเนาะ ไป! กลับบ้านกัน" แล้วเขาก็ลากแขนฉันฝ่ากลางสาธารณะชนที่ยืนแหวกทางให้ เดินตรงไปที่รถยนต์เลยค่ะ ไม่สนใจสายตาของใครสักนิด มีเสียงโห่แซวเซ็งแซ่ดังคับหู แค่หางตามองก็รู้แล้วว่า พวกเธอนั้นอยากรู้จักแค่ไหน บางคนก็ตั้งกล้องถ่ายรูปอย่างกับเขาเป็นดารา ทั้งที่เขาก็แค่คนธรรมดาที่หน้าตาดีแค่นั้น! "อันดา" "........." เมื่อขับรถออกมาได้สักพัก คงเพราะความเงียบละมั้ง เขาจึงเอ่ยถามขึ้น ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งมองหน้าเขา ขอบตาร้อนผ่าวแต่ว่าน้ำตาก็ไม่ไหล "โกรธจริง ๆ ใช่ไหม?" เขาย้อนถามอีกครั้ง "..........." และฉันก็เงียบเหมือนคนเป็นใบ้ "ต้องทำยังไง? อันดาถึงจะหายโกรธ ต้องทำยังไงอันดาถึงจะยกโทษให้" เขาพูดขณะบังคับพวงมาลัยรถไปด้วย "ใจร้ายกับอันดาจังเลยนะ ทั้ง ๆ แต่ก่อนคุยกับอันดาแทบทุกวัน แล้วอยู่ ๆ ก็เงียบหายไป ไม่ติดต่อไม่อะไรเลยสักนิด หรือว่าเพราะติดสาวแหม่มใช่ไหม? ฮึก ฮึก" เอาละสิในที่สุดก็กลั้นน้ำตาไม่ได้ ปล่อยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาจนหมด เขาเลี้ยวรถเข้าข้างทาง ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วดึงฉันเข้าไปกอด "สกีขอโทษ ไม่อยากให้อันดาโกรธ ยกโทษให้สกีได้ไหม?" "ฮือ~~" เมื่อเขาปลอบใจ การถูกกอดปลอบที่แสนอบอุ่น มันทำให้ฉันนั้นปล่อยร้องไห้โฮเลยค่ะ ผู้ชายอบอุ่นที่มักปลอบฉันด้วยชื่อแทนตัว เขาไม่เคยใช้ชื่อแทนตัวกับใคร นอกจากฉันเพียงคนเดียวในตอนนี้ แต่ถ้าวันใดที่มีใครนอกจากฉัน แสดงว่าวันนั้นฉันคงไม่ใช่คนพิเศษของเขาเพียงคนเดียว (สกีจะไม่พูดแบบนี้กับใคร จะไม่แทนตัวเองด้วยชื่อ) (สกีจะเก็บไว้พูดกับอันดาคนเดียว) (สกีให้อันดาเป็นคนพิเศษที่หนึ่งของสกี และจะพิเศษเสมอไป) นี่คือสิ่งที่เขาเคยบอกกับฉันไว้ก่อนที่เขาจะจบมอปลาย พอจบแล้วสกีก็ไปเรียนที่ออสเตรเลียกับปู่ย่าของเขา เขาไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เรียนจบมอปลาย และไม่ค่อยได้ติดต่อฉันเลยในช่วงหลัง ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร วันนี้แหละฉันจะถามให้รู้เรื่อง "ไม่ร้องนะ เดี๋ยวไม่สวย" เขาผละกอดฉันออก แล้วไล้นิ้วมือเช็ดน้ำตาให้ ส่วนฉันก็สะอื้นร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ก็คนมันทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจและทั้งโกรธ หลายความรู้สึกตีกันไปหมด "อันดาคงไม่ใช่คนพิเศษของสกีอีกแล้วสินะ" ฉันพูดขึ้นอย่างคนน้อยใจ ปัดมือใหญ่ที่เช็ดน้ำตาให้ออก แล้วนั่งนิ่งมองออกไปนอกรถ "น้อยใจ?" "เปล่า" ปากแข็งอีกฉัน ทั้ง ๆ ที่น้อยใจจนเต็มประดา "คนพิเศษยังไงก็คือคนพิเศษ" เขาพูดแต่ฉันไม่มองหน้า ทำเหมือนกับว่าฉันกำลังงอนแฟนเลยอะ แต่ไม่ใช่นะ! ฉันกับสกีเราเล่นด้วยกันมาแต่เด็ก เราสนิทกันมาก และด้วยความที่เขาอายุมากกว่าเลยแบบพี่ชายกับน้องสาวละมั้ง แต่ที่จริงตามศักดิ์แล้วป้าแนนบอกว่าสกีต้องเรียกฉันอา แต่ว่าฉันไม่ให้เรียกหรอก "อันดาอาจจะไม่ใช่คนพิเศษเพียงคนเดียวในตอนนี้" "มันก็ใช่อะนะ เพราะสกีมีคนพิเศษที่ไม่ใช่อันดาเพียงคนเดียว" ท้ายที่สุดฉันก็ไม่ได้สำคัญและเป็นคนพิเศษสำหรับเขาจริง ๆ ฉันนั่งนิ่งหลับตาปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้ม ความน้อยใจที่มีก็เพิ่มทวีมากขึ้น ฉันรู้สึกเสียใจ เสียใจที่ไม่ได้เป็นคนพิเศษที่ยืนหนึ่งสำหรับเขาอีกต่อไป..... (สกี) "ใช่สิ เพราะสกีคงจะมีคน อึก ฮึก คนที่พิเศษกว่าอันดา" ผมนั่งมองเธอที่ตอนนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก แต่ผมก็รู้ดีครับว่าเธอน้อยใจผม ผมยิ้มอ่อน ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของอันดา คนที่มีศักดิ์เป็นอาของผม แต่ไม่เคยเรียกเธอว่าอาสักครั้ง เราจึงดูเหมือนเพื่อนกันมากกว่า แต่ว่าอันดาเธอดูน่าทะนุถอมเกินกว่าที่ผมจะปล่อยปะละเลยได้ อาจจะเพราะความผูกพันของเราที่คลุกคลีกันมาแต่เด็ก "คิดไปถึงไหนกัน...หันหน้าสวย ๆ มาให้ดูหน่อยซิ" ผมจับแขนเธอ พยายามบังคับให้เธอหันมามอง ก็ตอนนี้อันดาเล่นงอนผมแรงมาก แถมยังร้องไห้น้ำตาไหลอีก "ไม่อยากหัน!" นั่น! มีกระแทกเสียงใส่ผมด้วยนะ "โกรธขนาดนั้นเชียว?" ผมถามคนงอนที่ตอนนี้นั่งมือกอดอก หันหน้าออกด้านข้าง มองออกไปนอกรถ "เปล่า อันดาโกรธนิดเดียว" เธอตอบ คำตอบที่เหมือนเด็กทำผมยิ้มและส่ายหัว ไม่ใช่ว่าเบื่อหรือรำคาญอะไรนะ แต่ผมมองว่ามันคือความน่ารักเดียงสาของเธอต่างหาก "โกรธนิดเดียว ? ถ้าอย่างนั้นก็หันหน้ามาหาสกีหน่อยซิ หันมาแป๊บเดียวก็ได้อะ ถ้ายังโกรธอยู่ค่อยหันไปงอนหรือโกรธใหม่" ผมเริ่มตะล่อมคนงอนอย่างหลอกล่อ ผมรู้ดีว่าเธอชอบให้ง้อแบบไหน "ไม่!!" กระแทกเสียงเก่งจริง ๆ ลูกสาวตาไฟ "จริงอะ?...ระวังเสียใจนะ สกีเตือนแล้วนะ" "เชอะ!!" "Lucus's papaw หว้าน่าสงสารจัง อุตส่าห์ซื้อมาเพื่อตามหาเจ้าของ แต่กลับไม่มีคนอยากได้ซะงั้น หมดกระเป๋านี้ก็หลายบาท สงสัยคงต้องทิ้งครีมที่ไม่มีคนอยากได้แล้วสิ " มีนคือสิ่งที่เธออยากได้ แน่นอนว่าผู้หญิงอย่างอันดาที่ดูแลตัวเองดี เธอไม่มีวันยอมทิ้งของพวกนี้แน่นอน และมันก็เป็นไปตามที่ผมคิด เธอหันหน้ามามองที่มือของผมทันที "ทำไมถึงทำตัวฟุ่มเฟือย...เอามานี่ค่ะ!" อยากหัวเราะเด็กแสบ เธอหันหน้ามาเขม็งตาใส่ผม แล้วดึงกระเป๋าผ้าที่บรรจุครีมที่เธอบ่นอยากจะได้ เพราะเธอเคยบอกผมไว้ว่า ถ้าวันไหนผมกลับมาเมืองไทยซื้อมาเป็นของฝากให้เธอด้วย เพราะเธออยากได้มาก คำพูดของเธอผมไม่เคยลืมครับ เพราะว่าเธอเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ผมเอ็นดูมาแต่เด็ก ๆ เราเล่นด้วยกันจนอันดาแทบไม่มีเพื่อนวัยเด็กเลย เธอติดผมมาก จนตามติดแทบเป็นเงา ผมจะไปที่ไหน ที่ตรงนั้นก็ย่อมมีอันดาตัวป่วนเสมอ แต่ความป่วนของเธอ มันเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคนได้ตลอดเวลา "หายโกรธแล้วเหรอ?" ผมแกล้งถามครับ อยากจะรู้เด็กแสบจะตอบยังไง "โกรธอะไรที่ไหน ไม่มี๊!!! อันดาไม่เคยโกรธสกีสักครั้ง" เธอนั่งกอดกระเป๋าครีม ซบหน้ากับกระเป๋า แล้วหันหน้ามามองผม ดวงตานี่ยังแดง ๆ อยู่เลย คำตอบก็เสียงสูงปรี๊ด ไม่ค่อยเนียนเลยอันดาเอ๊ย! "แล้วใครนะ ที่บอกว่าโกรธนิดเดียว" ผมอมยิ้มแล้วย้อนถาม จ้องหน้าเธออย่างรอคำตอบ ดูซิจะตอบผมว่ายังไง "แมวพูด" "หรา!" เป็นคำตอบที่น่ารักมาก นั่นแหละครับอันดา ลูกสาวของตาไฟ ที่ใคร ๆ ในบ้านก็หลงรักเธอ เพราะเธอน่ารักจริง ๆ เธอสดใสและไร้เดียงสา "หิวข้าวจัง แต่ตังค์ไม่มี จะมีใครใจดีเลี้ยงข้าวไหมนะ?" เธอมองหน้าทำตาปริบ ๆ แล้วพูดขึ้นลอย ๆ แต่แท้จริงเธอแค่จะสื่อความหมายมาให้ผมเลี้ยงข้าว เธอมันแสบอันดา! "ทำไงดีนะ เงินก็ไม่ค่อยมี คงกินได้แค่ก๋วยเตี๋ยวข้างทาง พี่จนอะน้องทนได้ไหมล่ะ?" ผมแกล้งตอบกลับ เธอหลับตาลงชั่วครู่ก่อนจะกลอกสายตา แล้วชักสีหน้าใส่ผมอย่างไม่คิดเชื่อ "เบื่อสกี คนขี้งก!" เธอต่อว่าผมด้วยรอยยิ้มอ่อน "ไป ๆ อยากกินอะไร?" ผมส่ายหัวกับคำพูดของเธอเลยครับ "สกีเลี้ยงใช่ไหม?" เธอย้อนถามเมื่อผมเอ่ยปากชวน "เปล่า จ่ายใครจ่ายมัน" "ถ้างั้นก็กลับบ้าน!" เมื่อคำตอบที่ผมบอกออกไป จากที่เธอยิ้มสดใส แปรเปลี่ยนเป็นหุบยิ้มทันทีครับ เเล้วรีบออกปากชวนกลับบ้านเร็วไว เด็กอะไรขี้งก "ล้อเล่นครับผม...." "ต่อไปไม่เล่นแบบนี้นะ อันดาจริงจัง ใครไม่มีตังค์อันดาจะไม่คบด้วย" ผมเอื้อมมือไปยีหัวเธอเบา ๆ มันเขี้ยวครับ ที่จริงอยากจะหยิกแก้มเหมือนตอนเด็ก ๆ แต่ตอนนี้อันดาเป็นสาวแล้ว ต้องให้เกียรติน้อง เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี เพราะคนที่ไม่รู้จักเราจะมองแค่ฉาบฉวยแล้วตัดสินทันที "แต่ต้องคบกับสกีเพราะสกีมีตังค์เยอะ" "ดีมากจ้าพี่สกีคนหล่อ" เธอยิ้มร่าและเอื้อมมือมาหยิบแก้มของผมสองข้าง แล้วส่ายไปมา ผมอุตส่าห์ไม่แตะตัวเธอมาก แต่เพราะคงเป็นความคุ้นชินละมั้ง เลยทำให้เธอพลั้งเผลอ ผมมองหน้าเธอเล็กน้อย แล้วจึงขับรถยนต์ออกมา มุ่งหน้าพาเธอไปหาของกินที่เธอต้องการ!! (แผ่นฟ้า) ผมออกมากับเพื่อนและหนึ่งในนั้นก็ไอ้น้ำเหนือนี่แหละ เรานัดเจอกันเพื่อที่จะไปเตะฟุตบอลสนามหญ้าเทียม ที่พวกผมชอบไปตอนเย็นในวันที่ว่าง ระหว่างที่รอคนมาครบ เพื่อนของผมจึงชวนไปหาอะไรกินเบา ๆ ร้านขายข้าวเจ้าประจำ ที่อยู่ตรงข้ามสนามฟุตบอล เป็นที่นั่งรอและหาอะไรใส่ท้อง ผมนั่งมองเมนูอาหาร แล้วจัดการสั่งกับพนักงาน เพื่อนของผมก็เช่นกัน นั่งมองและพูดคุยกันบ้างตามประสาชายหนุ่ม แต่สายตาของผมดันมองออกไปด้านนอกร้าน เห็นคนสองคนเดินดุ่มตีคู่กันมา "นั่นมันยัยเด็กจอมตื้อนี่หว่า" ผมมองตามเธอที่เดินเคียงคู่ผู้ชายตัวสูง ใบหน้าลูกครึ่ง ดูดีเลยล่ะ เธอดูยิ้มแย้มสดใส ผมมองเธอด้วยความสงสัย นั่นใคร? หรือว่าจะเป็นแฟนของเธอ "เหอะ คงจะแรดจริง ๆ ขนาดมีแฟนยังมาตามรังควานคนอื่น นี่ต้องหน้าด้านขนาดไหนกันนะ" ผมคิดในใจ ยกยิ้มมุมปากอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าหน้าใสตาซื่อ จะแอบดื้อและร้ายได้แบบนี้ แล้วเธอกับผู้ฃายคนนั้นก็เดินกระหนุงกระหนิงหยอกล้อกัน เข้ามาในร้านอาหารที่พวกผมนั่งอยู่ ผมเห็นแบบนั้นจึงรีบก้มหน้าจิ้มมือถือ "แล้วทำไมกูต้องเหมือนหลบหน้าเธอวะ บ้าไปแล้วไอ้แผ่นฟ้าเอ๊ย!!" นั่นสิผมจะหลบเธอทำไม อย่างกับกลัวเธอเห็น ซึ่งไม่จำเป็นสักหน่อย ก็แค่เด็กน้อยที่ตามตื้อน่ารำคาญ คิดได้แบบนั้นผมจึงรีบจัดการกับท่านั่งให้ดูดี "เป็นอะไรวะไอ้แผ่นฟ้า ท่าทางแปลก ๆ" ไอ้น้ำเหนือมันถามผม "เปล่านี่" ผมก็ตอบหน้าตาย ทั้งที่ในใจนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนคำพูดกับกิริยามันสวนทางกัน ผมตอบไอ้น้ำเหนือแบบไม่มองหน้า แต่ใช้สายตามองไปยังคนสองคนที่นั่งอีกฟากของร้าน แต่ผมเห็นได้ชัดเจนว่าคนสองคนกำลังทำอะไรกันบ้าง แล้วทำไม!? ยัยเด็กน้อยนั่นถึงได้แบบยิ้มแฉ่งขนาดนั้น? นี่ผมเป็นอะไรวะ!! ทำไมมันรู้สึกหงุดหงิด หรือผมจะบ้าไปแล้ว! "แล้วนั่นมองอะไรทางนั้นนักหนา" ไอ้น้ำเหนือมันมองตามสายตาของผมแล้วถามขึ้น "เปล่า" ผมตอบปฏิเสธ แล้วหันมาสนใจหน้าจอมือถือต่อ (อันดา) ฉันกับสกีเรามาทานข้าวด้วยกันค่ะ ทานตรงร้านที่เราสองคนเคยมาด้วยกันเมื่อปีก่อน เป็นร้านที่เราเจอโดยบังเอิญ เพราะแอบคุณป๊าออกมาจากบ้าน ซึ่งมันก็ไม่ได้ไกลจากหมู่บ้านของฉันเท่าไหร่ มันอยู่ซอยถัดไปแค่สองซอยก่อนถึงหมู่บ้านของฉัน อยากมารำลึกความหลังด้วยกัน "กินอะไร หรือว่าจะเอาแบบเดิม" สกีเอ่ยถามฉัน พร้อมกับเปิดดูเมนูในเล่ม "จำได้เหรอว่าอันดาเคยกินอะไร" ฉันเงยหน้าแล้วถามสกี "ไม่เคยลืม" สกีตอบ มันทำให้ฉันยิ้มกริ่มเลยล่ะ ดีใจจังที่มีคนให้ความสำคัญ จดจำเกี่ยวกับฉันได้ "อะไร?" ฉันอยากมั่นใจจึงลองถามอีกครั้งอย่างหยั่งเชิง "ไข่เจียวกุ้ง , เห็ดหอมผัดน้ำมันหอยใส่ไข่ , ข้าวหอมนิ่ม ๆ หนึ่งทัพพี และน้ำเปล่าไม่แช่เย็น เพราะอันดาห่วงสุขภาพชอบดื่มน้ำอุณหภูมิปกติ" อยากจะกระโดดกอดสกีจังเลยค่ะ เขาจำได้ทุกอย่างเกี่ยวกับอาหารที่ฉันกิน คำตอบที่เขาพูดออกมา แม้ว่าจะไม่เงยหน้ามองฉันก็ตาม มันทำให้ฉันนั้นหุบยิ้มไม่ได้เลย "สกีน่ารักจัง อันดาดีใจที่สกีไม่ลืม ขอบคุณนะคะ" ฉันฉีกยิ้มกว้างและพูดออกไป คือมันดีใจจริง ๆ นะ ที่ใครสักคนจดจำเรื่องราวของเราได้ แม้ว่าเราสองคนไม่ได้คิดอะไรต่อกัน เพราะฉันกับสกีเรารักกันแบบพี่น้อง และฉันก็รักสกีในฐานะพี่ชายเพราะเขาเกิดก่อนฉัน ฉันหวงเขาด้วย ไม่อยากให้สกีมีแฟนเลย! แต่ถ้าสกีจะมีฉันคงห้ามไม่ได้ แต่ขออย่าให้เพิ่งมีเลย เพราะฉันยังต้องการความรักที่เท่าเดิมจากเขา ((แรด!!)) ปึก!  ภาพที่ผมเห็นจากอีกมุม ทำให้ผมกระแทกกำปั้นลงกับโต๊ะอย่างแรง ประกอบกับคำพูดลอย ๆ ที่ค่อนข้างแรงเช่นกัน ไม่รู้ว่ามันเพราะอะไร ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ ทั้งที่ก็ไม่เห็นจะดูเกี่ยวกับผมสักหน่อย หรือว่าผมบ้าไปแล้ว!? "เป็นบ้าอะไรของมึงเนี้ย!" เออวะผมบ้าอะไร ทำไมต้องมีกิริยาแบบนี้ ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยก็ไม่รู้ "เรื่องของกูเถอะ กินเสร็จแล้วใช่ไหม ไปกันยัง" ผมพูดขึ้นอย่างคนหงุดหงิด ก็ผมหงิดหงุดจริง ๆ ไม่อยากอยู่ตรงนี้ละ รู้สึกรำคาญแปลก ๆ "กินอะไรของมึงไอ้แผ่น อาหารเพิ่งสั่งไปไหม?" ไอ้น้ำเหนือมันทัก โอ๊ย!! อะไรของผม วันนี้ผมเป็นอะไรทำไมมันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย หงุดหงิดเว้ย!! "งั้นมึงก็กินไป เดี๋ยวกูไปรอที่สนามแล้วกัน ป่านนี้เพื่อนเริ่มมาแล้วมั้ง" ผมรีบตัดบทเลยครับและหยิบขวดน้ำไม่อยากอยู่ในร้านแล้วตอนนี้ พูดจบผมก็คว้ากระเป๋าแล้วเดินออกมาเลย ไม่กงไม่กินมันละข้าว กินไม่ลง! "ไอ้แผ่นฟ้า!!..." ไอ้น้ำเหนือตะโกนเรียก แต่ผมไม่สนใจ ยกมือโบกมันแล้วรีบจ้ำเท้าเดินข้ามไปยังสนามทันที "มากับใครวะ ไหนบอกว่าชอบ แล้วทำไมมากับคนอื่น ยัยเด็กขี้โกหก เชื่อไม่ได้จริง ๆ แรดฉิบหาย!" ผมเดินเตะอากาศอย่างหัวเสีย นึกภาพยัยเด็กนั่นที่หยอกล้อ มียีหงยีหัวกันเห็นแล้วเปลืองลูกตาฉิบ!! "แต่ไอ้ฝรั่งนั่นแม่งก็นะ กูเป็นผู้ชายยังมองว่าหล่อ แล้วยัยเด็กจอมตื้อจะไม่ชอบได้ไงวะ โอ๊ย!! คิดแล้วหงุดหงิดวุ๊ย!" ผมหยุดยืนกับที่แบบกะทันหัน บ่นพึมพำกับสิ่งที่นึกคิด ตอนนี้ไม่มีกระจิตกระใจจะเตะบอลแล้วครับ ผมยืนยีหัวจนผมยุ่งแก้หงุดหงิด ยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งเหมือนคนเป็นบ้าแล้วผมเนี้ย ((พี่แผ่นฟ้า!)) ใครมาเรียกอีก คนยิ่งหงุดหงิด เดินหนีแม่งเลยครับ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดี ที่จริงก็ยังไม่มองว่าเป็นใครหรอก ไม่อยากสนใจ ตอนนี้อยากอยู่เงียบ ๆ มากกว่า ((พี่แผ่นฟ้าคะ เดี๋ยวก่อน)) เอ๊ะ!! เสียงใส ๆ คำทิ้งท้ายหวาน ๆ คุ้นดีเนอะ เสียงเรียกครั้งที่สองทำให้ผมหยุดเดินแต่ยังไม่หันหลังกลับไปมอง "พี่แผ่นฟ้าจริง ๆ ด้วย แฮ่ก ๆ ๆ ๆ น้องอันดาเหนื่อย" จนผมรู้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียง ก็ตอนที่เธอวิ่งมาโค้งตัวมือค้ำหัวเข่าอย่างเหนื่อยหอบตรงหน้าของผม ใบหน้าที่กลมขาวเนียนแดงก่ำ คงเพราะวิ่งตามผมมาละมั้ง "........" ผมยืนนิ่งมองเธอ รอจังหวะให้เธอผ่อนคลายเบาบางลง ถ้าเอ่ยถามตรงนี้ตอนนี้ มีหวังเธอขาดอากาศหายใจไปเสียก่อน "น้องอันดาคิดว่าตาฝาดซะอีกค่ะ" เธอหยัดตัวยืนตรง แล้วพูดขึ้นและอมยิ้มอ่อน ๆ แต่สีหน้ายังคงแดงอยู่บาง ๆ "มีอะไร?" ผมถามออกไปเสียงนิ่ง ไม่นิ่งแค่เสียงหน้าผมก็นิ่งด้วยครับ ก็คนมันยังอารมณ์ไม่ดี จะให้มีทีท่ายิ้มแย้มได้ยังไงกัน "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่น้องอันดามาทักทายเฉย ๆ วิ่งตามมาเหนื่อยมาก ๆ เลยขอน้ำกินหน่อยนะคะ" เธอไม่พูดเปล่าครับ คว้าหมับเอาขวดน้ำในมือของผมกระดกดื่มทันที "ไม่มีมารยาท" ผมพูดขึ้นแต่เธอก็แค่ปรายหางตามามองเท่านั้น เหมือนที่บ้านไม่มีน้ำให้กินอย่างนั้นแหละ จังหวะการกลืนน้ำลงคอ คอเรียวระหงขาวเนียนทำให้ผมไม่อยากละสายตาไปทางอื่น เธอทำไมดูน่ารัก น่าเอ็นดูนักล่ะในตอนนี้ เหมือนเด็กที่ไร้เดียงสา ถ้าไม่เคยตามตื้อผมจนน่ารำคาญ นี่เธอน่ารักไม่น้อยเลยนะ "ขอโทษนะคะ น้องอันดาเหนื่อยจริง ๆ เดี๋ยววิ่งไปซื้อมาคืนนะ" เธอพูดพร้อมกับเช็ดน้ำที่เลอะมุมปาก ทำไมเธอถึงทำให้ผมไม่อยากละสายตาไปไหน ผมจ้องมองเธอเหมือนกับถูกเวทมนตร์สะกดก็ไม่ปาน "......." "พี่แผ่นฟ้า ฮัลโหล" "......." "พี่แผ่นฟ้าคะ!!!" "อะ อะไรของเธอเนี้ย" ผมคืนสติเมื่อเธอนั้นเขย่าเเขนของผม นี่ผมนิ่งขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ตอบตะกุกตะกักเลยทีนี้ "นึกว่าหยุดหายใจซะแล้ว คิกคิก" เธอแซวผมแล้วก็หัวเราะคิกคัก มันน่านักจริง ๆ ยัยเด็กคนนี้ "น่ารำคาญจริง ๆ" ผมกระชากขวดน้ำที่อยู่ในมือของเธอคืน แล้วเดินเลี่ยงหลบยัยจอมตื้อที่ยืนขวางทางอยู่ "รำคาญอีกแล้วนะคะ น้องอันดาแค่ทักทายเฉย ๆ เท่านั้นเอง ใจร้ายจัง" เธอพูดตามหลังผมด้วยน้ำเสียงที่ดูน้อยใจ แค่เสียงก็ทำให้ผมมโนภาพสีหน้าของเธอออกชัดเจนว่าเป็นเช่นไร นั่นทำให้ผมหันกลับมามองเธอ แล้วมันก็เป็นแบบที่ผมคิดจริง ๆ "ก็เธอมันน่ารำคาญจริง ๆ" ผมพูดนิ่ง ๆ ไม่คิดสนว่าเธอจะรู้สึกยังไง "ก็ได้ค่ะก็ได้" แต่ทำไมคำนี้และสีหน้าเวลาเธอพูดออกมา มันถึงทำให้ผมรู้สึกแย่นักล่ะ เหมือนเธอกำลังคิดอะไร เหมือนเธอจะไม่แคร์ หรือเธอแค่จะถอดใจไปแล้วกับการตามตื้อผม อย่างนั้นเหรอ? "........." ผมวางสีหน้านิ่งจ้องมองเธอที่ตอนนี้จ้องมองหน้าผมเหมือนกัน แต่แววตาของเธอนั้นมันช่างดูตัดพ้อเสียจริง "น้องอันดาคงทำให้พี่แผ่นฟ้ารำคาญจริง ๆ นั่นแหละ...ต่อไปจะไม่มาวุ่นวายตามตื้อพี่อีกแล้ว" เธอก้มหน้าพูด คำพูดของเธอทำไมมันทำให้ผมใจหล่นวูบ "......." ผมเงียบรอฟังว่าเธอนั้นจะพูดอะไรต่อ มันจะเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไหม? "งั้นขอตัวก่อนนะคะ รับรองว่าจะไม่ทำให้พี่รำคาญและวุ...อ๊ะ!!" และสุดท้ายก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริง ๆ ไม่รู้ว่าอะไรสิงร่างของผมให้กระชากแขนของเธอเดินตามโดยที่เธอก็ไม่ทันตั้งตัว ผมลากเธอที่ยั้งฝืนแรงไปทางด้านหลังของสนามฟุตบอล "......" "เดี๋ยว ๆ พี่แผ่นฟ้าจะไปไหน ปล่อยน้องอันดานะ ปล่อยสิคะ" เธอตีลงที่มือของผมเหมือนห้ามปราม แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจสิ่งที่เธอทำหรอก "พี่แผ่นฟ้า น้องอันดาเจ็บ อ๊ะ!!" เมื่อถึงที่ลับตาคน ผมก็เหวี่ยงร่างเล็ก ๆ ของเธออัดเข้ากับผนังสีขาว แล้วดันแขนกับผนังเหมือนกักตัวเธอไว้ ไม่ให้ไปเธอได้หนีไปไหน "อะไร?" ผมถามด้วยคำถามโง่ ๆ และคิดว่าเธอคงไม่เข้าใจ เพราะสีหน้าของเธอที่จ้องมองหน้าผมในระยะใกล้ มันมีเครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด "อะไรคืออะไรคะ?" เธอย้อนถามผมคืน เป็นการถามที่ผมนี่โคตรจะงงกว่าเธอเสียอีก ยัยเด็กบ้าไร้เดียงสาหน้าตาใสซื่อนี่นะ! "ถามนี่กวนตีนพี่ปะน้อง" ผมย้อนถามพร้อมกับขยับหน้าเข้าไปใกล้เธอ กลิ่นหอมจากน้ำหอมกระทบเข้ากับจมูกของผม มันหอมจนน่าหลงใหล กลิ่นกายของเธอทำไมมันถึงดึงดูดผมให้เข้าใกล้ และทำไมใจของผมต้องเต้นแรงในตอนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยจะเป็น "พะ พี่แผ่นฟ้า ขยับออกไปได้ไหมคะ คะ คะ คือมันใกล้เกินไป" ใช่ครับตอนนี้หน้าของผมแทบจะแนบชิดกับหน้าของเธอ มันจึงทำให้เธอเบือนหน้าออกด้านข้าง ก็เธอมันตัวหอมจนผมอยากจะสูดดมกลิ่นเข้าให้เต็มปอด "ทำไม? กลัวหวั่นไหวหรือไงกัน" ผมถามออกไปแบบหน้าด้าน ๆ นี่แหละ "วะ หวั่นไหวอะไร น้องอันดาไม่หวั่นไหวแล้ว...อื้อ 0.0" เด็กมันดื้อครับ แถมปากแข็งก็เลยอยากลองดูว่าปากสวย ๆ อมชมพูมันแข็งจริงไหม ผมแตะชิดริมฝีปากอิ่มสวย กดเน้นลงไปให้รู้สึก แต่ดูเหมือนเธอจะตั้งรับไม่ทัน ร่างกายของเธอแน่นิ่งเบิกตาโต น่ารักเป็นบ้าเลย! "เฮือก!!" ผมผละริมฝีปากออก เว้นระยะห่างจากปากของเธอ เสียงกลืนน้ำลายพร้อมกับร่างกายของเธอที่ดูจะตั้งรับไม่ทัน มันทิ้งน้ำหนักลงมาด้านหน้าจนหน้าผากของเธอกระแทกกับอกของผม ผมมองเธอด้วยรอยยิ้ม ริมฝีปากนิ่ม ๆ ที่ผมได้สัมผัส กลิ่นกายของเธอที่หอมหวนไม่เหมือนใคร มันทำให้ผมรู้สึกระส่ำระส่ายหวั่นไหว หัวใจก็เริ่มเต้นผิดจังหวะไป เริ่มเสียการทรงตัวแล้วครับ เพราะอะไรทั้งที่ไล่และผลักไสเธอให้หนีห่าง มันดีแล้วไม่ใช่หรือไงกับการที่เธอบอกจะไม่วุ่นวายแล้ว แต่ทำไมผมถึงได้มีอาการแบบนี้ล่ะ "ปากนิ่มดีนะ" ผมแก้อาการที่เป็นด้วยคำพูดแซว ขยับตัวออกห่างเธอหนึ่งก้าว จ้องมองอาการของเธอนิ่ง ๆ ดูว่าเธอจะโวยวายไหมกับการที่ผมจูบเธอแบบไม่ทันตั้งตัว "คนขี้โกง!!" "อันดา!!" เหมือนกับว่าเธอตั้งสติได้ ต่อว่าผมด้วยสีหน้าที่เหมือนไม่พอใจ ก่อนจะวิ่งหนีไปทางเดิมที่ผมลากเธอมา เรียกยังไงเธอก็ไม่หันกลับมามอง นี่ผมทำอะไรลงไป...หรือผมจะโดนมนตร์ดำวะ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม