ตอนที่ 1 บ้านโคกหัวควาย
รถยนต์ฮอนด้าซีวิคคันสีน้ำเงินกำลังขับไปตามเส้นทางถนนสายมิตรภาพมุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครราชสีมาในช่วงสายของวันเสาร์
(ครืดครืด)
“ฮัลโหล ว่าไงไอ้ภัทร”
มือหนาข้างซ้ายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสายในขณะที่มือข้างขวายังจับพวงมาลัยรถ สายตาคมทอดมองไปตามเส้นทางข้างหน้า
“ถึงไหนแล้ววะ ไอ้ยุ”
'จิรภัทร' ถามไถ่เพื่อนสนิทอย่าง 'วายุ' ผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ผ่านสระบุรีมาสักพักแล้วว่ะ อีกไกลไหมวะ”
“ไม่ไกลมากหรอก ประมาณครึ่งทางได้ เดี๋ยวกูแชร์โลเคชั่นไปทางไลน์”
“เออๆ ส่งมาแล้วกัน แค่นี้นะ กำลังจะขึ้นเขาเข้าเขตปากช่องแล้ว”
“อืม ขับรถดีๆนะมึง”
หลังจากที่รถยนต์คันดังกล่าวขับผ่านภูเขาเข้าเขตปากช่อง เจ้าของรถได้ขับเข้าไปจอดพักและทำธุระส่วนตัวภายในปั๊มน้ำมันที่อยู่ไม่ไกลจากจุดขายของฝากขึ้นชื่อของเมืองโคราช
“หมู่บ้านโคกหัวควาย ไม่มีชื่อจะตั้งแล้วหรือไง ชื่อแปลกๆ บ้านโคกหัวควาย แบบนี้ก็มีหรอวะ”
วายุพูดคนเดียวขณะที่เขาเปิดดูโลเคชั่นในไลน์ที่จิรภัทรส่งมา หลังจากนั้นไม่นาน วายุได้ขับรถไปเรื่อยๆตามเส้นทางจีพีเอส ผ่านไปสองชั่วโมงรถยนต์ฮอนด้าซีวิคได้ขับมาถึงป้ายบอกทางให้ขับตรงไป
(บ้านโคกหัวควาย 3 กิโลเมตร)
“ขับตรงต่อไป อีก 2 กิโลเมตร บ้านโคกหัวควายจะอยู่ซ้ายมือของคุณ”
เสียงสัญญาณจีพีเอสดังขึ้น วายุขับตรงไปตามเสียงจีพีเอสบอกทาง
(ตี๊ดตี๊ด)
“เชี่ย...แบตหมด เสือกลืมสายชาร์จอีก...แม่ง”
วายุโพล่งคำหยาบออกมาเบาๆ เขาตัดสินใจขับตรงต่อไป และคิดว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านเพื่อนสนิท
“เชี่ย...ทำไมมันพาเข้าป่าวะ โถ่ มีแต่ดินแดง ป่ามันล้อมรอบไปหมด บ้านสักหลังก็ยังไม่มี”
วายุเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เนื่องจากเส้นทางที่เขาขับรถเข้าไปเป็นทางดินแดงฝุ่นตลบอบอวล และล้อมรอบไปด้วยต้นมันสำปะหลังกว้างใหญ่สุดสายตา
“หึ โดนนังสิริหลอกจนได้ นี่ถ้ามากลางคืนมันคงพาไปหาวัดหาเมรุอีกแน่ๆ นังสิริ เชื่อถือไม่ได้จริงๆ”
วายุบ่นต่อว่าระบบจีพีเอสด้วยอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย เขาจอดรถแล้วเปิดประตูลงมามองรอบบริเวณไร่มันสําปะหลัง เผื่อว่าจะมีใครผ่านมา
“แถวนี้ก็ไม่มีใครด้วยสิ จะถามใครก็ไม่ได้ แบตก็เสือกหมด เฮ่อ”
ร่างสูงประมาณ 175 เซนติเมตร เดินกลับขึ้นไปบนรถแล้วขับไปเรื่อยๆ สายตาคมกวาดมองซ้ายทีขวาที
(เอี๊ยดดดด โครม!)
“โอ๊ย!”
“เชี่ย อะไรวะ!”
วายุรีบจอดรถแล้วลงไปดูทันทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีรถจักรยานยนต์ขับมาชนด้านหน้ารถของเขา ภาพปรากฏตรงหน้ารถฝั่งซ้ายมีรถฮอนด้าสกู๊ปปี้สีแดงล้มตะแคงอยู่ มีเด็กผู้หญิงสองคนผมสั้นเทียมติ่งหูล้มกลิ้งคลุกฝุ่นสภาพถลอกปอกเปิก ผมเผ้าเต็มไปด้วยฝุ่นดินแดง
“ขับรถออกมาจากป่ามันได้ยังไง ทำไมถึงไม่ดู ไม่เห็นหรือไงว่ารถกำลังมา แล้วขับเข้าไปทำอะไรในร่องมันสำปะหลัง นี่ถ้าเป็นถนนใหญ่พวกเธอคงได้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว”
วายุต่อว่าเด็กหญิงทั้งสองที่กำลังพยายามยกรถจักรยานยนต์ขึ้นมา
“บ้านอยู่ไหน พาฉันไปหาพ่อแม่ของพวกเธอเดี๋ยวนี้ ดูสิ รถของฉันไฟหน้าฝั่งซ้ายแตกหมดแล้ว แถมยังมีรอยบุบอีกด้วย ฉันจะไปบอกพ่อแม่พวกเธอ ดูแลลูกแบบไหนถึงได้มาขับรถในไร่มัน แถมยังขับมาชนรถฉันอีก”
“บ้านอยู่ตรงโน้น พ่อแม่ตายหมดแล้ว มาหัดขับรถ แล้วใครใช้ให้มาขับรถเก๋งชมวิวในไร่มันล่ะ”
น้ำเสียงเล็กแหลมตอบกลับ วายุจ้องมองเด็กหญิงตรงหน้าสภาพมอมแมมไปด้วยฝุ่นดินแดง เสื้อยืดแขนสั้นสีขาวและกางเกงเจเจขาสั้นสีแดงเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นแดงเช่นกัน
“ผู้ใหญ่พูดยังจะมาเถียงอีก เรียนอยู่ ป.ไหน มันใช่เวลาที่จะมาหัดขับรถหรือเปล่า”
“ฮึ่ย...หน้าตาก็หล่อ แต่ขี้บ่นเหมือนคนแก่เลย หล่ออ่ะ อยากได้มาเป็นแฟน คริคริ”
“แก่แดด!”
วายุต่อว่าเด็กหญิงตรงหน้าพร้อมกับมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“อีแพรว กูว่ารีบหนีเถอะ เขาคงอยากเอาเรื่องที่มึงขับรถชนรถเขา มึงมีเงินจ่ายค่าซ่อมให้เขาหรอ”
แตงกวา กระซิบข้างๆหูเพื่อนรัก
“ไม่มีว่ะ”
“งั้นก็รีบหนี มึงซ้อนท้าย เดี๋ยวกูขับเอง”
“เออๆ”
“ว่าไงล่ะ บ้านอยู่ไหน ใครเป็นผู้ปกครองของพวกเธอ พาฉันไปเจอเดี๋ยวนี้”
วายุยืนกอดอกทำหน้าดุจ้องมองเด็กหญิงทั้งสอง
“ขึ้นรถสิ แล้วขับตามมา”
เด็กหญิงแพรวพราวบอกคนตรงหน้า
“อืม ขับไปสิ ฉันจะขับตามหลัง”
ร่างสูง 175 เซนติเมตร ในวัย 23 ปี เดินกลับมาเปิดประตูเตรียมก้าวขาขึ้นรถ
(บึ๊นนนนนน)
“บ๊ายบายนะคะที่รักขา”
เสียงรถจักรยานยนต์สกู๊ปปี้ขับออกไปด้วยความเร็ว เด็กหญิงแพรวพราวโบกไม้โบกมือแลบลิ้นปลิ้นตากวนประสาทวายุก่อนจะหายลับไปกับฝุ่น
“อ้าวเฮ้ย! คิดจะหนีหรอวะ ไอ้พวกเด็กบ้า แม่งเอ๊ย! ฝุ่นเยอะขนาดนี้จะตามทันได้ไงวะ”
-----------------------------------
เด็กหญิงแพรวพราวได้เจอกับน้าวายุแล้วนะคะ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วย สนุกแสบซ่าปนฮานิดๆ