4 ห้ามมีแฟน

1680 คำ
ตอนที่ 4 ห้ามมีแฟน ฝ่ามือหนาประกบปิดริมฝีปากเล็กเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาให้ใครได้ยิน “ชู่ววว อย่าเสียงดังยัยผีเด็ก ฉันจะทำให้เธอกลายเป็นผีหัวฟูไปเลยคอยดู” “อื๊อๆๆ อ่อยๆๆ” “ฉันไม่ปล่อย นั่งนิ่งๆ อย่าดิ้น ถ้าดิ้นจะจับโยนออกทางหน้าต่างให้ตายแล้วกลายเป็นผี เอาสิ ร้องสิ” “...” เด็กหญิงแพรวพราวกลัวจนตัวสั่นจำใจต้องนั่งนิ่งเงียบ เมื่อเห็นว่ายัยเด็กแสบสิ้นฤทธิ์ ฝ่ามือหนาจึงค่อยๆคลายออกจากริมฝีปากเล็ก “นั่งนิ่งๆ ฉันจะเล่าอะไรให้ฟัง” “แพรวจะกลับห้องแล้ว แพรวไม่ฟัง” “ฉันยังไม่ให้เธอกลับ เธอต้องฟังเรื่องหลอนๆก่อน ฉันถึงจะให้เธอกลับห้องของเธอ” “แต่แพรวไม่อยากฟัง” “ถ้าไม่ฟังฉันก็จะโยนเธอออกนอกหน้าต่าง และถ้าเธอฟังแล้วเธอยังส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายฉันก็จะโยนเธอลงหน้าต่างเหมือนกัน ลองดูสิ” “ฟังก็ได้ ไอ้ผู้ใหญ่ใจร้าย” “ชู่วว เงียบๆ ถ้าขึ้นเสียงใส่ฉัน ฉันจะจับโยนออกหน้าต่างจริงๆแล้วนะ” “...” “ดีมาก นั่งนิ่งๆ แล้วฟังฉันนะ ตอนที่ฉันเรียนอยู่ม. ต้น ฉันเคยไปเข้าค่ายพักแรมที่ค่ายทหารแห่งหนึ่ง คืนนั้นฉันจะไปเข้าห้องน้ำตอนเที่ยงคืนกว่าๆ เสียงหมาเห่าหอนดังสนั่น ฉันปลุกให้เพื่อนสนิทพาไปเข้าห้องน้ำ แต่เพื่อนของฉันมันปฏิเสธ ฉันก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำคนเดียว ระหว่างทางที่ฉันเดินไปมันมีเสียงของกิ่งไม้หล่นลงมาใกล้ๆ แต่พอฉันหันหลังกลับไปมองก็ไม่เห็นอะไรฉันจึงเดินต่อไปเรื่อยๆ และพอฉันเดินไปเข้าห้องน้ำเสียงลมพัดแรงมาก และมีเสียงเหมือนคนกำลังเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก” วายุเล่าเรื่องราวหลอนๆให้แพรวพราวฟังในขณะที่มือเขากำลังจิ้มโทรศัพท์มือถือและสายตาก็จรดจ้องที่จอมือถือเช่นกัน “แล้วยังไงต่อ” แพรวพราวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าวายุเงียบไป “ฉันนั่งฟังอยู่ในห้องน้ำ ไม่ได้เปิดออกไป และฉันคิดว่าต้องเป็นเพื่อนของฉันที่มันมาแกล้งเคาะประตู ฉันก็เลยตักน้ำเต็มขันเตรียมจะสาดใส่หน้าคนที่มาเคาะประตู แต่พอฉันเปิดออกไปกลับไม่มีใครเลยสักคน แล้วไฟเสือกดับ ฉันมองไม่เห็นอะไรเลย มันมีแต่เสียงลมพัดหวิวๆ มันทำให้ฉันขนลุกฉันพยายามที่จะเดินออกจากห้องน้ำนั้น แต่มันมืดมากและฉันก็เดินไปสะดุดตัวอะไรสักอย่างที่มันวิ่งมาชนเท้าของฉัน ฉันพยายามเพ่งมองดู มันคือแมวดำ มันหันหน้ามามองฉันและไฟก็สว่างขึ้นมา แต่เจ้าแมวตัวนั้นได้หายไปกับตา ฉันเดินกลับมาที่ห้องนอน มันเป็นห้องกว้างที่สามารถนอนรวมกันได้ประมาณยี่สิบคน ฉันนอนไม่ค่อยหลับเพราะฉันรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาจ้องมองฉันอยู่ ฉันพยายามข่มตานอนจนหลับ และฉันก็ฝันว่ามีผีหัวขาดมายืนถอดหัวหลอกฉัน เธอกลับห้องของเธอไปได้แล้ว คืนนี้ผีหัวขาดตัวนั้นมันจะมาหาเธอ” “...” ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆจากแพรวพราว “อ้าวยัยเด็กกะโปโล หลับตอนไหนวะ ตื่นสิยัยเด็กแก่แดด” “คร่อกกก ฟี้ๆๆๆ” “โธ่เอ้ย! เด็กบ้ามานอนหลับตรงนี้ได้ไงวะ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ลุกขึ้นฉันจะจับเธอโยนออกหน้าต่าง” “คร่อกกก ฟี้ๆๆๆ” วายุถึงกับนั่งกุมขมับที่ปลายเตียง เมื่อยัยเด็กกะโปโลทาแป้งหน้าขาวสวมชุดนอนลายคิตตี้แบบกางเกงขายาวและเสื้อแขนยาวกำลังนอนกรนหลับสบาย แม้ว่าเขาจะพยายามเขย่าแขนและใช้คำพูดข่มขู่ขนาดไหน เด็กหญิงแพรวพราวก็ไม่ได้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเลย “ยัยเด็กขี้เซา มาแย่งที่ฉันนอนได้ยังไง บ้าเอ๊ย ง่วงก็ง่วง นอนมันตรงนี้ล่ะ” (พรึ่บ) มือหนาคว้าหมอนข้างมาวางกั้นตรงกลางเตียงนอน “ห้ามข้ามเขตมาฝั่งฉันนะเว้ย ถ้าฟันเหยินๆเฉาะหน้าผากของฉันขึ้นมาฉันตีเธอหัวแตกแน่เด็กบ้า” วายุล้มตัวลงนอนและในที่สุดเขาก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า (เอกอีเอ้กเอ้ก) เสียงไก่ขันในช่วงเวลาเช้ามืดทำให้แพรวพราวเริ่มรู้สึกตัว “อื๊อ อื๊อ อะ...อะ...ออกไป หะ...หายใจไม่ออก” ขาเรียวเล็กพยายามดีดดิ้น ฝ่ามือบางสองข้างพยายามยกขาของวายุออกจากลำคอของเธอ แพรวพราวพยายามดีดดิ้นและตะเกียกตะกายลงจากที่นอน “ไอ้ผู้ใหญ่บ้า เอาขามาทับคอตอนไหนวะ เกือบตายเป็นผีแล้วไหมล่ะ กลับห้องดีกว่า” แพรวพราวเดินย่องไปที่หน้าต่าง เธอไม่ลืมที่จะหันกลับมามองคนที่กำลังหลับสนิท “หล่อจังเลย เดี๋ยวแพรวโตขึ้น แพรวจะจีบนะ ผู้ใหญ่ปากร้าย คริคริ ไปล่ะ บ๊ายบาย” เด็กดื้อโบกไม้โบกมือให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ขาเรียวเล็กก้าวออกทางหน้าต่าง เธอรู้สึกโล่งใจที่บันไดไม้ไผ่ยังตั้งพาดอยู่ขอบหน้าต่าง ขาเล็กก้าวข้ามหน้าต่างไปเหยียบที่บันไดไม้ไผ่เพื่อจะกลับลงไปห้องของเธอที่อยู่ชั้นล่าง แพรวพราวกลับมาถึงห้องนอนของเธอในเวลาตีห้า จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนและหลับไปอีกครั้ง เด็กหญิงแพรวพราวตื่นมาช่วงเวลาเกือบเที่ยงวัน เธอรู้สึกเวียนหัวและไอจามตลอดเวลา “อ้าวตื่นได้แล้วหรอ นึกว่าจะตื่นตอนบ่ายสามซะอีก” ยายวันเพ็ญพูดประชดหลานสาวในขณะที่แพรวพราวเดินเข้ามาในห้องครัว “แพรวไม่สบายน่ะยาย มึนหัวน้ำมูกไหลไอจามตลอดเลย” “ไม่สบายก็ไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวจะได้กินยา ไม่ใช่นอนอยู่แต่ในห้อง” “แล้ววันนี้ยายไม่ได้ไปหักข้าวโพดหรือไง” “ไม่ไป ก็เพิ่งส่งน้าภัทรของเอ็งกลับกรุงเทพ บ่ายๆยายถึงจะเข้าไร่ ถ้าเองไม่สบายก็อยู่บ้านนี่แหละไม่ต้องไปในไร่หรอก” “น้าภัทรกับกรุงเทพแล้วหรอยาย ไหนบอกว่าจะไปวันพรุ่งนี้ไง” “เพื่อนของเจ้าภัทรเขามีธุระด่วนก็เลยรีบกลับ” “แล้วน้าภัทรจะกลับมาวันไหนล่ะยาย” “ไม่มาง่ายหรอก น้าของเอ็งเขาได้งานทำแล้ว ส่วนเอ็งก็ตั้งใจเรียนหนังสืออย่ามัวแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน ทำตัวให้มันดีๆ อนาคตข้างหน้าจะได้มีชีวิตที่ดี ดูอย่างน้าภัทรเอ็งสิ เขาตั้งใจเรียนจนจบวิศวะ จบมาก็มีงานรองรับ ยายอยากเห็นเอ็งมีอนาคตที่ดีนะแพรว” “แพรวเข้าใจแล้วยาย แต่ยายอย่าลืมซื้อโทรศัพท์ให้แพรวนะ แพรวอยากมีโทรศัพท์ เวลาคุณครูสั่งงานในไลน์กลุ่ม แพรวจะได้ทันเพื่อน คอยถามแต่แตงกวา แบบนี้ช้ากว่าเพื่อน” “เออๆ ยายรู้แล้ว พรุ่งนี้จะไปซื้อมาให้” หลังจากที่ยายวันเพ็ญซื้อโทรศัพท์มือถือมาให้หลานสาว วันๆเด็กหญิงแพรวพราวเอาแต่เปิดดูยูทูปเกี่ยวกับความสวยความงามและเก็บไปทำตาม ไม่ว่าจะพอกหน้าพอกผิวด้วยมะขามเปียกหรือขมิ้นชัน เด็กหญิงแพรวพราวก็ทำตามทั้งนั้น “ยาย แพรวอยากดัดฟันอ่ะ แพรวฟันเหยิน แพรวขอเงินไปทำฟันหน่อยสิ” “ยังไม่ใช่เวลาที่เอ็งจะทำฟัน ถ้าอยากจะทำ เอ็งต้องสอบให้ได้เกรดเฉลี่ย 4.00 เอ็งสอบได้เมื่อไหร่ยายก็จะให้ทำตอนนั้นแหละ” “โธ่ ทำไมมันไกลเกินฝันจังเลยล่ะยาย แพรวไม่ได้เรียนเก่งขนาดนั้นนะ” “ก็ถ้าเองอยากทำฟัน เอ็งก็ต้องตั้งใจเรียนและสอบให้ได้สิวะ” “โอเค แล้วแพรวจะตั้งใจเรียน แพรวจะทำให้ได้ แพรวอยากทำฟัน แพรวอยากสวย” หกปีต่อมา “แพรว เอ็งตั้งใจเรียนนะลูก จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ยายภูมิใจในตัวเอ็งมากเลย ไปอยู่กับน้าภัทรก็ช่วยน้าปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้เขา อย่านอนตื่นสาย ยายไม่ได้ไปส่งเอ็งหรอกนะ ปิดเทอมเอ็งค่อยกลับมาหายาย” “แพรวจะตั้งใจเรียนนะตาจ๋ายายจ๋า แพรวจะไม่ดื้อ แพรวจะโทรหาตากับยายทุกวันเลย” “ตั้งใจเรียนนะแพรว” ตาบุญสมบอกหลานสาวพร้อมลูบศรีษะทุยเบาๆ (พรึ่บ) ร่างบอบบางโอบกอดตากับยายด้วยความรักและความผูกพัน นางสาวแพรวพราวในวัย 19 ปีเต็ม กำลังจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยคณะบริหารธุรกิจ แพรวพราวโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง ผิวพรรณขาวนวลเนียน ปลายจมูกเชิดรั้นรับกับริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อ ฟันขาวเรียวสวยหลังจากถอดเหล็กจัดฟันได้ไม่นาน เรียกได้ว่าเป็นสาวสวยน่ารักสมวัยเลยก็ว่าได้ รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์คันสีดำขับออกจากหมู่บ้านโคกหัวควายไปตามท้องถนน “น้าภัทร รถน้าภัทรสวยจังเลย นั่งสบายด้วย ถ้าแพรวเรียนจบมีงานทำ แพรวจะซื้อรถแบบน้าภัทร” “ตั้งใจเรียนให้จบก่อนเถอะค่อยมาคิดเรื่องนี้ อนคตยังอีกไกล และอย่าไปหลงแสงสี และห้ามมีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ เข้าใจที่น้าพูดไหม” “เข้าใจแล้ว” แพรวพราวเริงร่า เธอรู้ดีว่าการไปใช้ชีวิตในเมืองกรุงครั้งนี้ เธอจะต้องได้เจอกับผู้ชายที่ใจไฝ่หามานาน ----------------------------------- น้องแพรวโตเป็นสาวแล้วนะคะ น้องจะได้เจอกับน้ายุอีกแล้ว เด็กกะโปโล มอมแมม ฟันเหยิน โตขึ้นเป็นสาวสวย น้ายุจะชอบไหมน๊า ติดตามตอนต่อไป เรื่องราวจะสนุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่นอนค่ะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม